คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เตรียมบัญชาทัพเกมรุกพา "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด บุกถิ่น "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เตรียมจัดทัพเต็มอัตราศึกไว้รอรับลุ้นอัดทีมเยือน ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบรองชนะเลิศ นัดแรก) คืนวันพุธที่ 24 เม.ย. ศกนี้
 

 

ปรีวิว ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบรองชนะเลิศ นัดแรก)

วันพุธที่ 24 เมษายน 2556

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน) - เรอัล มาดริด (สเปน)

ถ่ายทอดสด : ช่อง9,ทรูสปอร์ต 1    เวลา : 01:45 น.

  


สนาม: บีวีบี สตาดิโอน (ดอร์ทมุนด์, เยอรมัน)

        "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รองจ่าฝูงบุนเดสลีกา เยอรมัน ยามนี้ ไม่มีผู้เล่นติดโทษแบน แต่ในรายของ เควิน โกรสส์ครอท์ซ กองกลางคงต้องเล่นอย่างระวังซักนิด เนื่องจากมีคาดโทษใบเหลืองอยู่ ถ้าโดนเพิ่มจะติดโทษแบนในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง ที่ต้องออกไปเยือน เรอัล มาดริด ที่เบร์นาเบว ทันที

        ความพร้อมทั่วไปของ ดอร์ทมุนด์ ได้ตัว โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงทีมชาติโปแลนด์ที่ลั่นไกมาตลอด 12 เกมหลังสุดที่ลงสนาม ฟื้นตัวจากอาการกล้ามเนื้อช้ำ กลับมาลงสนามได้ทันเวลา

        ตำแหน่งผู้รักษาประตูใช้งาน โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ เฝ้าเสา พร้อมได้ ลูคัสซ์ พิสเซ็ค, มัทส์ ฮุมเมิลส์, เนเวน ซูโบติช และ มาร์เซล ชเมลเซอร์ ยืนเป็นไลน์ดีเฟนซ์

        สำหรับแดนกลางวาง ยาคุบ บลาสส์ซีคอฟสกี้, มาริโอ เกิตเซ่ และ มาร์โค รอยส์ ลงมาปั้นเกมสนับสนุน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เข้าถล่มประตู

        สลับมาดู "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ยอดทีมจากสเปนให้ความสำคัญกับถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เต็มที่ หมายมั่นปั้นมือจะคว้าแชมป์ให้ได้ในซีซั่นนี้ เป็นสมัยที่ 10 ของสโมสร

        อย่างไรก็ตามสภาพทีมมีปัญหาเยอะทีเดียว เมื่อต้องขาด อัลบาโร่ อาร์เบลัว วิงแบ็คกราบขวาที่ติดโทษแบน หลังจากโดนใบแดงไล่ออกในรอบที่แล้วกับ กาลาตาซาราย

        ขณะเดียวกัน มาร์เซโล่ วิเอยร่า แบ็คซ้ายชาวบราซิเลี่ยนที่โดนเปลี่ยนออกตั้งแต่นาทีที่ 12 ของเกมลีกนัดล่าสุดที่เอาชนะ เบติส นั้น คงลงช่วยทีมเกมนี้ไม่ได้แน่ แต่ไม่มีปัญหา เพราะจะให้ ฟาบิโอ โคเอนเตรา กลับมาประจำการตามเดิม

        ในแดนกลางต้องรอเช็คความฟิตของ ไมเคิล เอสเซียง แข้งชาวกาน่าที่บาดเจ็บจนต้องแยกซ้อมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รวมไปถึง ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์ตัวรุกชาวโครแอต ที่มีปัญหากล้ามเนื้อตึงว่าจะพร้อมลงสนามหรือไม่ แต่รายของ คาริม เบนเซม่า กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ฟื้นตัวจากอาการเจ็บข้อเท้ากลับมาฝึกซ้อมร่วมกับกลุ่มได้แล้ว

        ส่วนรายของ ดีเอโก้ โลเปซ ผู้รักษาประตูจอมหนึบที่มีอาการบาดเจ็บสะโพก คงฟิตลงเฝ้าเสาได้อย่างไม่มีปัญหา ทำให้ อีเกร์ กาซียาส นายทวารคนดังทีมชาติสเปน ต้องเป็นสำรองตามเดิม

        แผงมิดฟิลด์ให้ ซามี เคดิร่า ยืนคุมเกมร่วมกับ ชาบี อลอนโซ่ ที่พ้นโทษแบนในลีกกลับมาพอดี ปล่อยให้ อังเคล ดิ มาเรีย ที่ไม่ได้เล่นในเกมลีกาล่าสุด ลงมาทำเกมรุกร่วมกับ เมซุต โอซิล และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งรายของ "เจ็ตโด้" ทำไปแล้ว 11 ประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ นำเป็นดาวซัลโวอยู่

        หน้าเป้าจะกลับมาใช้งาน กอนซาโล่ อิกวาอีน ดาวยิงทีมชาติอาร์เจนติน่า ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม

        ดอร์ทมุนด์: โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ - ลูคัสซ์ พิสซ์เซ็ค, เนเว่น ซูโบติช, มัทส์ ฮุมเมิลส์, มาร์เซล ชเมลเซอร์ - อิลคาย กุนโดกาน, เซบาสเตียน เคห์ล (กัปตันทีม) - ยาคุบ บลาสส์ซีคอฟสกี้, มาริโอ เกิตเซ่, มาร์โค รอยส์ - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

        เรอัล มาดริด: ดีเอโก้ โลเปซ - เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), ราฟาแอล วาราน, เปเป้, ฟาบิโอ โคเอนเตรา - ซามี เคดิร่า, ชาบี อลอนโซ่ - อังเคล ดิ มาเรีย, เมซุต โอซิล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - กอนซาโล่ อิกวาอีน

        ผู้ตัดสิน: บียอร์น คุยเปอร์ส (ฮอลแลนด์)

 

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ ระหว่าง ดอร์ทมุนด์ - เรอัล มาดริด
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
- เรอัล มาดริด เป็นทีมดับความหวังโอกาสป้องกันแชมป์ยุโรปของ ดอร์ทมุนด์ เมื่อทั้งสองทีมพบกันในรอบก่อนรองชนะเลิศ ปี 1997-98 โดย เฟร์นานโด มอริเอนเตส และ คริสติยง การ็อมเบอ ทำประตูให้ มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ 2-0 ในเลกแรก ก่อนที่ ราชันชุดขาวจะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปด้วยสกอร์รวมดังกล่าว
- รายชื่อนักเตะทั้งสองทีมในเลกสองที่ดอร์มุนด์ เมื่อ 15 เมษายน 1998

        ดอร์ทมุนด์ : โคลส, ไฟเออร์ซิงเกอร์, บินซ์, ครี (ซอร์ก น.12), รอยเตอร์, ริคเค่น (ทิมม์ น.76), บุท, โมลเลอร์, ไฮน์ริช, ทังโก้ (เดไชเวอร์ น.71), ชาปุยซาต

        เรอัล มาดริด : อิ๊กเนอร์ม ปานุชชี่, เอียร์โร่, ซานซ์, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, การ็อมเบอ, เซดอร์ฟ (กูตี น.88), เรดอนโด้, อามาวิสก้า, มอริเอนเตส (บิคตอร์ น.90), ราอูล (ไฆเม่ น.74)
- มาดริด เอาชนะ ดอร์ทมุนด์ ได้อีกครั้งในรอบแบ่งกลุ่ม รอบสอง ปี 2002-03 โดยเปิดบ้านเชือดไป 2-1 เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2003 ซึ่ง ราอูล กอนซาเลซ และ โรนัลโด้ ช่วยกันยิงประตูให้ทีมพลิกแซงหลัง แยน โคลเลอร์ ซัดให้ เสือเหลือง ขึ้นนำก่อน ขณะที่อีก 6 วันถัดมา โคลเลอร์ ก็มาทำให้ ดอร์ทมุนด์ ขึ้นนำอีกครั้ง แต่ ฆาเบียร์ ปอร์ตีโย่ ก็มาซัดประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้ ราชันชุดขาว บุกเสมอ 1-1 ส่งผลให้ เรอัล ผ่านเข้ารอบเป็นอันดับที่ 2 โดยมีคะแนนเหนือกว่า ดอร์ทมุนด์ 1 แต้ม

- รายชื่อนักเตะในเกมวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2003

        ดอร์ทมุนด์ : เลห์มันน์, เวิร์น, มาดูนี่, เม็ตเซลเดอร์, เดเด้ (อโมโรโซ่ น.90), รอยเตอร์, เคห์ล, เอวานิลสัน (ริคเค่น น.80), ฟริงก์, โคลเลอร์, เอแวร์ตัน (เรน่า น.87)

        เรอัล มาดริด : กาซียาส, ซัลกาโด้, เอลเกร่า, ปาบอน (ปอร์ตีโย่ น.90), โรแบร์โต้ คาร์ลอส, ฟลาวิโอ คอนไซเซา (กูตี น.68), มาเกเลเล่, ฟิโก้ (มานญามเบรส น.72), ราอูล, ซีดาน, โรนัลโด้
- เซบาสเตียน เคห์ล และ โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ ผู้รักษาประตูตัวสำรองในตอนนั้นยังคงเล่นให้กับ ดอร์ทมุนด์ มาถึงปัจจุบัน ขณะที่ อีเกร์ กาซียาส ก็อยู่กับ มาดริด ถึงทุกวันนี้เช่นกัน
- ในรอบแบ่งกลุ่มฤดูกาลนี้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ มาร์เซล ชเมลเซอร์ ช่วยกันทำประตูให้ ดอร์ทมุนด์ เอาชนะ 2-1 โดย มาดริด ได้จาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เมื่อ 24 ตุลาคม
- ดอร์ทมุนด์ เกือบบุกมาชนะได้ที่เมืองหลวงของสเปนในเกมถัดมา เมื่อขึ้นนำได้ถึงสองครั้ง จาก มาร์โค รอยส์ และการทำเข้าประตูตัวเองของ อัลบาโร่ อาร์เบลัว แต่ มาดริด ก็ตามตีเสมอได้สองหนจาก เปเป้ และ เมซุต โอซิล ที่มายิงได้ในช่วงนาทีที่ 89

เกร็ดที่น่าสนใจ
- ดอร์ทมุนด์ มีสถิติที่ยอดเยี่ยมในบ้านฤดูกาลนี้ เมื่อพวกเขาเอาชนะได้ทั้ง 5 นัด ด้วยการยิงได้ถึง 10 ประตูและเสียเพียงแค่ 3 ลูก
- เกมที่ มาดริด พ่าย กาลาตาซาราย 2-3 ในเลกสองรอบก่อนรองชนะเลิศ ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งที่ 3 จาก 17 นัดเยือนในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ภายใต้การคุมทัพของ โชเซ่ มูรินโญ่ (อีก 2 ครั้งเกิดที่เยอรมัน)
- มาดริด คว้าชัยได้เพียงแค่ครั้งเดียวจาก 24 หนก่อนหน้านี้ที่ไปเยือนเยอรมัน โดยแพ้ถึง 17
- มันคือชัยชนะเหนือ เลเวอร์คูเซ่น 3-2 ในปี 2000-01 แต่พวกเขาก็เคยไปคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ บนแผ่นดินเยอรมันในปี 1958-59 เมื่อเอาชนะ แรงส์ 2-0 ที่สตุ๊ตการ์ท
- ก่อนหน้าที่จะเอาชนะทั้ง มาดริด และ มาลาก้า เสือเหลืองต้องใช้เวลารอคอยเกือบสองทศวรรษกว่าจะเปิดบ้านเอาชนะทีมจากสเปนได้
- ดอร์ทมุนด์ มีสถิติเล่นในบ้านพบทีมจากลา ลีกา รวมถึงนัดที่เสมอ บาร์เซโลน่า ในยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ปี 1998 ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 2
- มาดริด มีสถิติเล่นสองเลกพบทีมจากเยอรมันในถ้วยยุโรป ชนะ 11 แพ้ 7 ส่วน ดอร์ทมุนด์ มีสถิติ ชนะ 4 แพ้ 2
- นี่จะเป็นครั้งแรกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือก ส่วน มูรินโญ่ จะเป็นครั้งที่ 6 ของเขา ซึ่งเขามีสถิติชนะ 2 แพ้ 3 ซึ่งเขาก็เคยคุมทีมพบกับสโมสรจากเยอรมันมาก่อนคือเกมนัดชิงชนะเลิศปี 2010 ระหว่าง บาเยิร์น กับ อินเตอร์ อย่างไรก็ดี มาดริด นั้นก็เพิ่งจะแพ้ บาเยิร์น ตกรอบรองชนะเลิศไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทว่า 2 หนที่ มูรินโญ่ สามารถพาทีมเข้าถึงรอบชิงฯ พวกเขาจะคว้าแชมป์ได้
- หนึ่งในวันที่ยิ่งใหญ่ของ มาดริด เกิดขึ้นในครั้งแรกที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับทีมจากเยอรมัน โดยถล่ม แฟร้งเฟิร์ต 7-3 ในยูโรเปี้ยน คัพ นัดชิงฯ ปี 1960 ที่กลาสโกว์ นอกจากนี้พวกเขาก็เอาชนะ เลเวอร์คูเซ่น 2-1 ที่เมืองเดียวกันจนคว้าแชมป์สมัย 9 ได้ในปี 2002
- ผู้ชนะสำหรับคู่นี้จะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับ บาเยิร์น หรือ บาร์เซโลน่า ที่เวมบลีย์ สเตเดี้ยม ในวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม