ตำรวจตั้งเพิ่มอีก 4 ข้อหา "เอ๊กซ์" จักรกฤษณ์ พานิชย์ผาติกรรม พกอาวุธปืน, อาวุธสงคราม, ข่มขู่ฆ่า และขัดขืนเจ้าพนักงานไม่ยอมให้เจาะเลือดเพื่อตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย รวมเป็นทั้งหมด 7 ข้อหาที่รับทราบก่อนหน้านี้ เตรียมขอหมายศาลฝากขัง เช้า 15 ก.ค.นี้ ที่ศาลจ.มีนบุรี ขณะที่เจ้าตัวเกิดอาการเครียดจัด ทนายยื่นผลตรวจแพทย์ขอส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ความคืบหน้าคดี นายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ถูกตำรวจนครบาลสน.มีนบุรี ควบคุมตัวเตรียมส่งศาลดำเนินคดีตามกฎหมาย 3 ข้อหา พยายามฆ่า, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่นและเป็นผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัว

และข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาติ หลังจาก นางณิธวดี ภู่เจริญยศ ภรรยา และ นางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม แม่ของนักแม่นปืนทีมชาติได้ร้องเรียน นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หลังโดนนายจักรกฤษณ์ทำร้ายร่างกายและใช้ความรุนแรง

ก่อนที่จะมีการควบคุมตัวได้เมื่อ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ บ้านพักคนรู้จักย่านพัฒนาการ 63 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว "เอ๊กซ์" มารับทราบข้อหาพร้อมกับตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกาย ก่อนที่จะขออำนาจศาลคุมขังและเตรียมส่งฟ้องศาล จ.มีนบุรี ดำเนินคดีในวันจันทร์ที่ 15 ก.ค. นี้

พ.ต.ท.ถาวร สายมะณี พนักงานสอบสวน ผู้ชำนาญการพิเศษ สน.มีนบุรี ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า เมื่อคืนวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้นำตัวนายจักรกฤษณ์เข้าห้องขังเวลาประมาณเที่ยงคืน ทว่า ทีมทนายของนักแม่นปืนทีมชาติไทยได้นำผลการตรวจของแพทย์มายืนยันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวลูกความไว้ในห้องขัง และได้ร้องขอให้ส่งตัวไปยังรพ.แทน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปพบแพทย์ที่รพ.ตำรวจ ซึ่งแพทย์ระบุว่ามีอาการเครียด พร้อมจัดยามาให้ ก่อนจะควบคุมกลับมาคุมขังที่โรงพัก

ผู้สื่อข่าวได้พบกับเพื่อนสนิทและทีมทนายของนายจักรกฤษณ์พร้อมกับสอบถามอาการป่วย โดยเพื่อนของนักแม่นปืนทีมชาติไทย กล่าวว่า เอ๊กซ์มีอาการของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และมีผลข้างเคียงบ่อยทุกครั้งที่เกิดอาการเครียด เคยเดินๆ อยู่แล้วล้มลงก็มี ซึ่งอาการยังมีอยู่ทุกวันนี้

นอกจากนั้นเจ้าตัวยังเผยอีกว่าที่ผ่านมาชีวิตผ่านการถูกทำร้ายอย่างรุนแรง ก่อนที่จะตัดสินใจเดินออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุได้ 17 ปี จากนั้นก็พยายามเป็นพ่อที่ดี ซึ่งโดนห่มเหงมาตลอดเช่นกัน ส่วนตนไม่ชอบใช้ความรุนแรงและไม่เคยคิดจะฆ่าใครอยู่แล้ว นอกจากนั้น เพื่อนของนายจักรกฤษณ์ได้กล่าวอีกว่า คืนแรกของการถูกคุมขังเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะถึง 6 ครั้ง จึงไม่แน่ใจว่าต้องการอะไร

นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เพิ่มข้อหานายจักรกฤษณ์เพิ่มอีก 4 ข้อหา คือ 1.พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่า นายจักรกฤษณ์พกอาวุธปืนขนาด .38 กับ .357 และปืนออโตเมติก อีก 2 กระบอกติดตัวด้วย 2. มีอาวุธปืนที่เจ้าพนักงานทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนเอ็ม 4 ในบ้านและพบว่า เป็นอาวุธสงครามที่ไม่สามารถมีไว้ในความครอบครองได้

3.ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานหลังจากที่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ สน.มีนบุรี และรพ.ตำรวจ เจาะเลือด โดยต้องการเพียงตรวจปัสสาวะเท่านั้น และ 4.ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวโดยการใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ โดยจะแจ้งข้อหาทั้งหมดในวันที่ 15 ก.ค. นี้ ในเวลา 10.00 น. ก่อนจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี และยืนยันยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากกลัวว่านายจักรกฤษณ์จะไปข่มขู่พยานหรือทำลายหลักฐาน
 
เกี่ยวกับการเพิ่มอีก 4 ข้อหา ทางด้านเพื่อนแม่นปืนทีมชาติกล่าวเพิ่มอีกว่า การยัดข้อหาอาวุธปืนไว้ในครอบครองตนไม่เห็นด้วย เนื่องจาก นายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม เป็นนักกีฬายิงปืนและเป็นที่รู้จักกันดี ดังนั้นจะมีอาวุธปืนพกติดตัวไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด พร้อมกับเปิดเผยต่ออีกว่าในช่วงเย็นของวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา นายจักรกฤษณ์ ได้ติดต่อไปยังภรรยาของตนเองเพื่อให้มารับของมีค่า ซึ่งคาดว่าเป็นพระเครื่องมูลค่า 3-5 ล้านบาทไปเก็บไว้ นั่นเป็นการยืนยันอย่างดีว่านายจักรกฤษณ์ยังรักครอบครัวและภรรยา อย่างไรก็ตาม "หมอนิ่ม" นางณิธวดี ไม่ได้เดินทางมารับด้วยตนเอง แต่ให้คนสนิทและคาดว่าเป็นเลขาฯส่วนตัวมารับแทน ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นที่สงสัยของผู้สื่อข่าว

เนื่องจากก่อนหน้านี้ภรรยาสาวของนายจักรกฤษณ์ได้ยืนกรานไม่มีวันกลับไปใช้ชีวิตกับสามีคนนี้อย่างแน่นอนแล้ว โดยในวันรุ่ง ขึ้นที่ตร.จะนำตัวนายจักรกฤษณ์ไปขอหมายศาลฝากขังที่ศาลจ.มีนบุรี ตนจะเดินทางไปด้วยอย่างแน่นอน