ตำรวจเตรียมออกหมายเรียกตัว ดาราวิก 3 ''พี-ปรเมศวร์'' ในข้อหาฆ่าคนตาย ภายในวันที่ 5 ก.พ. หากไม่มาจะทำการยึดเงินประกันและขอหมายจับทันที เผยสอบพยานเกือบครบ ได้วงจรปิดแล้ว ส่วนดาราหนุ่มยังกบดานติดต่อไม่ได้ เจ้าหน้าที่ไม่หวั่นกระแสข่าวดาราเรียกร้องขอความเป็นธรรม ยันทำคดีแบบตรงไปตรงมาแน่นอน

    จากกรณี นายปรเมศวร์ สิงห์โพธิ์ หรือ ''พี-ปรเมศวร์'' ดารานักแสดงจากละคร ''หมูแดง'' ช่อง 3 ก่อเหตุยิงศีรษะ นายนพปฎล อธิบาย หรือ ''เอ'' อายุ 44 ปี หุ้นส่วนร้าน Muse ทองหล่อ ซอย 10 เสียชีวิต โดยทีแรกผู้ต้องหาอ้างว่าทำปืนลั่น ทำให้เหล่านักแสดงที่สนิทและรู้จักกับผู้เสียชีวิตออกมาช่วยกันเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับ ''เอ-นพปฎล''
    

    ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 56 พ.ต.ท.ศราวุธ เดชศรี พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สืบพยานเกือบครบแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 ปาก คือผู้หญิงที่มากับผู้ตาย และผู้หญิงที่มากับผู้ต้องหา เหลืออีก 1 ปาก คือ น้องสาวของนายปรเมศวร์ ส่วนหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดนั้นได้มาแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อรูปคดีค่อนข้างสูง หากเผยแพร่ออกไปก็เกรงว่าจะถูกนำไปตีความได้
    

    อย่างไรก็ตาม ได้มีการออกหมายเรียก ''พี-ปรเมศวร์'' ให้มารับทราบข้อกล่าวหาฆ่าคนตาย ภายในวันที่ 5 ก.พ. นี้แล้ว แต่หากผู้ต้องหายังไม่มาพบตำรวจตามที่นัดหมาย ก็จะดำเนินการยึดเงินประกันและขอหมายจับทันที เพราะถือว่าให้สิทธิ์การประกันตัวแล้ว
    

    ส่วนกรณีที่มีเหล่าดาราออกมาขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้เสียชีวิต ทำให้คดีนี้กลายเป็นที่สนใจมากขึ้นนั้น    พ.ต.ท.ศราวุธ เผยว่า ตนทำคดีมานานกว่า 20 ปี ไม่จำเป็นต้องเอนเอียง โดยเฉพาะคดีที่มีคนดังเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากจะทำให้เสียหายไปด้วย ซึ่งครั้งแรกที่มีการแจ้งข้อหาพยายามฆ่านั้น ยังไม่มีใครมาแสดงตัวเป็นพยานในคดี นอกจากนายปรเมศวร์และเพื่อน พยานที่เห็นเหตุการณ์ก็มีเพียง รปภ. ที่เห็นว่า นายประเมศวร์ถือปืนและวิ่งไป แต่ไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงแจ้งข้อหาตามนั้น ส่วนปืนที่นำมามอบก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นปืนที่ใช้ก่อเหตุ ต้องรอเปรียบเทียบหัวกระสุนในตัวผู้ตาย โดยได้ส่งกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจเปรียบเทียบแล้ว คาดว่าจะทราบผลภายในวันจันทร์ที่ 21 ม.ค. นี้ การที่นายปรเมศวร์ ซึ่งเข้ามอบตัวหลังก่อเหตุ ถือว่าเป็นการแสดงสปิริต แต่การให้การว่าเป็นอย่างไร ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะกล่าวอ้างในฐานะผู้ต้องหา แต่ตำรวจก็ไม่ได้นำคำให้การมาสรุปในการแจ้งข้อหา ตนรับราชการมา 25 ปี ไม่เอามาแลกเรื่องอย่างนี้แน่นอน เข้าใจอารมณ์ของผู้สูญเสีย แต่ก็ขอให้มองข้อเท็จจริงด้วย
    

    ทั้งนี้ยืนยันว่า การทำคดีเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย การออกข่าวจะเป็นอย่างไรจึงไม่มีความกังวล รวมทั้งผู้บังคับบัญชาก็กำชับให้ทำคดีตรงไปตรงมา โดย พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ก็ลงมาตรวจสอบด้วยตนเองและวางแนวทางการทำคดีให้ด้วย จึงไม่มีทางที่จะทำคดีนอกขั้นตอน
    

    อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อนายปรเมศร์ได้โดยตรง จึงส่งหมายเรียกไปยังบ้านพัก ส่วนญาติก็ยังไม่ได้รับการติดต่อแต่อย่างใด ทั้งนี้หากมีพยานคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ หรือ เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีก็ยินดีที่จะสอบปากคำ ขอให้ติดต่อเข้ามาเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย