สัมภาษณ์''บังยี'' วรวีร์ มะกูดี กรณีการทุจริตในการแข่งขันฟุตบอลมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ 2012

 

    ''บังยี'' เตรียมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดกับอาร์มี่ ยูไนเต็ด หลังเชิ้ตดำยุ่นออกโรงแฉว่ามีการว่าจ้างผู้ตัดสินให้เป่าเข้าข้างทีมใดทีม หนึ่งในนัดชิงชนะเลิศ ''ฟุตบอลมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ 2012'' พร้อมส่งหลักฐานให้ทาง ''ฟีฟ่า'' ตามคำเรียกร้อง อีกทั้งเดินทางไปพร้อมตำรวจสากลในการสัมมนาเรื่องล้มบอลที่มาเลเซียกลาง สัปดาห์นี้

         จากการที่มีรายงานข่าวแจ้งว่า เอเอฟซีมีหนังสือถึงสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ระบุว่าให้เตรียมสอบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตในการแข่งขันฟุตบอลมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ 2012 นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2555
  
    
         เนื่องจากเอเอฟซีได้รับแจ้งจากผู้ตัดสินชาวญี่ปุ่นที่ลงทำหน้าที่ว่า มีการติดต่อว่าจ้างให้ตัดสินเข้าข้างทีมหนึ่งทีมใดใน 2 ทีมนี้ ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้สอบถามมายัง "บังยี"วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ ที่เดินทางมางานแถลงข่าว "ฟุตบอลมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ 2013 ถึงเรื่องนี้ว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร"


     
         "ทางเราได้รับรายงานมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ แน่นอนว่าทาง "ฟีฟ่า"และ "เอเอฟซี" เขาเข้มงวดมาก เมื่อเขาตรวจสอบมาเราจะส่งรายละเอียดข้อมูลภาพถ่ายของการแข่งขันฟุตบอล รายการนี้ให้กับทาง "ฟีฟ่า" ได้รับทราบ"
        
     

เตรียมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ


    
         พร้อมกันนั้นนายกลูกหนังไทยยืนยันว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เรื่องนี้ในเร็ววัน "เราจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทางวินัยมารยาทและข้อประท้วงด้วยการ เรียก 2 ทีมนี้มาสอบถามข้อเท็จจริงว่ามีความเป็นมาอย่างไรก่อนมีข้อสรุปให้ฟีฟ่า"
  
    
         ต่อข้อซักถามของผู้สื่อข่าวถึงประเด็นที่ว่าเรื่องเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว ทำไมถึงเรื่องเพิ่งแดงขึ้นมา ทาง "บังยี" ยืนยันว่า "เท่าที่ทราบมาเรื่องแบบนี้จะตัดสินแบบฉับพลันไม่ได้ มันจะต้องมีการพิจารณารูปการให้รอบคอบเสียก่อนค่อยเปิดเผยข่าวสารให้ออกสู่ สาธารณชน"
         
      เดินทางสัมมนาที่มาเลย์พร้อมตร.สากล

      
         นอกจากนั้นผู้สื่อข่าวยังถามอีกว่า หากเป็นทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดที่เป็นคู่ชิงชนะเลิศกับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ซึ่งเวลานี้กำลังจะเดินทางไปแข่งขัน "ฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2013" จะส่งผลกระทบหรือไม่ "นายกยี" เผยว่า "ตรงนี้ไม่รู้ โดยวันที่ 20-21 ก.พ. นี้ ผมจะเดินทางไปสัมมนาเรื่องการล้มบอลกับทาง "เอเอฟซี" ที่สำนักงานใหญ่ที่ประเทศมาเลเซียอยู่แล้ว โดยจะไปพร้อมกับตำรวจสากลที่ฟีฟ่าส่งมาเดินทางตามไปด้วย" บังยีกล่าว
        
     

"เสธ.หนุ่ย" ยันคำสั่งผบ.ทบ.อาร์มี่ลูกผู้ชายพอ


    
         ภายหลังจากได้รับข้อเท็จจริงจากทาง "นายกยี" ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามไปยังผู้บริหารทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถติดต่อได้  นอกจากนั้นยังได้สอบถามไปยัง "เสธ.หนุ่ย" พ.อ.วรวุฒิ วุฒิศิริ ผจก.ทีมอาร์มี่ ยูไนเต็ด ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับทีมอาร์มี่ ยูไนเต็ดแน่ เนื่องจากเป็นการกำชับจากทาง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการล้มบอลเด็ดขาด
 
      
         "ถามความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ต้องขอบอกว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะเราก็เล่นกันอย่างเต็มที่ พร้อมกันนั้นผู้ตัดสินก็ไม่มีวี่แววที่จะเป่าเข้าข้างทีมไหน ทีมอื่นผมไม่รู้ แต่สำหรับอาร์มี่ ยูไนเต็ด ด้วยเกียรติของทหาร อีกทั้งเราได้รับการกำชับมาจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้ห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เพราะจะทำให้สโมสรเสื่อมเสียชื่อเสียงได้" เสธ.หนุ่ยกล่าว
         
      "โค้ชตู่" ยันไม่รู้เรื่องล้มบอลเกมนั้นเต็มสูบแล้ว

 
         ทางด้าน "โค้ชตู่" พนิพล เกิดแย้ม กุนซือภูเก็ต เอฟซี ซึ่งเป็นอดีตกุนซืออาร์มี่ ยูไนเต็ด ที่นำลูกทีมลงสนามในเกมดังกล่าว ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกมขึ้นในเกมนัดนั้นว่า ตนเองก็ตกใจไม่น้อยที่มีข่าวเช่นนี้ออกมา ซึ่งเกมนั้นตนเองและลูกทีมก็เล่นเต็มที่ตามแท็กติกที่วาง

 
         แต่ด้วยศักยภาพตัวผู้เล่นที่เทียบกันตัวต่อตัวถือว่าเป็นรอง ทำให้ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ทำคนทำอย่างเต็มที่แล้ว เพื่อที่จะร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรและเป็นเกียรติประวัติให้ กับตัวเอง รูปเกมอาจจะเล่นกันหนักบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาของฟุตบอล แต่เมื่อเกมจบ ผมและลูกทีมก็จบไม่มีปัญหาอะไร ไม่ได้คิดอะไร เราทุกคนมีสปิริตของเกมกีฬาอยู่แล้ว

      

ชี้เรื่องปกติเชิ้ตดำพลาดเพราะกดดัน

 
         นอกจากนี้ทางโค้ชตู่ยังเผยต่อถึงการทำหน้าที่ของกรรมการชาวญี่ปุ่นในเกมนั้น ด้วยว่า "เท่าที่ตนเองมองก็มีผิดพลาดบ้างเหมือนกัน แต่ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเกมนี้มีเดิมพันของการได้ไปเล่นถ้วยเอเชีย แฟนบอลรอบสนามส่งเสียงเชียร์กดดันกรรมการตลอด ก็เป็นธรรมดาที่กรรมการอาจจะเสียสมาธิหรือแกว่งได้ และตัดสินผิดพลาด

 
         เพราะขนาดเกมระดับฟุตบอลโลกกรรมการก็ยังมีพลาด  ตนเองก็ไม่รู้จักอะไรเลยกับผู้ตัดสิน ยืนยันไม่มีการพูดคุยอะไรกันอยู่แล้ว แต่ในเกมยอมรับว่ามีโวยวายบ้างตามสไตล์ของคนที่เป็นโค้ช เมื่อทีมเสียเปรียบ"