มาร์กาเร็ต แธ็ตเชอร์ อดีตผู้นำหญิงคนดังของ อังกฤษ ได้เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 87 ปี จากอาการเส้นเลือดในสมองอุดตัน เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเธอเคยสร้างความฮือฮาในวงการลูกหนัง จากการกดดันให้ เอฟเอ ทำการถอนทีมสัญชาติอังกฤษจากการแข่งระดับทวีปให้หมด หลังเกิดโศกนาฏกรรมเฮย์เซล ในเกมนัดชิงดำของศึก ยูโรเปี้ยน คัพ ที่ ลิเวอร์พูล แพ้ ยูเวนตุส 0-1 เมื่อปี 1985

มาร์กาเร็ต แธ็ตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศอังกฤษ ได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) หลังจากที่เธอมีอาการเส้นเลือดในสมองอุดตัน จนทำให้เธอต้องสิ้นลมด้วยวัย 87 ปี

แธ็ตเชอร์ สร้างความฮือฮาด้วยการเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของเมืองผู้ดี หลังเธอถูกเลือกให้เข้ารับตำแหน่งดังกล่าวเมื่อปี 1979 และยังเป็นคนแรกที่ชนะการเลือกตั้งถึง 3 สมัยติดต่อกันด้วย ก่อนที่เธอจะลงจากเก้าอี้ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 1990 ซึ่งจนถึงปัจจุบัน เธอก็ยังเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่ได้เป็นผู้นำของ อังกฤษ

นับตั้งแต่นั้นมา เจ้าของฉายา "สตรีเหล็ก" ก็เจอโรคภัยไข้เจ็บเล่นงานมาหลายปี ก่อนที่จะเสียชีวิตลงในที่สุด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่ง ลอร์ด เบลล์ โฆษกส่วนตัวของ แธ็ตเชอร์ ระบุว่า อดีตผู้นำหญิงของ อังกฤษ ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ "มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างมากที่ มาร์ค และ คาโรล แธ็ตเชอร์ (ลูกๆ ของ แธ็ตเชอร์) ต้องขอประกาศว่า บารอนเนส แธ็ตเชอร์ คุณแม่ของพวกเขา ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ หลังจากมีอาการเส้นเลือดในสมองอุดตัน เมื่อเช้าวันนี้ ซึ่งเราจะมีแถลงการณ์เพิ่มเติมในภายหลัง"

ด้าน เดวิด คาเมร่อน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของ อังกฤษ กล่าวผ่าน "ทวิตเตอร์" เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดังว่า นี่นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของประเทศอย่างแท้จริง "การที่ผมได้ยินข่าวการเสียชีวิตของ เลดี้ แธ็ตเอร์ นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก เราได้เสียผู้นำชั้นยอด, นายกรัฐมนตรีที่ยอดเยี่ยม และชาวอังกฤษที่ดีเลิศไปแล้ว"

ขณะที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม แถลงการณ์ว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงเสียพระทัยเป็นอย่างมาก กับข่าวการเสียชีวิตของ แธ็ตเชอร์ และพระองค์จะส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียพระทัยไปยังครอบครัวของอดีตนายกรัฐมนตรีวัย 57 ปี ด้วย

ทั้งนี้ แธ็ตเชอร์ เคยทำให้วงการลูกหนังของเมืองผู้ดีต้องสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อเธอกดดันสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ให้ทำการถอนสโมสรสัญชาติอังกฤษออกจากการแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรปให้หมด ภายหลังเกิดโศกนาฏกรรมเฮย์เซล ในเกมนัดชิงชนะเลิศของศึก ยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปัจจุบัน) ประจำฤดูกาล 1984-85 ที่ ลิเวอร์พูล แพ้ ยูเวนตุส 0-1 เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 1985

สำหรับโศกนาฎกรรมดังกล่าวนั้น คือการที่มีแฟนบอลกลุ่มหนึ่งของ ลิเวอร์พูล ทำลายรั้วกั้นระหว่างพวกเขากับกลุ่มกองเชียร์ของ ยูเวนตุส ก่อนหน้าที่เกมจะเริ่มขึ้นราว 1 ชั่วโมง จนทำให้เกิดการเบียดเสียดกันอย่างหนัก และส่งผลให้กำแพงของสนามเฮย์เซล ถล่มลงมา จนทำให้มีผู้ที่เสียชีวิตถึง 39 คน โดยส่วนใหญ่เป็นสาวกของ "เบียงโคเนรี่" ซึ่งหลังจากที่ แธ็ตเชอร์ กดดัน เอฟเอ ให้ถอนทีมจากการแข่งรายการระดับทวีปให้เรียบวุธแล้วนั้น สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ก็สั่งห้ามสโมสรจากอังกฤษลงแข่งในเกมยุโรปนานถึง 5 ปีด้วยกัน