สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับบทเพชรฆาตรสังหารจุดโทษประตูชัยท้ายเกม ช่วย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเฉือนเก็บชัยเหนือ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส ไปแบบสุดมันส์ 3-2 เก็บสามแต้มสุดสำคัญ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2556

ลิเวอร์พูล 3   -   2 สเปอร์ส

สนาม : แอนฟิลด์


         ศึกสองสัตว์ปีก "หงส์แดง" เปิดรังแอนฟิลด์รับมือ "ไก่เดือยทอง" โดยเกมนี้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ปรับทัพ 2 ตำแหน่งจากนัดที่แล้ว หลังได้ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ หายเจ็บกลับมาผนึกกำลังกับ หลุยส์ ซัวเรซ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ขณะที่ แบร็ด โจนส์ ลงเฝ้าเสาแทน เปเป้ เรน่า ที่เจ็บน่อง โดยนี่เป็นเกมลีกนัดที่ 500 ของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ด้วย

         ฝั่งทีมเยือนจากเมืองหลวง ฟอร์มกำลังแรงไม่หยุด นำทัพโดย แกเร็ธ เบล จรวดเวลส์ที่ยิงประตูอย่างต่อเนื่อง แต่ขาด อารอน เลนน่อน ที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่าจากเกมยุโรป ต้องปรับให้ เจค ลิเวอร์มอร์ แข้งดาวรุ่งลงแทน หน้าเป้าเป็น เจอร์เมน เดโฟ ตามปกติ

         เปิดฉากมา 4 นาที หงส์ทักทายก่อน สเตอร์ริดจ์ตัดบอลจากกลางสนาม ก่อนควบมาเองทางฝั่งขวาเขตโทษ แล้วซัดโด่งข้ามคาน นาที 11 ไก่ได้ฟาวล์หน้าเขต เบลขันอาสาตะบัน ก่อนตะบันด้วยซ้าย บอลเหมือนจะตรงตัว แต่ฮุกลง โจนส์ยังไวทุบออกมาได้ นาที 19 คูตินโญ่ลากตัดจากซ้ายเข้าใน แล้วปั่นด้วยขวา บอลโค้งหลุดเสาสอง

         กระทั่งนาที 21 หงส์ตีปีกออกนำ 1-0 สำเร็จ คูตินโญ่หลุดทะช่องเอ็นริเก้ที่เติมขึ้นมาหน้าเขตโทษ แบ็กสเปนไหลสั้นให้ซัวเรซที่วิ่งแลบมาทางซ้าย ก่อนดีดด้วยขวาสวนตัวโยริสเสียบเสาแรกสุดสวย

         เจ้าถิ่นเริ่มได้ใจ นาที 26 เจอร์ราร์ดเบิลบอลเร็วให้ซัวเรซหลุดมาทางขวา ซัวเรซไม่จ่ายเข้ากลาง แต่ตัดสินใจยิงมุมแคบ โยริสปั้นได้ นาที 33 เบลได้บอลหน้าเขตโทษ ไม่มีเพื่อนช่วย ตัดสินใจตะบันระยะ 25 หลา บอลโด่งข้ามคาน

         ไก่ใช้เบลเป็นอาวุธ นาที 34 ปีกเวลส์กระชากจากกลางสนามมาทางเขตโทษฝั่งขวา ก่อนล้มตัวซัดโด่งออกเสาแรก อีก 2 นาที ทีมเยือนน่าได้สุดๆ เบลตอกส้นให้ซิกูร์ดสันหลุดมาล่อเป้ากลางประตู แต่ซิกูร์ดส์สันซัดหลุดเสาไปนิดเดียว แลกกันมัน นาที 39 ซัวเรซไหลออกขวาให้สเตอร์ริดจ์ ปั่นด้วยซ้าย บอลโค้งตรงตัวโยริส

         ก่อนพักครึ่งไม่กี่อึดใจ ไก่ตีเสมอ 1-1 จนได้ เบลโยนจากขวาด้วยซ้าย บอลโค้งมาหน้าประตู แฟร์ต็องเก้นขึ้นขวิดกดลงพื้นเสียบเสาสองอย่างเด็ดขาด พร้อมจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้



        เริ่มครึ่งหลังไม่นานในนาทีที่ 51 ยังเป็นทีมเยือนบุกได้น้ำได้เนื้อกว่า แกเร็ธ เบล ไหลบอลมาทางขวาให้ เจอร์เมน เดโฟ หลุดเข้าไปยิงริมกรอบโทษแต่ไปติดเซฟ แบร๊ด โจนส์

        และถัดจากนั้นแปปเดียว นาทีที่ 53 สเปอร์ส มายิงแซงนำได้สำเร็จ จากจังหวะลูกฟรีคิ๊กระยะหวังผลด้านข้าง แกเร็ธ เบล เปิดโค้งเข้ามาในกรอบเขตโทษ เจมี่ คาร์ราเกอร์ โหม่งสกัดไม่ดีมาเข้าทาง แยน แฟร์ตองเก้น จับบอลจังหวะแรกก่อนวอลเล่ย์ด้วยซ้ายเต็มเท้าตุงตาข่าย สเปอร์ส แซงนำ 2-1

        ไก่เดือยทองไม่ผ่อนคันเร่งเลย ในนาทีที่ 57 แกเร็ธ เบล โชว์ฝีเท้าอันจัดจ้านอีกครั้ง ลากบอลผ่านสามผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล ทั้ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ลูคัส และ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ไปถึงสุดเส้นหลังก่อนเปิดโด่งมาเสาสอง กีลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน จับเอาบอลลงก่อนอัดเรียดบอลไปแฉลบ แบร๊ด โจนส์ เด้งไปชนเสาออกหลังอย่างน่าเสียดาย

        อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล มาตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 66 จากจังหวะผิดพลาดกันเองของสเปอร์ส ไคล์ วอล์คเกอร์ ส่งบอลคืนหลังไม่ดี อูโก้ โยริส พยายามจะออกมาแก้ไขแต่ก็โดนบอลนิดเดียวทำให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ฉกบอลไปได้พาเข้ากรอบโทษก่อนอัดเรียดเต็มข้อบอลพุ่งลอดขา แยน แฟร์ตองเก้น ที่พยายามจะเข้ามาสกัดตุงตาข่าย สกอร์ขยับมาเสมอกัน 2-2

        หลังจากได้ประตู ลิเวอร์พูล เปิดเกมบุกต่อเนื่องนาทีที่ 69 ไมเคิ่ล ดอว์สัน โหม่งไม่ดีมาเข้าทางปืนของ โฆเซ่ เอ็นริเก้ ได้ซัดทันทีแต่บอลเฉี่ยวเสาออกไป

        นาทีที่ 73 หงส์แดง เร่งเครื่องหนัก สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ได้บอลลากลุยมาทางขวาก่อนครอสโด่งไปเสาสองให้กับ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ โฉบเข้ามาโหม่งแต่ก็โหม่งไม่ตรงกรอบเอง

        ลิเวอร์พูล บุกหนักจนมาได้จุดโทษ นาทีที่ 83 เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ ทำฟาวล์ หลุยส์ ซัวเรซ ผู้ตัดสินเป่าทันทีและเป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด สังหารเข้าไปไม่พลาด หงส์แดงออกนำ 3-2

        ผ่านมาถึง 5 นาทีสุดท้ายหงส์แดงตัดสินใจเปลี่ยน ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาแทน

        ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีการทำประตูเพิ่มก่อนจบเกมไปด้วยสกอร์นี้ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเฉือน สเปอร์ส สุดมันส์ 3-2



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        ลิเวอร์พูล : แบร็ด โจนส์ - เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้ - ลูคัส เลว่า, สตีเว่น เจอร์ราร์ด - สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, หลุยส์ ซัวเรซ - แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

        สำรอง : ปีเตอร์ กูลาคชี่, อันเดร วิสดอม, มาร์ติน สเคอร์เทล, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โจ อัลเลน, จอนโจ้ เชลวี่ย์, ราฮีม สเตอร์ลิง


        สเปอร์ส : อูโก้ โยริส - ไคล์ วอล์คเกอร์, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, แยน แฟร์ตองเก้น, เบอร์นัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ - สก็อตต์ พาร์เกอร์, เจค ลิเวอร์มอร์ - กิลฟี่ ซิกูร์ดสสัน, มุสซ่า เดมเบเล่, แกเร็ธ เบล - เจอร์เมน เดโฟ

        สำรอง : แบร็ด ฟรีเดล, ไคล์ นอห์ตัน, สตีเว่น คาลเกอร์, วิลเลี่ยม กัลลาส, ทอม ฮัดเดิลสตัน, ทอม แคร์โรลล์, เลวิส โฮลท์บี้


        ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

        
        แบรนเด็น ร็อดเจอร์ส กุนซือ ลิเวอร์พูล ออกมาชื่นชมลูกทีมหงส์แดงหลังพลิกมาแซงชนะ สเปอร์ส สุดมันส์ 3-2 ว่าเป็นคาแร็คเตอร์ที่น่าชื่นชมอย่างมากและแสดงออกถึงสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง ในการไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

        "ผมคิดว่าคาแร็คเตอร์ที่เราแสดงให้เห็นในเกมนี้ มันสุดยอดจริงๆ ช่วงต้นๆฤดูกาลเกมแบบนี้มักจะไม่เข้าทางเรา แต่เราก็ทำงานร่วมกันอย่างหนักและเราก็ได้แสดงให้เห็นแล้ว เราทำให้มันเป็นเกมที่ยาก แต่ฟอร์มของเราก็สุดยอดมันเป็นสามแต้มที่มีค่าที่เราได้จากทีมระดับท็อปอ ย่าง สเปอร์ส"

        "ในช่วงนี้ โมเมนตั้มมาเข้าทางเราแล้ว เราต้องดึงศักยภาพของเรามาใช้อย่างเต็มที่และเราจะรักษาสถานะภาพนี้ไว้ ในช่วงท้ายฤดูกาลแบบนี้ เป็นช่วงที่คุณต้องการชัยชนะ เราแสดงความยอดเยี่ยมออกมาให้เห็น เรามีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งในการต่อกรกับทีมแกร่งอย่าง สเปอร์ส มันเป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยมสำหรับเรา" แบรนเด็น ร็อดเจอร์ส กล่าวหลังจบเกม

        หลังจากถูกถามว่าการตกเป็นรองหลังจบครึ่งแรก จนในครึ่งหลังสามารถพลิกแซงได้อย่างไร ร็อดเจอร์ส กล่าวว่า "ในช่วงต้นของครึ่งหลัง เราครองเกมเอาไว้ได้มากกว่าที่เคย และนี่ก็คือเหตุผลที่ผมเปลี่ยนตัวผู้เล่นเร็ว เราต้องการครองบอลกลางสนามให้ดีกว่าเดิม โดยการส่งมิดฟิลด์ลงไปสามตัว นั่นช่วยเราได้มากทีเดียว และนักเตะของเราก็ทำงานกันอย่างหนัก"
 

        
        
        นอกจากนี้ เจมี่ คาร์ราเกอร์ และ หลุยส์ ซัวเรส สองแข้งตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล ก็ได้ออกมาแสดงความปลื้มใจหลังสู้จนสามารถพลิกแซงชนะ สเปอร์ส ได้สำเร็จ โดย ซัวเรส ไม่ขอพูดถึงจังหวะจุดโทษพร้อมชี้ว่าเรื่องแบบนี้แล้วแต่ใครจะมอง

        เจมี่ คาร์ราเกอร์ กล่าวหลังจบเกมว่า "การเสียประตูที่สองและตกเป็นรองในครึ่งแรก มันทำให้เราต้องทำอะไรสักอย่างในครึ่งหลัง และนี่เป็นการสู้กับทีมระดับท็อป แต่เราก็ได้แสดงให้เห็นถึงคาแร็คเตอร์ของเรา เราโชว์ศักยภาพของเราในการเอาชนะทีมระดับท็อปได้ เราเจอสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆในฤดูกาลนี้และวันนี้เราทำได้"

        ชัยชนะในนัดนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล ทำแต้มจี้ขึ้นมาห่างจากอันดับสี่เพียง 7 คะแนนแล้ว ในเรื่องนี้ คาร์ราเกอร์ ให้ความเห็นว่า "มันก็เป็นสิ่งที่เราต้องการจะทำให้ได้ แต่ในตอนนี้เรายังไม่คิดถึงเรื่องนี้ เราก็แค่มีสมาธิในเกมถัดไป ในนัดหน้าเราก็ต้องทำให้ได้ดีอีกครั้ง ก็ต้องเป็นแบบนี้ไปจนจบฤดูกาล และเราค่อยมาดูตอนนั้นว่าอะไรจะเกิดขึ้น"

        ทางด้าน หลุยส์ ซัวเรส กล่าวถึงประตูแรกที่ตัวเองทำได้ว่า "ผมเห็นช่องและวิ่งเข้าไป ลูกแบบนี้คุณอาจจะพลาด หรือคุณอาจจะยิงเข้าบางทีมันก็ต้องการโชค"

        ส่วนหลังจากถูกถามถึงเรื่องลูกจุดโทษ ที่ ลิเวอร์พูล ได้ช่วงท้ายเกมที่ ซัวเรส ไปเรียกฟาวล์จาก เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ ได้นั้น ว่าสมควรเป็นจุดโทษหรือเปล่า ซัวเรส กล่าวว่า "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันแล้วแต่คนจะมอง สำหรับคุณอาจจะใช่ แต่สำหรับผมอาจจะไม่ ผมก็แค่ทำให้ดีที่สุด แต่คุณก็สามารถไปชมภาพช้าทางทีวีอีกครั้งได้"

        
        
        พร้อมกันนี้ ร็อดเจอร์สกุนซือทีมลิเวอร์พูลได้เผย โจ อัลเลนน่าจะต้องเข้ารับการผ่าตัดไหล่ด้วยเนื่องจากดาวเตะเวลส์มีอาการไม่สู้ ดีมาระยะหนึ่งแล้ว

        อัลเลนมีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมชนะสเปอร์สหลังได้ลงสนามเป็นตัวจริงนัดขย้ำวีแกน 4-0 เมื่อสัดาห์ก่อน

        "เราต้องมีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพราะโจ อัลเลนมีปัญหาที่ไหล่มาตั้งแต่เดือนต.ค.แล้ว และเขาน่าจะต้องเข้ารับการผ่าตัด" กุนซือเร้ด แมชีนเอ่ย

        
        
        อันเดร วิลลาช โบอาชผู้จัดการทีมสเปอร์สออกอาการผิดหวังที่ทีมตราไก่แพ้ลิเวอร์พูลเนื่อง จากลูกทีมก่อความผิดพลาดกันเองจนเสียสองประตู

        นอกจากไคล์ วอล์คเกอร์จะส่งบอลคืนหลังแย่และอูโก้ โยริสออกมาเคลียร์บอลไม่ดีจนทีมจากลอนดอนเสียหายแล้ว เบอนัวต์ อัสซู เอก็อตโต้ก็ทำเสียลูกโทษจนทำให้สเปอร์สปราชัยไปอย่างน่าเสียดาย

        "มันยากที่จะยอมรับได้ เราตามตีเสมอได้ก่อนจบครึ่งแรก จากนั้นเราก็เริ่มครึ่งหลังได้อย่างยอดเยี่ยม" กุนซือโปรตุกีสเอ่ย

        "ผมคิดว่าเราควบคุมสถานการณ์ก่อนที่เราจะแพ้ เราก่อความเสียหายสองหนจนเป็นประโยชน์ต่อลิเวอร์พูล มันน่าเสียดายเพราะเราน่าจะนำ 3-1 จากฝีเท้าของกิลฟี่ ซิกูร์ดสสันด้วยซ้ำ"

        "ผมไม่คิดว่าเราอ่อนล้ามาจากเกมยูโรปา เรามองดูแข็งแกร่งดี และฟอร์มการเล่นก็ดีจนกระทั่งเราทำพลาดไปสองหน"

        "คุณไม่อาจตำหนินักเตะได้หลังจากทีมไม่แพ้มานาน 12 เกม และหวังว่าเราจะกลับไปสานผลงานกันใหม่ได้อีกรอบ"