ริคกี้ แลมเบิร์ต ประเดิมติดธงอังกฤษนัดแรกได้สวยหรูหลังเป็นฮีโร่ของเกม เมื่อถูกส่งลงสนามมาเป็นตัวสำรอง และโขกประตูชัยช่วยให้ "สิงโตคำราม" อังกฤษ เปิดบ้านเอาชนะ สกอตแลนด์ 3-2 ในฟุตบอลกระชับมิตร เมื่อวันพุธที่ 14 สิงหาคม 2556

ฟุตบอลกระชับมิตร

วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2556

อังกฤษ 3-2 สกอตแลนด์

สนาม : เวมบลีย์
 
         เปิดเกมมาทั้งสองทีมเปิดแลกกันทันที แต่อังกฤษมาได้ลุ้นก่อนในนาทีที่ 6 จากจังหวะที่ เลห์ตัน เบนส์ บุกขึ้นทางซ้ายก่อนวางบอลยาวไปที่เสาแรก เวย์น รูนี่ย์ ได้ยิงจากระยะ 14 หลา แต่บอลผ่านหน้าปากประตูออกไป
 
         นาทีที่ 11 กลายเป็นแฟนทีมเยือนที่ได้เฮกันลั่น จากจังหวะเตะมุมด้านขวาที่ ธีโอ วัลค็อตต์ ลงไปช่วยเกมรับแต่ดันพลาดท่า โดน เจมส์ มอร์ริสัน ซัดด้วยขวาเต็มแรงจากระยะ 20 หลา บอลพุ่งเข้าหาปากประตู โจ ฮาร์ท พยายามปัดทิ้ง แต่ไม่สำเร็จ บอลปลิ้นเข้าประตูให้ สกอตแลนด์ นำ 1-0
 
         เจ้าถิ่นพยายามเอาคืน นาทีที่ 27 ธีโอ วัลค็อตต์ ทะลุขึ้นทางขวา ก่อนจ่ายบอลไปที่เสาแรก เวย์น รูนีย์เขี่ยสั้นๆให้ทอม เคลฟเวอร์ลีย์แปเน้นๆแปดหลา แต่ติดบล็อครัสเซลล์ มาร์ตินกับแกรนท์ แฮนลีย์ที่ปรี่เข้ามาสกัดพร้อมกัน
 
         นาทีที่ 29 ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ แทงทะลุช่องให้ ธีโอ วัลค็อตต์ วิ่งหลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในเขตโทษก่อนล็อกหลบ แกรนท์ แฮนลี่ย์ แล้วยิงด้วยซ้ายเสียบเสาแรก อังกฤษ ตามตีเสมอ 1-1
 
         นาที 33 แจ็ค วิลเชียร์ ลากบอลเข้าเขตโทษแต่โดนสกัดไว้ได้ บอลมาเข้าทาง เวย์น รูนี่ย์ ที่ผ่านบอลเร็วให้ เวลเบ็ค แตะบอลคืนมาให้ รูนี่ย์ ได้ปั่นด้วยขวาจากระยะ 20 หลา แต่บอลติดไซด์โป้งมากไปเลยเลี้ยวหลุดกรอบออกหลัง
 
         นาทีที่ 43 สตีเว่น เจอร์ราร์ดกัปตันเจ้าบ้านก็ชิพบอลจากแถวสองเข้าเขตโทษให้รูนีย์หลุดไปสับไกใส่เสาแรกเข้าประตู แต่มีธงยกขึ้นมาซะก่อนทั้งๆที่ภาพช้าฟ้องว่ากองหน้าร่างอวบไม่ได้ออฟไซด์ จบครึ่งแรกทั้งสองทีมจึงเสมอกันไป 1-1
 
         อังกฤษเปลี่ยนแฟร้งค์ แลมพาร์ดลงไปแทนวิลเชียร์ แต่นาทีที่ 50 ก็เล่นเกมรับกันพลาดอีก และทำให้ทีมเยือนได้จ่ายบอลจากฝั่งขวามาหน้าเขตโทษแล้วเคนนี่ มิลเลอร์โชว์เหนือโยกหลอกแกรี่ เคฮิลล์จนหลงก่อนกลับตัวยิงจาก 18 หลาเสียบเสาผ่านมือฮาร์ทเข้าไปช่วยให้ทีมขี้เมานำ 2-1
 
         กลับมาเล่นต่อครึ่งหลังได้ 4 นาที สกอตแลนด์ ขึ้นนำอีกครั้ง อลัน ฮัตตัน เปิดบอลจากด้านขวามาให้ เคนนี่ มิลเลอร์ พักบอลลงหน้าเขตโทษโดยหันหลังให้ แกรี่ เคฮิลล์ แล้วทำท่าขยับออกซ้ายแต่ไปทางขวาแล้วกดด้วยซ้ายเสียบตาข่าย สกอร์ขยับเป็น 2-1 ของทีมเยือน
 
         แต่ 4 นาทีต่อมา อังกฤษ ตามตีเสมอเป็น 2-2 ได้สำเร็จ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดฟรีคิกเข้าไปในเขตโทษ รัสเซลล์ มาร์ติน และ แกรนท์ แฮนลี่ย์ กระโดดผิดจังหวะทำให้บอลมาเข้าหัว แดนนี่ เวลเบ็ค โหม่งเสียบเสาแรก
 
         เข้าสู่ชั่วโมงแรกของเกม แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง หาช่องยิงไกลหน้าประตู อัลลัน แม็คเกรเกอร์ ทุบออกมาได้ แต่บอลยังไม่พ้นอันตราย ทว่า เลห์ตัน เบนส์ ปราดเข้าไปซ้ำเบาเกินไป ทำให้ แม็คเกรเกอร์ รับเข้าซองสบาย
 
         นาที 66 เวลเบ็ค เกือบเบิ้ลประตูที่ 2 ของตัวเอง หลังได้กระโดดวอลเล่ย์แต่บังคับบอลให้เข้ากรอบไม่ได้อย่างน่าเสียดาย
 
         กระทั่งนาที 70 แฟนอังกฤษก็เฮลั่นสนามบ้าง เลห์ตัน เบนส์ เปิดลูกเตะมุมจากด้านซ้ายมาหน้าประตู ริคกี้ แลมเบิร์ต ตัวสำรองทีเพิ่งถูกส่งลงสนาม ขึ้นโขกบริเวณจุดโทษส่งบอลเข้าประตูอย่างเฉียบขาด สิงโตคำรามเป็นฝ่ายออกนำเป็นครั้งแรกในเกมนี้ 3-2
 
         ช่วงทดเจ็บ อังกฤษ เกือบได้ประตูย้ำชัย วิลฟรีด ซาฮา ลากบอลขึ้นมาที่เสาแรกก่อนผ่านบอลไปหน้าปากประตู ริคกี้ แลมเบิร์ต แปด้วยขวาโล่งๆแต่บอลไปชนเสากระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย จบเกม อังกฤษ พลิกสถานการณ์กลับมาแซงคว้าชัยเหนือ สกอตแลนด์ 3-2 อย่างสุดระทึก
 
         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
         อังกฤษ : โจ  ฮาร์ท , ไคล์ วอล์คเกอร์ , ฟิล จากิลก้า (ฟิล โจนส์ น.84)  , แกรี่ เคฮิลล์ , เลห์ตัน เบนส์ , สตีเว่น เจอร์ราร์ด (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน น.62)  , แจ็ค วิลเชียร์ (แฟร้งค์ แลมพาร์ด น.46)  ,  ธีโอ วัลค็อตต์ (วิลฟรีด ซาฮา น.75) , เวย์น รูนีย์ (ริคกี้ แลมเบิร์ต น.67)  , ทอม เคลฟเวอร์ลีย์ (เจมส์ มิลเนอร์ น.67) , แดนนี่ เวลเบ็ค
 
         สกอตแลนด์ : อัลลัน แม็คเกรเกอร์ , อลัน ฮัตตัน , สตีเว่น วิทเทเกอร์ , แกรนท์ แฮนลีย์ , รัสเซลล์ มาร์ติน , สก็อตต์ บราวน์ ,เจมส์ ฟอร์เรสต์ (ชาร์ลี มัลกริว น.67) , โรเบิร์ต สน็อดกราสส์  (เคร็ก คอนเวย์ น.67) , ฌอน มาโลนีย์ (สตีเว่น เนย์สมิธ น.86)  , เจมส์ มอร์ริสัน (จอร์แดน โร้ดส์ น.82)  , เคนนี่ มิลเลอร์ (เลห์ กริฟฟิธส์ น.73)