ในส่วนของเกมกีฬา จีน ถือเป็นประเทศที่เงินหนาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น การพัฒนากีฬา ก็เต็มที่มากกว่า บ้านเราแน่นอน เห็นได้จากความสำเร็จในระดับโอลิมปิก ส่วนแวดวงฟุตบอลลีกที่เพิ่งเป็นรูปเป็นร่างไม่นาน แต่ บรรดาทีมดังๆ ก็จัดการทุ่มเงินซื้อนักเตะระดับซุปตาร์ของโลกมาอย่างมากมายทั้ง นิโกลาส์ อเนลกา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา เป็นต้น

แม้ในช่วงที่ผ่านมา  วงการฟุตบอลจะต้องเจอข่าวฉาวเกี่ยวกับล้มบอลก็ตามแต่จีน ก็พยายามแสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้ปล่อยปละละเลย และจัดการลงโทษบุคคลพวกนี้อย่างจริงจัง มีคนมารับผิดจริงๆ ขึ้นศาลตัดสินโทษจริงๆ ไม่เหมือนหลายๆประเทศที่มีแต่ข่าวออกมา แต่ไม่เคยหาคนผิดมารับโทษได้เลย ยิ่งร้ายกว่าคือการเสแสร้ง ซุกปัญหาไว้ใต้พรมเสียอีก

และในทริปนี้ บุรีรัมย์​ ตัวแทนจากไทยพรีเมียร์ลีก บุกมาเยือนแดนมังกรเป็นคร้ังที่สอง ในรายการนี้ หลังจากเคยสร้างประวัติศาสตร์ทำช็อกเจ้าถิ่น บุกมาล้ม กวางโจว เอเวอร์แกรนด์​ สุดยอดทีมของพวกเขาได้ ชนิดหักปากกาเซียน เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และทำให้ พวกเขาไม่ใช่ทีมโนเนม อีกต่อไป

เราเดินทางมาถึง สนาม นานกิง โอลิมปิก สเตเดียม เซนเตอร์ สังเวียนครั้งนี้ ซึ่งชื่อก็บอกได้ถึง ความยิ่งใหญ่ มาตรฐาน ในตัวมันเอง โดย สนามแห่งนี้มีความจุประมาณ 6-7 หมื่นที่นั่ง สภาพสนามต้องถือว่าใช้ได้ทีเดียว มีทั้งลิฟท์ ห้องน้ำห้องท่า สแตนด์ที่นั่ง ก็สะอาดสะอ้าน ลบภาพเดิมๆ ส้วมหลุมสุดสกปรกไปได้เลย ส่วนแฟนบอลชาวจีน ก็บ้าบอลไม่ต่างกับชาติใดๆ ในโลก เช่นกัน จัดเต็มทั้งเสื้อ,ผ้าพันคอ,ธง,แผ่นป้าย และอุปกรณ์การเชียร์

ขณะที่แฟนบอล "เซราะกราว" จากไทย ก็ยกพลกันมากว่า 50 ชีวิต นำโดย "ซ้อต่าย" แห่งค่าย บุรีรัมย์ แม้จะน้อยนิดเท่ายิบมือ เมื่อเทียบกับแฟนบอลเจ้าถิ่น แต่ก็ต้องถือว่าเสียงเชียร์ คึกคักดังไม่อายใครเหมือนกัน

และก็น่าเสียดาย ที่เกมนี้ ต้องมาพ่ายให้กับ เจียงสู เสินตี้ ทีมบ๊วยของกลุ่ม อี 0-2 ทั้งๆที่รูปเกม ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่เพราะความผิดพลาดในช่วงท้ายครึ่งแรก แข้ง"สายฟ้า" เสียสมาธิ เลยโดนอัดไป 2 ลูกติดกัน ซึ่งก็ยอมรับว่า ไม่ง่ายที่จะกลับมา โดยเฉพาะในการเล่นนอกบ้านเช่นนี้

หลายคนจำได้กับช็อตชี้เป็นชี้ตาย ลูกหลุดเดี่ยว ของ รัมเซส บุสโต๊ส ก่อนที่ บุรีรัมย์ จะเสียประตู ถ้าจังหวะดังกล่าว ดาวยิงชาวชิลี ไม่พลาดซัดไปติดเซฟ รับรองว่า เกมคงกลับตาลปัตร หน้ามือเป็นหลังมือแน่

ทำให้อีก 3 นัดที่เหลือ จึงเป็นการบ้านชิ้นใหญ่ให้กับ บุรีรัมย์ ที่จะพลาดไม่ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกมในถิ่น ไอโมบาย สเตเดียมของตนเอง กับ เจียงสู เสินตี้ และ เวกัลตะ เซนได ส่วน เกมกับ เอฟซี โซล ที่ต้องบุกไปเยือน ดูแล้ว ไม่ง่ายจริงๆ

แต่อย่างที่สุภาษิต ว่าไว้ สงคราม (ที่นานกิง) ยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร และเราเชื่อว่า บรรพบุรุษชาวไทยที่เคยเสียกรุง สมัยอยุธยา แต่ก็กอบกู้เอกราชมาได้ ก็น่าจะมีสายเลือดนักสู้ฝังอยู่ในดีเอ็นเอของนักเตะบุรีรัมย์ทุกคน ไม่น้อยไปกว่ากัน.