''สายัณห์'' ออกโรงพยาบาล เหตุโฮมซิก อยากอยู่กับครอบครัว เผยนักร้องดังบ่นเจ็บแผลเจาะน้ำเกลือจนทนไม่ไหว ด้านแพทย์ห่วงน้ำตาลในเลือดสูง หวั่น ''พี่เป้า''ช็อก ลั่นพร้อมช่วยเหลือ 24 ชม. หากขุนพลลูกทุ่งเกิดเหตุฉุกเฉิน ด้านผู้จัดการส่วนตัวแย้ม ลูกทุ่งแหบเสน่ห์เตรียมรักษาตัวแบบพื้นบ้าน เชื่อไม่กลับมารักษาที่โรงพยาบาลอีก ขณะที่ เสก โลกโซ รุดเยี่ยม บอกเตรียมรวบรวมพรรคพวกจัดคอนเสิร์ตช่วย ''พี่เป้า'' อีกทาง
เรียกว่าทำเอาประหลาดใจไปตามๆ กัน สำหรับเรื่องราวความคืบหน้าอาการป่วยของขุนพลเพลงลูกทุ่งชื่อดัง ''ขวัญใจคนเดิม เป้า-สายัณห์ สัญญา'' หรือ นายสายัณห์ ดีเสมอ อายุ 62 ปี ที่ป่วยเป็นมะเร็งในตับอ่อนระยะที่ 4 และกำลังอยู่ในความดูแลของแพทย์ รพ.พระรามเก้า ซึ่งล่าสุด ''สายัณห์'' ประกาศขอกลับบ้าน เพื่อรักษาตัวตามวิถีทางเลือกของตัวเอง
กับความคืบหน้าในเรื่องนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 56 ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่พักรักษาตัวที่ชั้น 15 ห้อง 1514 รพ.พระรามเก้า ซึ่งเป็นบริเวณทางเข้าห้องพักรักษาตัวของ ''พี่เป้า-สายัณห์'' โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าในวันนี้ ทางโรงพยาบาลยังคงติดป้ายงดเยี่ยม และนำโต๊ะสมุดเซ็นเยี่ยมไว้หน้าทางห้องพักผู้ป่วย เฉกเช่นทุกวันที่ผ่านมา แต่ขณะเดียวกันกลับมีกระแสข่าวว่า ลูกทุ่งแหบเสน่ห์ต้องการจะออกจากโรงพยาบาล เพื่อกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน สร้างความงุนงงให้กับผู้สื่อข่าวที่มาติดตามอาการของลูกทุ่งชื่อดังไม่น้อย
ต่อมาเวลา 10.00 น. รพ.พระราม 9 จึงได้ออกแถลงอาการเรื่องผลการรักษาฉบับที่ 4 โดยมีข้อความระบุว่า
''จากการที่ คุณสายัณห์ สัญญา ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระรามเก้า ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2556 เป็นต้นมานั้น ทางคณะแพทย์ได้ติดตามอาการและดูแลอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด หลังจากที่แพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายประจำวัน พบว่าอาการทั่วไปในวันนี้ ชีพจรปกติ ไม่มีไข้ ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเล็กน้อย แพทย์จึงได้ให้ยาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลดังกล่าว คนไข้รับประทานอาหารเองได้ดี ทั้งนี้คนไข้มีความประสงค์ จะขอกลับไปพักฟื้นที่บ้าน และกลับมารับเคมีบำบัดครั้งที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2556 แพทย์จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำตามความประสงค์ดังกล่าวของคนไข้'' ประกาศดังกล่าว จึงยืนยันแน่ชัดว่า วันนี้ลูกทุ่งคนดังเดินทางกลับบ้านอย่างแน่นอนซึ่งจากการสอบถาม เจ้าหน้าที่ก็ได้เปิดเผยว่า ''พี่เป้า'' จะเดินทางกลับในช่วงเวลา 14.00-15.00 น.
ซึ่งในเวลาต่อมา นายมานิตย์ อังกินันทน์ ผู้จัดการส่วนตัว ''เป้า-สายัณห์'' ได้ออกมาไขข้อข้องใจกับผู้สื่อข่าวในเรื่องนี้ โดยเผยว่าตอนนี้ ''เป้า-สายัณห์'' มีอาการอ่อนเพลียมาก ไม่สู้ดีเท่าที่ควร แต่ ''เป้า-สายัณห์'' ตั้งใจอยากกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านตามแนวทางของตัวเอง ก่อนหน้านี้ที่ ''เป้า-สายัณห์'' จะตัดสินใจได้นอนพูดคุยกับตนมาได้ 2-3 วันแล้ว พร้อมกับปรึกษากับคนในครอบครัวและทุกคนรอบข้างตลอด ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งที่นายสายัณห์บ่นกับตนว่าทนไม่ไหว คืออาการเจ็บปวดบริเวณแขนที่เกิดขึ้นจากการเจาะเข็มฉีดยาเพื่อให้ยาทางสาย ยางและสายน้ำเกลือ ซึ่งต่อมาแขนที่แพทย์ทำการเจาะกลับเริ่มมองไม่เห็นเส้นเลือดที่จะให้เจาะอีก จนแพทย์ต้องเปลี่ยนการเข้ายาใหม่จากแขนเป็นบริเวณไหปลาร้าแทน ทำให้ ''เป้า-สายัณห์'' ไม่ต้องรับยาในการรักษาของแพทย์ต่อไป และเป็นแรงต้องตัดสินใจกลับบ้านไปรักษาตามแนวทางของตัว จนทุกคนไม่มีใครห้ามความตั้งใจครั้งนี้ได้
นายมานิตย์กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือเรื่องเบาหวาน ที่ตอนนี้มีสภาวะที่น้ำตาลที่สูงกว่าปกติมาก มีโอกาสเกิดสภาวะอาการช็อกขึ้นได้ตลอดเวลา จึงทำให้อาการทั่วไปโดยรวมไม่สู้ดีเท่าที่ควร หากออกจาก รพ.พระราม 9 ถือว่ายิ่งน่าห่วงมากกว่าเดิม แต่ถึงกระนั้นหากเกิดอะไรขึ้นคงไม่สามารถโทษ รพ.พระราม 9 ได้ เพราะ รพ.พระราม 9 มีการวางแผนรักษา และนำผู้เชี่ยวชาญทุกด้านมาดูแลอย่างดีที่สุดแล้ว แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นทางเลือกการตัดสินใจของนายสายัณห์เอง หลังจากนี้ต่อไปคงได้เพียงแค่เฝ้าดูติดตามอาการอย่างใกล้ชิด แต่คิดว่า ''เป้า-สายัณห์'' เป็นคนรู้อาการของตัวเองมากที่สุด
ส่วนในวันที่ 4 ส.ค. นี้ ที่แพทย์นัด ''เป้า-สายัณห์'' เพื่อมาตรวจร่างกาย และเข้ามาให้เคมีบำบัดนั้น ตนคิดว่าเปอร์เซ็นต์ที่ ''เป้า-สายัณห์'' จะเดินทางมาตามนัดนั้นคงน้อย ทั้งนี้เจ้าตัวมีแผนที่จะรักษาตัวเองในแบบพื้นบ้านแผนไทย และขอเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากกว่าที่เป็นอยู่ นอกจากนี้ ''เป้า-สายัณห์'' ยังได้ฝากให้ตนดำเนินการทุกอย่างในสิ่งที่ได้สั่งไว้อย่างตั้งใจ โดยเฉพาะคอนเสิร์ตในวันที่ 16 ส.ค. นี้ ต้องดำเนินต่อไป ซึ่งแนวโน้มที่ ''เป้า-สายัณห์'' จะเดินทางไปร่วมในคอนเสิร์ตครั้งนี้ค่อนข่างแน่นอน
ต่อมาในเวลา 13.00 น. มนัส โนนุช กรรมการและผอ.สำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ เสก โลโซ หรือ นายเสกสรร ศุขพิมาย และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเยี่ยม ''เป้า-สายัณห์'' เพื่อเป็นกำลังใจ ทั้งนี้ เสก โลโซ กล่าวว่า ตนถือว่าเป็นเพลงแฟนเพลงของ ''เป้า-สายัณห์'' ตั้งแต่สมัยเด็ก และเป็นแรงบันดาลใจให้อยากก้าวสู่การเป็นนักร้อง จนมีโอกาสเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงเริ่มสนิทกับ ''เป้า-สายัณห์'' เมื่อรู้ ''เป้า-สายัณห์'' ป่วย จึงต้องมาเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมทั้งได้นำเพลง ''เสียความรู้สึก'' และ ''เพลงเพื่อลูก'' นำไปขับร้องใหม่ เพื่อให้ประชาชนดาวน์โหลด และกำลังจะปรึกษากับเพื่อนในวงการบันเทิงนักร้อง เพื่อจัดคอนเสิร์ตพิเศษ เพื่อหารายได้ทั้งหมดมอบให้กับครอบครัว ''เป้า-สายัณห์'' อีกด้วย
''ผมเป็นแฟนของพี่เป้ามาตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว คอนเสิร์ตที่ผ่านมาจริงๆ ก็จะเข้าไปช่วยแต่ไม่ได้ไป ก็เลยร้องเพลงของพี่เป้าไว้เพลงนึงชื่อเพลงเสียความรู้สึก ผมได้คุยกับพี่เป้าและผู้จัดการของพี่เขาเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถไปดาวน์โหลดและดูตามยูทูบกันได้กันได้เลย รายได้ก็เอาเงินไปช่วยเหลือพี่เขาหมดเลย นี่วันนี้มารับเนื้องเพลงอีกเพลงนึงที่พี่เป้าแต่งเองชื่อเพื่อลูก เป็นเพลงที่เพราะมาก เดี๋ยวคืนนี้ผมจะเข้าห้องอัดเลย แล้วเอาเพลงมาสเตอร์มาให้พี่เขาทันทีที่เสร็จ'' (ได้คุยอะไรกับพี่เป้าบ้าง)
''ก็บอกว่าเป็นห่วงเขา เราก็คุยเรื่องเก่าๆ กัน ด้วยผมผูกพันกับพี่เป้ามากเพลงแรกที่ร้องนี่ก็เพลงพี่เป้าเลย พอพี่ไม่สบายก็เป็นห่วง มีความรู้สึกว่าต้องมาเยี่ยม ก็ร้องเพลงให้พี่ เมื่อกี้ก็ให้กำลังใจพี่เขาบอกให้สู้ต่อไป ถ้าให้ผมช่วยเหลือรับใช้อะไรได้ก็บอกมาได้เลย ผมช่วยเต็มที่ อาการพี่เขาก็ดีขึ้นนะครับ เขายังร้องเพลงให้ผมฟังเพลงนึงเลย เพลงเพื่อลูกที่พี่เป้าแต่งไว้ มีอย่างนึงที่ผมกับพี่คือผมเองก็เป็นคนที่รักลูกเหมือนกัน นี่แกก็ให้ซีดีผมมา เราต้องช่วยกันสนับสนุนนะ ให้พี่เขาสู้ต่อไป เรามีจิตใจใกล้ๆ กันเพียงแต่ว่าผมเป็นวิถีร็อกแอนด์โรล ผมว่าเดี๋ยวก็หายครับ''
ส่วนเมื่อถามว่าจะมีโอกาสขึ้นคอนเสิร์ตที่สุพรรณฯ ด้วยไหม นายเสกสรรกล่าวว่าในช่วงนั้นตนต้องไปยุโรป แต่ตนจะรวบรวมพรรคพวกเพื่อจัดคอนเสิร์ตช่วย ''พี่เป้า''อีกทาง แต่ทั้งนี้คงต้องพูดคุยกันก่อน
''ผมต้องไปยุโรปวันที่ 13 นี้ เดี๋ยวว่าจะกลับไปซาวเสียงกันว่าจะจัดคอนเสิร์ตให้แกก่อนจะไปยุโรป จะชวนเพื่อนๆ ที่เป็นนักร้องที่ชื่นชอบพี่เป้า ก็มองไว้ว่าจะจัดที่โรงเบียร์เยอรมัน เดี๋ยวขอไปคุยกันวันนี้ก่อนแล้วจะสรุปให้ฟังอีกที''
หลังจากนั้นในช่วงเวลาต่อมาเวลา 14.30 น. นางวรรณพร สัมฤทธิ ภรรยา และ ''น้องเกรซ'' ศิรประภา ดีเสมอ ลูกสาวคนรอง และ ''น้องเฟิร์ส'' ภัทรกัญญา ดีเสมอ ลูกสาวคนเล็ก ญาติ และเพื่อนวงการเดินทางมารับ ''เป้า-สายัณห์'' ออกจาก รพ.พระราม 9 กลับไปรักษาตัวที่
คอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านปิ่นเกล้า กทม. ทั้งนี้ ''เป้า-สายัณห์'' มีสีหน้าอิดโรยอ่อนเพลีย ด้วยชุดลำรองสวมเสื้อแขนยาวสีเทา กางเกงขายางสีดำ สวมหมวก และสวมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคปิดหน้า
ต่อมาเวลา 15.00 น. นพ.อรรตพร พรอนันต์รัตน์ อายุรแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหารและตับ นพ.อาทิตย์ เจียรนัยศิลาวงศ์ ผู้ช่วย ผอ.รพ.พระราม 9 นายศุภธร จันทรกุล ผอ.ฝ่ายสื่อสารการตลาด และทีมแพทย์ผู้ให้การรักษา แถลงข่าวว่าความคืบหน้าการรักษาของ ''เป้า-สายัณห์'' ทั้งนี้ นพ.อรรตพร กล่าวว่า อาการป่วย ''เป้า-สายัณห์'' เกิดจากโรคมะเร็งตับอ่อน และขยายตัวมาตับ แพทย์ให้การรักษาด้วยเคมีบำบัด เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา ภายหลังให้เคมีบำบัดไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายใดๆ แต่ผู้ป่วยอยู่ระหว่างปรับตัวของร่างกายได้ดี และมีกำหนดให้เคมีบำบัดครั้งที่ 2 ในวันที่ 4 ส.ค. นี้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติมาก แม้จะให้ยาควบคุมน้ำตาลในเลือดก็ยังไม่สามารถจะควบคุมได้ดี และยังไม่อยากให้ผู้ป่วยกลับบ้าน แต่ผู้ป่วยขออนุญาตกลับไปรักษาตัวเอง เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย จิตใจ และอยู่กับครอบครัว ทำให้ทีมแพทย์มีความเป็นห่วงเรื่องน้ำตาลในเลือดที่สุด หากควบคุมไม่ได้อาจส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน ดังนั้นแพทย์แนะนำให้รักษาตัว โดยเฉพาะควบคุมน้ำตาลในเลือดต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และไม่ควรไปยังที่ชุมชนจุดแออัดคนจำนวนมาก เพราะผู้ป่วยรับเคมีบำบัดเป็นช่วงปรับตัวมีความเสี่ยงในการติดเชื้อได้เร็ว อาจส่งผลให้มีโรคแทรกซ้อน ส่วนเรื่องการรักษาโรคมะเร็งไม่มีอะไรต้องห่วง เพราะเดินทางมารับเคมีบำบัดตามที่แพทย์นัดเท่านั้น
''คนไข้เข้ามารักษาเมื่อวันที่ 19 ก.ค. จนถึงวันนี้ เป็นเวลา 15 วันแล้ว ได้ทำการตัดชิ้นเนื้อตับแล้วทำการส่งตรวจลักษณะเซลล์มะเร็ง ผลการพิสูจน์ทั้งหมดเข้าได้กับภาวะเป็นมะเร็งตับอ่อน และมีการแพร่กระจายไปที่ตัวตับ เราได้รักษาฟื้นฟูสภาพร่างกาย ให้ทั้งวิตามิน เกลือแร่ รวมถึงคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่มีปัญหาอยู่ ทางทีมแพทย์ได้ให้การรักษาในกลุ่มยาเคมีบำบัดคอร์สแรกวันอังคารที่ผ่านมา ขนาดยาครั้งแรกพบว่าอาการคนไข้คงที่ดี ไม่พบลักษณะของอาการข้างเคียงใดๆ เกิดขึ้น อาการอ่อนเพลียลดลง ไข้ไม่มี จะมีแต่จะเรื่องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่บางครั้งก็ไม่สามารถควบคุม ได้ดีเท่าที่ควร เราได้ใช้ยาอินซูลินฉีดควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เผอิญคนไข้มีความประสงค์ออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปดูสภาพจิตใจและฟื้นฟู สภาพร่างกายอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากว่าในการให้ยาในกลุ่มเคมีบำบัดนี้ว่าจะให้ครั้งต่อไปวันอาทิตย์ที่ จะถึงนี้ อาการที่น่าเป็นห่วงในช่วงที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลคือเรื่องระดับของน้ำตาล เราต้องใช้อินซูลินในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดค่อนข้างสูง''
''กลับไปบ้านก็ดีสำหรับคนไข้จะได้ไปฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจที่บ้าน กลับไปอยู่กับครอบครัว แต่ถ้าในเรื่องของระดับน้ำตาลใน
เลือด เองยังมีความน่าเป็นห่วงเพราะพอคนไข้กลับไปบ้านแล้วเราไม่สามารถติดตามระดับ น้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีเท่าที่ควร ระหว่างในช่วงเฉียบพลันอย่างนี้คงต้องระวังเรื่องระดับน้ำตาลที่อาจจะเข้ามา แทรกซ้อนได้ ส่วนผลข้างเคียงของการให้เคมีบำบัดในตอนนี้ยังไม่น่าเป็นห่วงอาการยังคงที่ ดีอยู่ เราได้แนะนำคนไข้ไปเบื้องต้นในเรื่องของการดูแลสุขภาพร่างกายทั้งในเรื่อง ของยาและโภชนาการ เราไม่แนะนำให้คนไข้ไปในที่ชุมชนต่างๆ เพราะการให้ยาเคมีบำบัดจะเป็นการเข้าไปกดภูมิคุ้มกันเอาไว้โอกาสอัตราการติด เชื้อโรคมีสูงมากถ้าเทียบกับคนทั่วไป''
นพ.อรรตพร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรเดินทางมาตามที่แพทย์นัดให้เคมีบำบัดให้เคมีบำบัดทุกครั้ง หากไม่รับเคมีบำบัดอย่างถูกต้องอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลอย่างแน่นอน เพราะผู้ป่วยมีสภาวะที่น้ำตาลสูงอยู่แล้ว หากไม่รับเคมีบำบัดอาจทำให้การทำงานของตับล้มเหลวได้ เพราะตอนนี้ตับมีอาการเริ่มบวมขึ้น ทั้งนี้ รพ.พระราม 9 จะประสานติดตามผู้ป่วยรายนี้อย่างใกล้ชิด หากมีเหตุฉุกเฉินจะส่งทีมแพทย์เข้าช่วยเหลืออย่างทันที ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายยังไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอน โดยมีครอบครัวเป็นฝ่ายดูแลทั้งหมด
''ถ้าคนไข้ไม่ได้รับเคมีบำบัดที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมก็คงจะส่ง ผลแน่ๆ เพราะตัวโรคไม่ได้รับการควบคุมในเวลาของการรักษา ก็อาจจะมีการดำเนินหน้าต่อ ตับอ่อนเองที่เป็นตัวตั้งต้น ตัวตับเองที่ได้รับการแพร่กระจายมาจากตัวตับอ่อนเอง ระดับน้ำตาลในร่างกายที่สูงเองก็ส่งผลต่อภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้มีโอกาสติดเชื้อในร่างกายได้ง่าย รวมกับคนไข้ก็ได้รับยาเคมีบำบัดอยู่ น้ำตาลในเลือดสูงมีการส่งผลกระทบในเรื่องของการปัสสาวะต่างๆ ระดับแคลอรีในร่างกาย โภชนาการต่างๆ ในร่างกายร่วมด้วยครับ เรียกว่าจริงๆ ตอนนี้อยู่ในช่วงที่ควรจะดูแลอย่างใกล้ชิด ในด้านของทางทีมแพทย์โรคมะเร็งเราสามารถจะใช้ทั้งสองทางได้ทั้งการรักษาที่ บ้านและโรงพยาบาล กลับไปบ้านคนไข้ไม่เครียด ยิ่งไม่เครียดยิ่งส่งผลต่อการรักษาที่ดีแล้วมารับยาตามรอบที่กำหนด 7 วัน แต่ทีมแพทย์เบาหวานได้เข้าตรวจแล้วระบุว่าระดับน้ำตาลยังไม่คงที่และแนะนำ ว่าไม่ควรกลับในขณะนี้จนกว่าจะรักษาระดับน้ำตาลในเลือดได้คงที่ได้ดีกว่านี้ อาจจะเป็นแรงจูงใจที่คนไข้อยากจะไปฟื้นฟูจิตใจที่บ้าน หรือทำอะไรได้สะดวกขึ้น ต้องบอกว่าคนไข้อยู่ในระยะปรับตัว โดยเบื้องต้นคนไข้ที่เข้ารับการบำบัดครั้งแรกจะต้องรับการฟื้นฟูด้านจิตใจ ซึ่งสามารถยืดหยุ่นได้ แต่เมื่อคนไข้แสดงประสงค์อย่างชัดแจ้งว่าต้องการจะกลับจริงๆ แล้วรู้สึกว่าโรคมะเร็งที่ดูแลมาไม่ได้มีผลข้างเคียง จึงอยากจะกลับแพทย์ก็เลยให้ทั้งยาฉีดและยากินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ไป ทั้งนี้ทั้งนั้นคนไข้ต้องปฏิบัติดูแลตัวเองอย่างดีมากๆ ถึงจะได้ผล เคมีบำบัดจะช่วยชะลอของตัวโรค เหมือนยืดเวลาแต่จะนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและจิตใจของตัวคนไข้''
ในส่วนของความพร้อมหากเกิดเหตุฉุกเฉินกับ นายสายัณห์ คนดัง นายศุภธร ผอ.ฝ่ายสื่อสารการตลาดตอบว่า ในเคสของนายสายัณห์ทางโรงพยาบาลได้เตรียมความพร้อมไว้ตลอด 24 ชม.หากต้องเดินทางไปรับผู้ป่วยเข้ารักษาฉุกเฉิน
''เราพร้อมดูแลคนไข้ตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าอาการไม่ดีเราพร้อมจะไปรับทันที หรือจะนำส่งด่วนทันที เราพร้อมสำหรับเคสนี้อยู่แล้ว''