แชมป์เซาะกราวลงโชว์ฟอร์มท่ามกลางแฟนบอลของตัวเองกว่า 16,000 คน หวังตีตั๋วไปสร้างชื่อในเวทีระดับทวีปอีกครั้ง และพวกเขาก็ทำได้ แม้จะต้องยื้อมาจนถึงการดวลจุดโทษก็ตาม

ศึกฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2013 รอบเพลย์ออฟ ที่ไอโมบาย สตเดี้ยม เมื่อวันที่ 13 ก.พ.56 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยของประเทศไทย เปิดบ้านพบ บริสเบน โรร์ สโมสรจากออสเตรเลีย โดยจะหาผู้ชนะในเกมนี้เข้าสู่รอบแบ่งกลุ่ม

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จัดทัพแบบแปลกตาโดยวาง ไค ฮิราโนะ ปีกชาวญี่ปุ่นเป็นกองหน้าโดยให้ โกรัน เยอร์ โควิช ออกสตาร์ทเป็นสำรองส่วนแดนกลางมี แอนโธนี่ อำไพพิทักษ์วงศ์ ,อนาวิน จูจีน และ ชาริล แชปปุยส์ ให้ ออสมาร์ อิบันเญซ สวมปลอกแขนกัปตันทีมแทน สุเชาว์ นุชนุ่ม

ส่วนบริสเบน ได้ เชน สเตฟานัตโต แบ็กซ้ายตัวหลักผ่านความฟิตลงเล่นทันเวลา โดยวาง เบสาร์ท เบริชา กองหน้าชาวอัลแบเนีย ยืนคู่กับ สเตฟาน นิจแลนด์

เริ่มเกมมา 7 นาทีเจ้าถิ่นได้เสียวก่อน อนาวิน จูจีน รับบอลยาวจากแดนกลางก่อนจับลงพื้นและซัดด้วยขวามุมแคบโดน มิเชล ธีโอ ปัดไว้ได้นิดเดียว

จังหวะถัดมา อีวาน ฟานจิค กระโดดขึ้นป้องกันลูกฟรีคิก ที่ธีราทร บุญมาทัน เปิดจากกราบขวาเข้ามาที่หน้าประตู แต่ปะทะกลางอากาศกับ มิเชล ธีโอ นายทวารข้างเดียวกัน ทำเอา อีวานลงไปนอนกอง

ผ่าน 15 นาทีแรกของเกม อดีตแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกเป็นฝ่ายครองเกมได้น้ำได้เนื้อมากกว่าทีมเยือนจากแดนจิงโจ้ ที่ยังต่อเกมกันได้ไม่สนิทนัก อย่างไรก็ตาม บุรีรัมย์ ก็ยังไม่อาจจบจังหวะสุดท้ายแบบหวาดเสียวได้มากนัก

น.26 บุรีรัมย์ยังบุกต่อเนื่อง ธีราทร เปิดลูกเตะมุมมาหน้ากรอบเขตโทษ แชปปุยส์ วอลเลย์ตูมเดียวเฉียวเสาออกไป

ผ่าน 30 นาที บุรีรัมย์ยังทำงานกันได้ดี แต่บริสเบนเองก็บุกกลับมาบ้างเป็นระยะ พวกเขาเปลี่ยนเอา อิวาน ฟรานยิช แบ็กขวาที่เจ็บมาตั้งแต่ต้นเกมออกและส่ง แจ็ค ฮิงเกิร์ต กองหลังดาวรุ่งวัย 22 ปีลงเล่นแทน

จากนั้นสองฝ่ายพลัดกันรุกผลัดกันรับ รูปเกมโดยรวมยังไม่มีอะไรให้ลุ้นมากนัก ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0

เริ่มครึ่งหลัง บุรีรัมย์ได้ทักทายก่อนจากจังหวะยิงไกลของ สุรัตน์ สุขะ จากนั้นในนาทีที่ 60 สเตฟาน นิจแลนด์ ก็ได้โอกาสสับไกจากนอกกรอบเขตโทษ แต่บอลหลุดเสาออกไปเช่นกัน

ผ่านนาทีที่ 70 ดูเหมือนว่า ไมเคิล มัลวีย์ โค้ชของบริสเบนยังแก้เกมไม่ดีนัก รูปเกมยังเป็นของบุรีรัมย์ แต่พวกเขาก็ไม่อาจสร้างประตูได้จากโอกาสที่มี กระทั่งช่วงท้ายเกม บริสเบน มีโอกาสหวาดเสียวสองสามครั้ง แต่จนหมดเวลา 90 นาที ทั้งสองฝ่ายก็ยังเสมอกันอยู่ 0-0

เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ น.103 โอกาสที่ดีที่สุดในเกมนี้ สุเชาว์ นุชนุ่ม หลุดเดี่ยวก่อนจะตวัดผ่านตัว ไมเคิล ธีโอ ไปแล้วแต่บอลไหลออกนอกกรอบไปนิดเดียว จังหวะต่อมา สุเชาว์ ตอกส้นให้ โกรัน ซัดติดเซฟ ธีโอ

หมดครึ่งเวลาแรกในช่วงต่อเวลาพิเศษยังเสมอ 0-0

น.112 ธีราทร ทำแฮนด์บอลหน้ากรอบเขตโทษแต่ สเตฟาน ไนย์ลันด์ ก็ยิงฟรีคิกโด่งเกินไปแบบไม่ได้ลุ้น จากนั้นอีก 2 นาที บริสเบนถอด สเตฟาน ไนย์ลันด์ กองหน้าออกและส่ง สตีเวน ลุสติกา ปีกดาวรุ่งทีมชาติออสเตรเลียลงมาแทน แต่สุดท้ายก็ทำอะไรกันไม่ได้ จบเกมเสมอกันไป

ที่สุดแล้วต้องมายิงจุดโทษตัดสิน บุรีรัมย์ทำได้ดีกว่า เอาชนะบริสเบนไปด้วยสกอร์รวม 3-0