ลองผิดลองถูกมาหลายฤดูกาล แต่ทว่าสโมสร ''เดอะ กล๊าส แร็บบิต'' บางกอกกล๊าส เอฟซี ยักษ์ใหญ่แห่งวงการยังไม่อาจประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังได้ จึงต้องผ่าตัดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฤดูกาลที่จะถึงนี้

ไม่ง่ายที่สโมสรฟุตบอลแห่งหนึ่งจะกล้าตัดสินใจรื้อโครงสร้างทั้งระบบแบบนี้ ถือเป็นความใจกล้าของผู้บริหาร เพราะการเปลี่ยนแปลงย่อมมีผลเกิดได้ 2 ทาง ประสบความสำเร็จ หรือไม่ก็ล้มเหลว...

กระนั้น บางกอกกล๊าส เอฟซี โดย คุณปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสร ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ และนักบริหารชั้นเลิศ ไม่เสียเวลารีรอที่จะให้ทุกอย่างมันแน่นิ่งเช่นเดิมต่อไป อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะดีกว่าที่จะทำทีมในแนวทางเก่า

พลันที่ผลงานในปี 2012 ออกมาด้วยการจบอันดับ 8 ซึ่งเป็นอันดับที่แย่ที่สุดนับจากที่เทกโอเวอร์สโมสรมาจาก ธ.กรุงไทยเดิม เหล่าผู้บริหารไม่รอช้าที่จะประกาศต่อสาธารณะชนและแฟนคลับตัวเองว่า จะขายนักเตะเกือบทั้งทีม เพื่อซื้อตัวเข้ามาใหม่ ซึ่งไม่ช้าทุกอย่างก็เป็นไปตามนโยบาย เมื่อนักเตะรายแล้วรายเล่าทยอยออกจากทีมไปทีละคนสองคน และมีหน้าใหม่เข้ามาเรื่อยๆ จนวันนี้ทีมเริ่มนิ่งแล้ว

ดูจากรายชื่อล่าสุดตัวที่เข้ามาประกอบด้วย นริศ ทวีกุล, เฉลิมเกียรติ บุญเนตร, ภูริทัต จาริกานนท์, ศุภเสกข์ ไก่แก้ว, ฮอนดะ, คริสต์ เอ็มบองดี, กรกช วิริยะอุดมศิริ, ทัศนา แช่มสะอาด, ปิยะชาติ ถามะพันธ์, โฮเซ่ เมน่า, เลอันโดร ซานโตส, บิลลี่ เมห์เม็ต ซึ่งทางทีมงานมองว่าลงตัวแล้ว เมื่อบวกกับแข้งเดิมอย่าง กฤษณะ กลั่นกลิ่น, อำนาจ แก้วเขียว, พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์, เอกพันธ์ อินทเสน, ชาตรี ฉิมทะเล และ "ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย

นอกจากการเปลี่ยนแปลงในส่วนของตัวผู้เล่นแล้ว ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือการปรับระบบการบริหาร ด้วยการมอบอำนาจรวมศูนย์ไว้กับ ฟิล สตับบินส์ กุนซือชาวอังกฤษแต่เพียงผู้เดียว ทั้งตำแหน่งผู้จัดการทีม และเฮดโค้ช

เรื่องนี้ "เสี่ยเหน่ง" ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ที่ขึ้นไปเป็นรองประธานสโมสรกล่าวว่า "เรื่องของการบริหารงานไม่มีอะไรมาก ทางผู้ใหญ่ต้องการให้การทำงานคล่องตัวขึ้น และกล้าที่จะตัดสินใจเองได้หมด จึงมอบให้ฟิลทำงานเกี่ยวกับการเตรียมทีม เทคนิคต่างๆ อย่างเต็มที่ โดยที่ผู้บริหารไม่ลงไปก้าวล่วง เพียงแต่ก็ยังช่วยในด้านการปรึกษาบ้าง แต่เรื่องการตัดสินใจเป็นหน้าที่ของฟิลคนเดียว ซึ่งโค้ชเขาก็ชอบ ก็ทำให้การทำงานสบายใจขึ้น"

มาถึงเรื่องนักเตะที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปีนี้ "เสี่ยเหน่ง" กล่าวว่า "มันจำเป็นที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงบ้าง เพราะทีมมันตันแล้ว นักเตะอยู่กันมานานแต่ยังไม่ดีขึ้น เราก็ต้องปรับบ้าง คิดว่ามันน่าจะดีกว่า เมื่อถึงทางตันเราก็ต้องผ่าทางตันนั้นออกไป บางทีอาจจะเจออะไรที่ใหม่ๆ ก็เป็นได้ คิดว่าไม่มีอะไรเสียหาย แต่จะเป็นการพัฒนาทีมเสียมากกว่า"

"นักเตะที่ได้เข้ามาก็คิดว่าพอใจมาก เพราะลงตัวทุกอย่าง แต่เรายังต้องการแข้งต่างชาติอีก 1 รายก็จะปิดการซื้อขายทันที ซึ่งรายสุดท้ายจะเป็นการคัดสรรให้ดีที่สุด ถ้าได้ตามที่ต้องการคิดว่าทีมพร้อมแล้วที่จะสู้ศึกปีนี้"

ต้องจับตาดูกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ บางกอกกล๊าส เอฟซี ว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จได้หรือไม่ ในการหวังแค่ท็อปของตาราง และแชมป์ฟุตบอลถ้วยสัก 1 รายการ