ยอดกุนซือชาวสเปนอาจพกดีกรีเปี่ยมล้นเข้ามารับงานในอลิอันซ์ อารีนา แต่ต้องยอมรับว่าอุปสรรคที่เฝ้ารอเขาอยู่เบื้องหน้าไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่หลายคนเข้าใจ

 หลังจากที่ปล่อยให้นักข่าวและแฟนบอลคาดเดาถึงอนาคตของเจ้าตัวกันไปต่างๆ นานาอยู่นานหลายเดือน ในที่สุด เป็ป กวาร์ดิโอลา อดีตกุนซือบาร์เซโลนา ก็ตัดสินใจเข้ารับงานใหม่ กับทีมจ่าฝูงบุนเดสลีกาปัจจุบันอย่างบาเยิร์น มิวนิค ท่ามกลางเสียงบ่นเสียดายของแฟนบอลหลายราย โดยเฉพาะผู้ที่อยากเห็นเขามาวาดลวดลายในพรีเมียร์ลีกมากกว่า

ต้องยอมรับว่าข่าวการแต่งตั้งเป็ป กวาร์ดิโอลาแบบสายฟ้าแลบในครั้งนี้ สร้างความประหลาดใจให้แฟนบอลทั่วโลกอยู่พอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน ทางด้านบาเยิร์น มิวนิค เพิ่งออกมาปฏิเสธว่ายังไม่มีการเจรจากับตัวกุนซือเลือดกระทิงแม้แต่น้อย พร้อมกระแสข่าวลือหนาหูที่ว่าเป็ป เตรียมเข้ารับงานที่แมนฯ ซิตี้ แต่ท้ายที่สุดก็กลับกลายเป็นทางเสือใต้ที่คว้าตัวเขาไปคุมทีมได้สำเร็จ

การตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วนเพียงชั่วข้ามคืนในครั้งนี้ นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลากหลายรูปแบบ บ้างก็ว่าเขาคิดผิดที่ปฏิเสธลีกซึ่งถือได้ว่ามียอดคนดูมากที่สุดในโลกอย่างพรีเมียร์ลีก บ้างก็ว่าเขาเลือกงานง่ายที่ไปคุมบาเยิร์น ซึ่งถือว่าเหนือกว่าทีมอื่นในลีกเดียวกันอยู่พอสมควร เช่นเดียวกับที่มีหลายเสียงเห็นพ้องกับการตัดสินใจครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการเป็นทีมที่มีรากฐานมั่นคงกว่าอีกสองตัวเลือกในพรีเมียร์ลีกอย่างเชลซี และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึงเอซี มิลาน จากกัลโช เซเรีย อา ที่มีข่าวสนใจใช้บริการของเขาอยู่เช่นกัน

หากลองพิจารณาจากหลายๆ ปัจจัยเทียบกันระหว่างบาเยิร์น มิวนิค สโมสรใหม่ของเป็ป กับบาร์เซโลนา ทีมเก่าที่เขารับใช้มานานกว่า 4 ปี แล้ว จะเห็นได้ว่าทั้งสองทีมมีความใกล้เคียงกันอยู่พอสมควร ทั้งคู่มีระบบเยาวชนที่ไว้ใจได้และสร้างนักเตะขึ้นมาประดับวงการมากมาย ในขณะที่บาร์ซามี “ลา มาเซีย” คอยปั้นทีมจากเยาวชนจนกลายเป็นทีมชุดใหญ่ที่ไร้ผู้ต้านในปัจจุบัน บาเยิร์น มิวนิค เองก็มีนักเตะจากทีมเยาวชนของตัวเองอยู่ในทีมชุดปัจจุบันหลายราย ตั้งแต่ ฟิลิป ลาห์ม, บาสเตียน ชไวน์สไตน์เกอร์, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, โทนี โครส, ดาวิด อลาบา และ โธมัส มุลเลอร์ ยังไม่นับรวมแข้งดาวรุ่งอีกจำนวนหนึ่งที่เติบโตมาจากระบบเยาวชนของทีมเสือใต้ อาทิ แมทส์ ฮุมเมิลส์, โอเวน ฮาร์กรีฟส์ หรือ พิโอเตอร์ โทรชอฟสกี เป็นต้น

นอกจากนี้ ทั้งสองทีมยังมีสไตล์การเล่นที่เน้นครองบอลเป็นหลักเหมือนกัน บาเยิร์น มิวนิค คือทีมที่มีเปอร์เซ็นต์ครองบอลสูงที่สุดเป็นอันดับสองของยุโรป (63 เปอร์เซ็นต์) รองจากบาร์เซโลนา (69 เปอร์เซ็นต์) ทีมเดียวเท่านั้น อีกทั้งเวทีบุนเดสลีกาในปัจจุบันก็ไม่ใช่ลีกน่าเบื่อ ดูไปหลับไปเหมือนแต่ก่อน ที่นี่มีค่าเฉลี่ยทำประตูต่อเกมสูงสุดในยุโรป พร้อมเกมรุกที่เร้าใจไม่ต่างจากทีมชาติอินทรีเหล็กยุคกำเนิดใหม่ เรียกได้ว่านี่คือหนึ่งในทีมที่ใกล้เคียงกับสโมสรเก่าของเขามากที่สุด หากวัดกันแบบปอนด์ต่อปอนด์

อย่างไรก็ดี แม้บาเยิร์น มิวนิค จะมีปัจจัยหลายอย่างพร้อมรอรับการเข้ามาทำทีมของเขา แต่อนาคตของกวาร์ดิโอลา บนแผ่นดินเยอรมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายถึงขั้นโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หลายคนเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่คือการทำทีมในลีกใหม่ซึ่งเขาไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน รวมถึงความท้าทายที่เขาต้องพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ใช่ “โค้ชฝีมือดาดๆ ที่โชคดีได้คุมยอดมนุษย์ในทีมยักษ์ใหญ่แห่งกาตาลัน” ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้แต่น้อย

ตลอดเวลา 4 ปี กับ 14 แชมป์ ในทีมบาร์เซโลนา เป็ป เจอข้อครหานี้จากแฟนบอลอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็ดูจะเป็นคำพูดที่ไม่ค่อยเป็นธรรมกับเขาเท่าไหร่นัก เมื่อเขาเป็นคนทำให้เกมรุกของบาร์เซโลนามีความแน่นอนมากขึ้น ประสบความสำเร็จแบบต่อเนื่องและยาวนานกว่าแฟรงค์ ไรจ์การ์ด อยู่หลายช่วงตัว (ไรจ์การ์ดคุมทีม 5 ปี ได้แชมป์ 5 รายการ) รวมถึงเปลี่ยนผ่านแกนหลักของทีมอย่าง โรนัลดินโญ, เอโต้และเดโก้ กลายเป็นขุนพล "ลา มาเซีย" อย่างเมสซี, ซาบี และอิเนียสต้า ได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด

หนึ่งผลงานของเป็ปในบาร์เซโลนาที่เห็นเป็น รูปธรรมที่สุดคือการขยับลิโอเนล เมสซี จากตัวรุกทางกราบขวา เข้ามาเป็นศูนย์หน้าตัวกลาง ซึ่งทำให้ดาวเตะอาร์เจนไตน์ กลายสภาพจากดาวรุ่งฝีเท้าดี เป็น นักเตะหมายเลขหนึ่งของโลกคนปัจจุบัน ที่กำลังท้าทายตำแหน่ง “นักเตะหมายเลขหนึ่งตลอดกาล” จากเปเล่ หรือมาราโดนา ในทุกวันนี้ เม สซีในวันที่อยู่ทางกราบขวา เคยทำได้มากที่สุด 17 ประตู รวมทุกรายการ ในฤดูกาล 2006-07 ก้าวกระโดดมาเป็น 38 ประตู ทันทีที่เป็ปเข้ามารับงานในฤดูกาล 2008-09

อย่างไรก็ดี เกียรติประวัติเก่าก่อนของกวาร์ดิโอลา อาจจะไร้ความหมายในทันที ถ้าในอีก 6 เดือนข้างหน้า เขาล้มเหลวไม่เป็นท่ากับทีมบาเยิร์น มิวนิค ต้องอย่าลืมว่าสโมสรแห่งนี้คือเบอร์หนึ่งตลอดกาลของฟุตบอลเยอรมัน ที่ความกดดันและความคาดหวังสูงยิ่ง เป็ปอาจไม่ต้องเจอแท็คติก เขี้ยวๆ ของโชเซ มูรินโญ และทีมเรอัล มาดริดอีกแล้วที่บ้านใหม่ แต่เสือเหลืองไดนามิค อย่างโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วในเกมพบราชันชุดขาวบนเวทียุโรปถ้วยใหญ่ทั้งสองนัด ในปีนี้

และนี่คือความท้าทายครั้งใหม่ บ้านหลังใหม่ ทีมใหม่ ระบบใหม่ ประสบการณ์ใหม่ ที่ยังไม่มีใครรู้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ของผู้ชายที่ได้ชื่อว่า "โค้ชที่ประสบความสำเร็จเร็วที่สุดในโลกฟุตบอล" เป็ป กวาร์ดิโอลา