ดีกรีความโหดพุ่งเกินร้อยจริงๆ สำหรับ มูซ่า คาดีรอฟ ไลน์แมนในวงการฟุตบอลของรัสเซีย เมื่อเขาเข้าไปอัด อิลย่า คริชมาร์ ปราการหลัง อัมคาร์ เพิร์ม ในเกมที่ทีมสำรองของ อัมคาร์ เจอกับ เตเร็ค เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดย คริชมาร์ เผย สุดบอบช้ำจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยัน เปล่าพูดเย้นหยัน คาดีรอฟ ตามที่อีกฝ่ายอ้างเลย โดยเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ ท่านเปาฉาวโดนแบนตลอดชีวิตเรียบร้อย

มูซ่า คาดีรอฟ ผู้กำกับเส้นชาวเชชเนียคนหนึ่ง โชว์ความโหดสุดๆ เมื่อเขาพุ่งเข้าไปทำร้ายร่างกาย อิลย่า คริชมาร์ กองหลังดาวรุ่งของ อัมคาร์ เพิร์ม ทีมจากศึกรัสเซียน พรีเมียร์ลีก ในเกมที่ทีมสำรองของ อัมคาร์ เจอกับ เตเร็ค สโมสรในย่านเชชเนีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมา

หลังจากที่ผู้ตัดสินในนัดดังกล่าวเป่านกหวีดยาวจบเกมการแข่งขันแล้วนั้น คาดีรอฟ ก็ทิ้งธงของเขาลง แล้วพุ่งเข้าไปในสนาม พร้อมกับประเคนทั้งหมัดและเท้าใส่ คริชมาร์ ราวกับแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แถมสถานการณ์หลังจากนั้นยังวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม เมื่อผู้เล่นบางคนของ เตเร็ค เข้ามาร่วมวงอัดแข้งวัย 18 ปีด้วย เดชะบุญที่หลังจากนั้นนักเตะคนอื่นๆ และเจ้าหน้าที่หลายคนสามารถเข้ามาระงับเหตุการณ์เอาไว้ได้

ด้าน คริชมาร์ เล่าให้นักข่าวฟังว่า สภาพของตนบอบช้ำสุดๆ พร้อมขอบคุณ วลาซอฟ หนึ่งในนักเตะของทีมคู่แข่ง ที่เข้ามาช่วยเหลือตน "ตอนแรกกรรมการเป่าจบเกม แล้วผมก็เริ่มเดินไปที่ซุ้มม้านั่งสำรอง แต่แล้วจู่ๆ ก็มีใครบางคนเดินมาข้างหลังผม พร้อมกับผลักผมลงไปนอนกองกับพื้นสนาม และเริ่มเตะ กับต่อยผมทันที"

"หลังจากนั้นผู้เล่นบางคนของ เตเร็ค ก็เข้ามาร่วมอัดผมด้วย มีคนหนึ่งบีบคอของผม ส่วนอีกคนก็อัดผม จนทำให้หน้าของผมโชกไปด้วยเลือด ขอบคุณพระเจ้าที่เพื่อนร่วมทีมของผมเข้ามาช่วยเหลือผมเอาไว้ได้ทัน และต้องขอบคุณ วลาซอฟ ซึ่งเป็นนักเตะของ เตเร็ค ด้วย ผมกับเขารู้จักกันดีในตอนที่เราอยู่ด้วยกันที่อะคาเดมี่ในเมือง เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก และเขาก็ช่วยให้ผมหนีมาได้" คริชมาร์ ระบุ

ทั้งนี้ คาดีรอฟ อ้างว่า สาเหตุที่ทำให้เขาฉุนขาดจนเข้าไปอัด คริชมาร์ นั้น เป็นเพราะแข้งวัยรุ่นไปพูดจาหยาบคายใส่เขาก่อน แต่กองหลังดาวรุ่งของ อัมคาร์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ทำอย่างนั้นเลย "เราไม่พอใจกับการตัดสิน ดังนั้นเราก็เลยมีการทะเลาะกัน แต่ผมไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเขา หรือคุณแม่ของเขาเลย  ผมรู้ดีว่า ชาวเชชเนียมีความอ่อนไหวมากแค่ไหน"

การกระทำอันอื้อฉาวของ คาดีรอฟ ส่งผลให้ ลอม-อาลี อิบรากิมอฟ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลเชชเนีย สั่งห้ามเขาลงทำหน้าที่ในเกมใดๆ ก็ตาม ไปตลอดชีวิตแล้ว ถึงแม้ปกติแล้ว คาดีรอฟ จะลงตัดสินเฉพาะในเกมระดับท้องถิ่นก็ตาม "เขาลงทำหน้าที่เฉพาะในเกมระดับท้องถิ่น แต่เราตัดสินใจแบนเขาตลอดชีวิต ดังนั้นเขาจะไม่สามารถลงตัดสินในเกมระดับใดๆ ก็ตามได้อีก"

สำหรับ เชชเนีย หรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าสาธารณรัฐเชเชนนั้น มีปัญหากับ รัสเซีย มาเป็นเวลานาน เพราะพวกเขาเคยประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจาก รัสเซีย เมื่อช่วงปี 2534 แต่รัฐบาลของแดนหมีขาวไม่ให้การรับรองคำประกาศดังกล่าว และถือว่า เชชเนีย ยังเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาอยู่