ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ฟุตบอลไทย » 10 เหตุการณ์แห่งปีฟุตบอลไทย 2012

10 เหตุการณ์แห่งปีฟุตบอลไทย 2012

Posted 31/12/2012 by goal.com

 

รวมทุกเรื่องราวแห่งปี 2012 ที่เกิดขึ้นและมีผลกระทบทั้งแง่ดีแง่ลบกับวงการลูกหนังไทย ในวันส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปี 2013 ที่กำลังจะมาถึงนี้

รวบรวมทุกเรื่องราวแห่งปี 2012 ที่เกิดขึ้นและมีผลกระทบทั้งแง่ดีแง่ลบกับวงการลูกหนังไทย ในวันส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปี 2013 ที่กำลังจะมาถึงนี้

1. โศกเศร้าวงการลูกหนังไทยปีแห่งความสูญเสีย


2012 กลายเป็นปีที่วงการลูกหนังไทยต้องพบกับความโศกเศร้าตลอดทั้งปีจากการสูญเสียบุคคลที่สร้างคุณความดีรวดเดียวพร้อมกันหลายคน และที่น่าประหลาดใจที่สุดคือการจากไปในห้วงเวลาเดียวกันของ “โค้ชก๊อก” พงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ และ "โค้ชพงษ์" ธนเดช ฟูประเสริฐ กุนซือคนคู่แห่งยุคซึ่งทั้งสองท่านเสียชีวิตในวัยที่ใกล้เคียงกันด้วย

นอกจากนี้ อนันต์ ปานทอง อดีตนักเตะทีมชาติไทยของทีโอทีที่เคยร่วมงานกับทั้ง โค้ชก็อก และ โค้ชพงษ์ ก็ด่วนจากไปด้วยอาการหัวใจล้มเหลวซึ่งเป็นโรคเดียวกับที่คร่าชีวิต ประพล พงษ์พานิช กุนซือชื่อดังไปในช่วงต้นปีให้หลังจากที่พาทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ตกรอบแรก ที่ อินโดนีเซียเพียง 3 เดือนเท่านั้น

ขณะที่ช่วงสิ้นปี กามาร่า อาเหม็ด กองกลางชาวไอวอรี่โค้สต์ของภูเก็ต เอฟซี ที่ป่วยเป็นเจ้าชายนิทรามา 2 ปีเต็มก็ถึงแก่กรรมซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ชาวภูเก็ตเคยประสบเหตุสึนามิเมื่อ 8 ปีที่แล้วอีกด้วย

2. สเวน โกรัน อีริคส์สัน โค้ชระดับโลกในไทยพรีเมียร์ลีก

วันที่ 3 ก.ย.2012 บีอีซี เทโรศาสน รวมทั้งไทยพรีเมียร์ลีก สร้างปรากฏการณ์ใหมด้วยการดึง สเวน โกรัน อีริคส์สัน โค้ชที่ฝากฝีมือไว้กับสโมสรชั้นนำในยุโรปอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ,แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ,ลาซิโอ ,โรม่า และ เบนฟิก้า รวมทั้งทีมชาติอังกฤษ มาร่วมทำงานในเมืองไทยได้แบบช็อควงการ

ชื่อของ บีอีซี เทโรศาสน ถูกรายงานตามสื่อชื่อดังทั้ง เดลี่ เมล์ ,เดอะการ์เดี้ยน , บีบีซี ,ดิ อินดีเพ็นเดนต์ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญไม่แพ้ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เซ็นสัญญาค้าแข้งกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อปี 2011

แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วการทำงานของเทรนเนอร์ชาวสวีเดนจะไม่ได้ลงมาคุมทีมข้างสนามแต่ก็สามารถพา "มังกรไฟ" จบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 ซึ่งดีที่สุดในรอบ 4 ปีอยู่เหนือกว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าในปีที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะมุ่งหน้ากลับยุโรปในอีก 2 เดือนต่อมา

3. มหากาพย์ศรีสะเกษย้ายถิ่น (ที่ยังไม่จบ)

 

ก่อนเรื่มฤดูกาล 2012 ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ทำช็อคแฟนบอลด้วยการโยกย้ายออกจากถิ่นฐานบ้านเกิดไปปักหลัก อุบลราชธานี พร้อมกับเปลี่ยนชื่อสลัดความเป็นท้องถิ่นทิ้งไปด้วยนามใหม่ว่า "อีสาน ยูไนเต็ด"

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นำมาสู่ความขัดแย้งระหว่างแฟนบอลที่ตามเชียร์ทีมมาถึง 13 ปีและขึ้นชื่อว่าเป็นกลุ่มที่ผูกพันกับสโมสรบ้านเกิดมากที่สุดกับบอร์ดบริหารที่นำโดย สมบัติ เกียรติสุรนนท์ แม้ว่าจะมีคำชี้แจงมากมายถึงสาเหตุการกระทำครั้งนี้ทั้งการเกิดขึ้นใหม่ของ ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ความไม่พร้อมของสนาม หรือความต้องการขยายฐานแฟนบอลแต่ทั้งหมดดูเหมือนจะกลายเป็นคำแก้ตัวในแง่ของแฟนบอลมากกว่า

กองเชียร์ศรีสะเกษทั้งกลุ่ม "กูปรีพลัดถิ่น" และ "กูปรีท้องถิ่น" เริ่มต้นสงครามการต่อต้านทันทีตั้งแต่เกมนัดเปิดสนามวันที่ 18 มี.ค.2012 ด้วยการวิ่งลงไปป่วนสนามราชมังคลากีฬาสถานซึ่งทำให้อดีตทีมรักของพวกเขาแพ้ บีบีซียู เอฟซี 1-0 และตามด้วยการประท้วงทั้งเผาหุ่นฟาง เดินขบวน ทำป้ายด่าทอตามสนามต่าง กระทั่งการร้องเรียน สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ,ศาลปกครอง คณะกรรมาธิการวุฒิสภา แม้วันนี้กระแสต่างๆดูลดลงจากเดิมมากแต่ยังคงมีคลื่นใต้น้ำที่รอวันเอาทีมศรีสะเกษกลับคืนอยู่

4. เมืองทองฯ รีเทิร์นสู่แชมป์พร้อมกวาดสถิติใหม่

 

เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กลับมาพร้อมความยิ่งใหญ่เมื่อประกาศศักดิ์ดาคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกสมัยที่ 3 เป็นทีมแรก โดยทิ้ง ชลบุรี เอฟซี รองแชมป์ถึง 14 แต้มและเอาชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าขาดลอยถึง 30 แต้ม

“กิเลนผยอง"เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก่อนเริ่มฤดูกาลหลังได้ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (เอสซีจี) เข้ามาถือหุ้นใหม่ด้วยเงินลงทุนถึง 600 ล้านบาททำให้พวกเขามีงบสำหรับคว้า สลาวิซ่า โยคาโนวิช อดีตกุนซือปาร์ติซาน เบลเกรด ,มาริโอ ยูรอฟสกี้ จอมทัพคนใหม่ทีมชาติมาซิโดเนีย รวมทั้ง รี ควาง ชอน กัปตันทีมชาติเกาหลีเหนือมาเป็นกำลังสำคัญ

วันที่ 14 ต.ค.2012 พวกเขาเปิดบ้านเอาชนะ ชัยนาท เอฟซี 1-0 จากประตูโทนของ ธีรศิลป์ แดงดา ทำให้ได้ฉลองแชมป์กันล่วงหน้าก่อนปิดซีซั่น จากนั้นวันที่ 28 ต.ค.2012 เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด บุกไปยันเสมอ บีอีซี เทโรศาสน 2-2 เพิ่มความศักดิ์สิทธิ์บนถ้วยแชมป์เมื่อสามารถทำสถิติเป็นทีมแรกที่ไม่แพ้ใคร และกลายเป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดต่อ 1 ฤดูกาลด้วยจำนวน 78 ประตู

นอกจากนี้ 1 ประตูในเกมดังกล่าวของ ธีรศิลป์ แดงดา ยังทำให้เขาคว้าตำแหน่งดาวยิงสูงสุดเท่ากับ เคลตัน ซิลวา ที่ 24 ประตู ทำลายสถิติของ รณชัย สยมชัย อดีตหัวหอกตำนานการท่าเรือไทย ที่อยู่มายาวนานถึง 14 ปี ลงได้

5. ตาข่ายขาดที่เขาพลองสู่การลงโทษประวัติศาสตร์


วันที่ 21 พ.ค.2012 เป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลไทยรวมทั้งผู้ตัดสินหลังจากเกินเรื่องราวมมากมายในเกมที่ชัยนาท เอฟซี ชนะ บีอีซี เทโรศาสน 2-1 โดยเฉพาะจังหวะที่ กรกช วิริยอุดมศิริ ปีก "มังกรไฟ" เปิดลูกเตะมุมมาโดน ธนากร ขำโขมะ โหม่งสกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูแต่ตาข่ายกลับขาดทำให้บอลปลิ้นออกมาซึ่งผู้ตัดสินมานพ ปานสาคร ไม่ให้เป็นประตูกับทีมเยือน

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายจังหวะที่นักเตะชัยนาทเล่นบทโหดกับนักเตะบีอีซี เทโรศาสน ก่อนที่คณะผู้ตัดสินชุดดังกล่าวถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนก่อนมีบทสรุปให้ มานพ ปานสาคร ถูกสั่งห้ามลงทำหน้าที่ถึง 4 ปีซึ่งถือเป็นบทลงโทษผู้ตัดสินครั้งประวัติศาสตรเลยทีเดียว

6. เมืองทองฯบุกตลาดโลกทาบ"เดล ปิเอโร่"

 

ข่าวการยื่นซื้อ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ กองหน้าตำนานทีมชาติอิตาลีของยูเวนตุสกลายเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ในช่วงตลาดนักเตะรอบสองของเมืองไทยเดือนก.ค. ทั้งในแง่ของความคาดหวังที่อยากจะเห็นผู้เล่นระดับโลกในไทยพรีเมียร์ลีกเหมือนที่เมืองทองเคยทำสำเร็จกับ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ หรือบ้างก็ว่าเป็นเพียงแค่ข่าวลือและไม่มีทางเป็นไปได้

แม้ในท้ายที่สุดดาวเตะวัย 37 ปีจะไม่ได้มาเมืองไทยและตัดสินใจเลือกไปค้าแข้งในเอ-ลีก ออสเตรเลีย กับ ซิดนีย์ เอฟซี แต่เมืองทองก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมที่จะดึงผู้เล่นที่เหนือความคาดหมายมาเสมอด้วยการส่งตัวแทนพร้อมข้อเสนอกว่า 10 ล้านยูโรหรือ 400 ล้านบาทไปเจรจากับเอเย่นต์ของ เดล ปิเอโร่ โดยตรง

เชื่อกันว่าคุณภาพและชื่อเสียงของลีกภายในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในกรณีนี้ แต่ความพยายามของเมืองทองนั้นสามารถเพิ่มความรู้จักในไทยพรีเมียร์ลีกในสายตาคนทั่วโลกได้มากขึ้นและพวกเขาคงไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้แน่นอน

7. ปิดตำนานการท่าเรือไทยร่วงสู่ดิวิชั่น 1

ปิดตำนานการท่าเรือไทยร่วงสู่ดิวิชั่น1การท่าเรือไทย เอฟซี เป็นหนึ่งในสโมสรเก่าแก่ของเมืองไทยซึ่งก่อตั้งมาครบ 45 ปีและเป็นเพียง 1ใน2ทีมที่ได้เล่นไทยพรีเมียร์ลีกครบทั้ง 16 ครั้งแต่ในปี 2012 ตำนานที่พวกเขาสร้างมาเป็นอันยุติลงโดยวันที่ 21 ต.ค.2012 พวกเขาได้ชี้ชะตาการอยู่รอดที่แพท สเตเดี้ยม ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง และสุดท้ายความชอกช้ำก็มาเยือนสาวก "คลองเตยอาร์มี่" เมื่อถูกคู่รักคู่แค้นอย่างเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด บุกมาชนะ 2-1

ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นทำให้การท่าเรือไทย เอฟซี เป็นทีมสุดท้ายต่อจาก บีบีซียู เอฟซี และ ทีทีเอ็ม เชียงใหม่ ที่ต้องหล่นไปอยู่ดิวิชั่น 1 แต่ที่เจ็บปวดกว่าคือการตกชั้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทำให้เหลือเพียง บีอีซี เทโรศาสน ทีมเดียวที่คงอยู่ในลีกสูงสุดทุกครั้ง ซึ่งภายหลังความล้มเหลวทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในมากมาย วรพงษ์ ตันติเวชยานนท์ ตัดสินใจวางมือ นักเตะกว่าครึ่งทีมย้ายออกและการเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น "สิงห์ท่าเรือ" และโลโก้ใหม่ซึ่งดูจะไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลเท่าไร

8. สนามหนองจอกมรดกฟุตซอลโลกบนแผ่นดินสยาม

ประเทศไทยได้รับเลือกจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า)ให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตซอลโลก ปี 2012 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และจำเป็นต้องเนรมิตร "เมน สเตเดียม" ขึ้นมาเพื่อใช้แข่งขันและจัดพิธีเปิด-ปิด

“แบงค็อก ฟุตซอล อารีน่า" คือสนามที่คนไทยคาดหวังว่าจะเป็นที่เชิดหน้าชูตาต่อชาวโลกในเวิลด์คัพครั้งนี้โดยใช้งบประมาณลงทุนสร้างถึง 1,300 ล้านบาท แต่สุดท้ายความล่าช้าในการก่อสร้างด้วยเหตุผลต่างๆนาๆที่กรุงเทพมหานครยกมากล่าวอ้างทำให้ภาพที่ออกมาผิดกับแผนที่วางไว้มากทีเดียว

วันที่ 6 พ.ย.2012 ระหว่างที่การแข่งขันฟุตซอลโลก ครั้งที่ 7 ในประเทศไทยดำเนินไปฟีฟ่าได้ประกาศว่าจะไม่ใช่สนาม “แบงค็อก ฟุตซอล อารีน่า" ตลอดทัวร์นาเม้นต์เพราะไม่มั่นใจในระบบการรักษาความปลอดภัยแม้ทาง กทม. จะโชว์ศักยภาพมากแค่ไหนก็ไม่เป็นผล ซึ่งเรื่องดังกล่าวกลายเป็นกระแสวิจารณ์กันอย่างรุนแรงถึงความ "อับอาย"ของประเทศไทย

โลกไซเบอร์ต่างนำเรื่องนี้มาทำเป็นภาพตลกล้อเลียนบางคนนำสนามฟุตซอลหนองจอกมาเปรียบเทียบกับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง สโตนเฮนจ์ ของอังกฤษ และโคลอสเซียม ของอิตาลี ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ซึ่งดูเหมือนการก่อสร้างครั้งนี้จะกลายเป็นอนุสรณ์สถานมากกว่าสนามกีฬา

9 กระแสทีมชาติไทยฟีเวอร์แม้ไปไม่ถึงฝัน

 

แรงศรัทธาของฟุตบอลทีมชาติไทยกลับมาพุ่งขึ้นถึงขีดสุดหลังจากที่ซบเซามานานหลายปีแม้ทัพ "ช้างศึก"จะยังไปไม่ถึงจุดหมายทั้งฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก และ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 รายการความหวัง

ทีมชาติไทยเห็นแววการเรียกศรัทธาคืนนับตั้งแต่ปลายปี 2011 ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่เริ่มต้นอย่างสวยงามด้วยการบุกไปแพ้ ออสเตรเลีย แบบสูสี 1-2 และกลับมาถล่ม โอมาน ในบ้าน 3-0 แต่หลังจากนั้นผลงานกลับรูดลงตามลำดับจนเป็นอันดับสุดท้ายของกลุ่ม

ความหวังสูงสุดของทัพไทยคือการกลับมาเป็นจ้าวอาเซียนครั้งแรกในรอบ 10 ปีภายใต้การนำทีมของ วินรีด เชเฟอร์ กุนซือขวัญใจมหาชน โดยรอบแรกสามารถเก็บชัยชนะ 3 นัดรวดทำให้กระแสความแรงพุ่งขึ้นเต็มปรอด

รอบรองชนะเลิศไทยบุกไปยันเสมอมาเลเซีย 1-1 แบบดุเดือดทั้งในและนอกสนามทำให้การกลับมาเล่นที่ศุภชลาศัยมีความต้องการตั๋วเข้าชมเป็นจำนวนมากพร้อมกลับ ก่อนที่ไทยจะเอาชนะไป 2-0 พลิกเข้ารอบชิงชนะเลิศได้

การพบกับสิงคโปร์กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่อีกครั้งเมื่อบัตรเข้าชมเกมที่สนามศุภชลาศัยถูกจองหมด 18,000 ใบภายใน 3 ชั่วโมงทำให้แฟนที่พลาดเกิดอารมณ์เดือดพล่านเข้าไปถล่มแฟนเพจไทยทิคเก็ตเมเจอร์พร้อมกับข่าวการกักตุนจากผู้ที่ไปซื้อและหวังมาขายหน้าสนาม

แม้ทีมชาติไทยจะไม่สามารถคว้าแชมป์มาครองได้แต่การเอาชนะสิงคโปร์คืนในบ้าน 1-0 ทำให้กองเชียร์ลุกขึ้นปรบมือให้กับนักเตะรวมทั้ง วินฟรีด เชเฟอร์ ทั้งสนามพร้อมกับเรียกร้องให้สมาคมฟุตบอลไทยใช้งานเทรนเนอร์ชาวเยอรมันรายนี้ต่อไป  น่าสนใจว่าปี 2013 ที่จะถึงนี้ทีมชาติไทยมีโปรแกรมแข่งตั้งแต่ต้นปีทั้ง คิงส์คัพ และ เอเชียนคัพ 2015 รอบคัดเลือกกระแสจะพุ่งแรงขนาดไหน

10. เนวินเปิดประเด็นเงินหายปะทะเดือดสมาคมฟุตบอลไทย

 

ในการประชุมทีมสโมสรไทยพรีเมียร์ลีกเมื่อวันที่ 26 มี.ค.55 เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นหัวแรงใหญ่ในการจัดตั้งได้เปิดประเด็นถาม ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ว่าเงินค่าลิขสิทธิ์และสปอนเซอร์ของทีพีแอลหายไปไหนหลังประธานจัดการแข่งขันหลุดปากว่าไม่มีเงินที่จะจัดแข่งขันลีกสำรอง ซึ่งเป็นที่มาของความขัดแย้งที่กลายเป็นประเด็นร้อนแห่งปี

จากนั้นสมาคมฟุตบอลพร้อมด้วยบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จํากัด ผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ต้องออกมาชี้แจงแถลงข่าวกันยกใหญ่ถึงที่มาที่ไปของเม็ดเงินและจำนวนทั้งหมด แต่ดูเหมือนเรื่องราวจะบานปลายเข้าไปอีกเมื่อนายใหญ่แห่งบุรีรัมย์ขุดคุ้ยเรื่องสัญญาระหว่างองค์กรลูกหนังไทยกับผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ การเสียภาษีเงินได้ (ภงด.) ซึ่งทั้งหมดดูเหมือนจะไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน

ประเด็นความขัดแยงนี้ถูกจับมาเกี่ยวโยงกับเรื่องการเมืองหรือกระทั้งการไม่ชอบส่วนตัวแม้ว่าภายหลังนายเนวินจะลดบทบาทการเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันแต่ยังมีนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่เดินหน้าสอบสวนสมาคมฟุตบอลไทยต่อหลังเห็นข้อพิรุจเรื่องการจัดตั้งบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก ขึ้นมาโดยตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีการหาผลประโยชน์แอบแฝง

ศึกครั้งใหญ่นี้กินระยะเวลารวมกว่าครึ่งปีจึงไม่แปลกที่จะถูกยกให้เป็นเหตุการณ์ที่ร้อนแรงที่สุดแม้ช่วงหลังเรื่องดังกล่าวจะเบาบางลงไปแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าจะปะทุขึ้นมาอีกหรือไม่และการสะสางได้ยุติไปจริงแล้วหรือยัง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »