ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ฟุตบอลไทย » Preview : ไทยเอฟเอคัพ 2 คู่เดือดรอบรองชนะเลิศ

Preview : ไทยเอฟเอคัพ 2 คู่เดือดรอบรองชนะเลิศ

Posted 25/09/2013 by goal.com

 

เอฟเอคัพตัดเชือกทีสุดยอดกว่านัดชิง โปลิศฟิตแข้งพร้อมล่าถ้วย แต๊กบีจีไร้โกรันพร้อมล้างตาคู่ปรับร่วมเมือง บุรีรัมย์ไร้2เทพสเปนแต่สถิติขี่กิเลน เมืองทองไร้2หลังหวังล้มเซราะกราวบอลถ้วย

 


บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต เวลา 19.00 น.

สงครามลูกหนังไทยพรีเมียร์ลีกของสองทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โคจรกันมาพบกันตั้งแต่รอบรองชนะเลิศ แม้หลายคนจะอยากเห็นเป็นคู่ดรีมไฟนอลแต่ดูเหมือนทั้งสองทีมอยากเจอกันให้เร็วที่สุด

สถิติที่ผ่านมาอาจจะบ่งชี้ว่าทัพเซราะกราวของ เนวิน ชิดชอบ เหนือกว่าพอสมควรจากการชนะ 5 เสมอ 5 ไม่เคยแพ้ในการพบกันทั้งหมด 10 เกม รวมทุกรายการ

ทว่าสภาพทีมในเวลานี้ของมหาอำนาจแห่งอีสานใต้ไม่สมบูรณ์เอาเสียเลยเมื่อ 2 ดาวยิงตัวเก่ง คาร์เมโล กอนซาเลซ และ ฆาเบียร์ ปาตินโญ ที่ยิงรวมกันไป 34 ลูกในซีซั่นนี้นัดกันเจ็บโดยรายแรกยังต้องรอเช็คความฟิตส่วนหัวหอกลูกครึ่งสเปน-ฟิลิปปินส์หมดสิทธิ์ลงเล่นเกมนี้ไปแล้ว นอกจากนี้ อดิศักดิ์ ไกรษร กองหน้าชุดซีเกมส์ก็ยังไม่น่าจะหายทันทำให้ อเลฆันโดร เมเนนเดซ ต้องคิดหนักในการจัดทีมแนวรุก

นอกจากนี้ในแนวรับบุรีรัมย์จะไม่มี ธนะศักดิ์ ศรีใส ปราการหลังจอมแกร่งที่เจ็บมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่จะได้ ชาริล ชัปปุยส์ ที่เจ็บเข่าในเกมเสมออาร์มี่ ยูไนเต็ด 0-0 กลับมาคุมแดนกลางได้ เช่นเดียวกับ จักรพันธ์ แก้วพรม ที่ผ่านความฟิตทันเวลา

ด้านเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด พวกเขาก็มีสถิติที่ดีนับตั้งแต่ได้ เรเน่ เดอซาเยียร์ กลับมาคุมทัพอีกครั้งโดย 11 เกมในมือเทรนเนอร์ชาวเบลเยียมผู้นี้กิเลนผยองยังไม่แพ้ใครรวมทั้งแมตช์บุกเสมอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อ 11 ส.ค.ที่ผ่านมาด้วย

สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับ เดอซาเยียร์ มาตลอดในการคุมทัพครั้งนี้ก็คือแผงหลังเพราะมีเพียงเกมเดียวที่ลูกทีมของเขาไม่เสียประตูคือการประเดิมแมตช์แรกที่บุกไปชนะสงขลา ยูไนเต็ด 2-0 จากนั้นอีก 10 เกม เมืองทอง เสียประตูมาโดยตลอด

เกมนี้ เมืองทอง น่าจะได้ คิม ยู-จิน ปราการหลังคนสำคัญชาวเกาหลีใต้ที่พลาดลงช่วยทีมในไทยพรีเมียร์ลีก 2 นัดหลังสุดกลับมายืนคุมแนวรับร่วมกับ รี ควาง-ชอน ได้ แม้ว่า อาทิตย์ ดาวสว่าง และ มงคล นามนวด จะติดโทษแบนและ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ได้รับบาดเจ็บก็ไม่น่าเป็นปัญหาในการจัดทัพเพราะมี วีระวุฒิ กาเหย็ม และ ปิยะพล บรรเทา ที่พร้อมเล่นเช่นเดียวกับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ซึ่งเป็นตัวเลือกในตำแหน่งแบ็กขวาได้ ขณะที่ วิศณุศักดิ์ แก้วเรือง ทำหน้าที่เฝ้าเสามาตลอด

แม้เกมรับจะเป็นปัญหาแต่แนวรุกถือเป็นจุดเด่นของเมืองทอง ยูไนเต็ดจุดนี้เพราะมีทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา ,มาริโอ ยูรอฟสกี้ และ เอดิวัลโด เฮอร์โมซ่า ซึ่งกำลังท็อปฟอร์ม อย่างไรก็ตามเกมนี้ เรเน่ น่าจะเลือกใช้ มาริโอ หรือ เอ็ดดี้ คนใดคนหนึ่งเป็นตัวจริงเพราะต้องเหลือโควต้าต่างชาติให้ ดาโน เซียก้า ในแดนกลาง

11 ตัวที่คาดว่าจะลงสนาม

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ศิวรักษ์
ชิติพัทธ์ ,ออสมาร์, ประทุม
อนาวิน , ชัปปุยส์ ,บรูโน่ ,จิรวัฒน์ ,ธีราทร
สุเชาว์ ,เบร์โรคัล

เอสซีจี เมืองทอง
วิศณุศักดิ์
ฐิติพันธ์ ,คิม ยู-จิน ,รี ควาง-ชอน ,วีระวุฒิ
จักรพันธ์ ,ดัสกร ,เซียก้า , ปิยพล
มาริโอ ,ธีรศิลป์

 


อินทรีเพื่อนตำรวจบางกอกกล๊าส เอฟซี

สนาม ราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.00 น.

ขณะที่ศึกการแข่งขันดาร์บี้แมตซ์แห่งปทุมธานี เป็นการเจอกันของ “สุภาพบุรุษโล่ห์เงิน” อินทรีเพื่อนตำรวจ พบกับ “เดอะแรบบิท” บางกอกกล๊าส เอฟซี โดยจะทำการแข่งขันที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน

ด้าน เดอะโปลิศ อินทรีเพื่อนตำรวจของ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เฮดโค้ชใหญ่ของทีม ทำผลงานได้เกินความคาดหมาย โดยเฉพาะรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ถล่ม “พลังเอ็ม” โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี ไปแบบสุดประทับใจ 4-2 ขณะที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เป็นทีมแกร่งจากย่านรังสิต ที่ดวลจุดโทษชนะ “กว่างซ้ง มหาภัย” เชียงราย ยูไนเต็ด ไปได้แบบหวุดหวิด 3-1

ขณะที่ความพร้อมในแมตซ์นี้ จะไม่มี กฤษณ์พรหม บุญสาร กองกลางของทีมที่ติดโทษแบนเพียงแค่รายเดียว ขณะที่ “แมน” ธนา ชะนะบุตร กองหน้าความเร็วสูงของทีม ต้องรอเช็คความฟิตอีกครั้ง ส่วนผู้เล่นตัวหลักรายอื่นๆ อย่าง เปโดร เอ็นริเก้ , ฟิลิปเป้ แฟไรร่า , ปกเกล้า อนันต์ พร้อมคุมเกมในแดนกลาง ขณะที่แผงหลังมี ยานนิค ออสซ็อค ปราการหลังผิวสี บัญชาเกมรับ ส่วนผู้รักษาประตู อาจเป็น วัลลภ แซ่จิ๋ว นายทวารจอมหนึบของทีม ที่โชว์ลีลาซุปเปอร์เซฟ ช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบตัดเชือกได้สำเร็จ

ส่วน “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซีของ “โค้ชแต๊ก” อรรถพล บุษปาคม กุนซือสมองเพชรของทีม ถือว่าทำผลงานได้อย่างประทับใจแฟนบอล ด้วยการเฉือนชนะ ชลบุรี เอฟซี 1-0 ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย และสามารถเฉือนชนะ ตราด เอฟซี 2-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนรอบ 8 ทีมสุดท้าย พลพรรคบีจีบุกไปเอาชนะ “กระทิงเหล็ก” บางกอก เอฟซี ถึงถิ่นบางมด 1-0

ความพร้อมของทีม จะไม่มี โกรัน ซูบาร่า ปราการหลังชาวออสเตรเลีย ที่ติดโทษแบน ส่วน “แบงค์” ภูริทัต จาริกานนท์ มิดฟิลด์ของทีม ไม่สามารถช่วยทีมในนัดนี้ได้ เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ ขณะที่ผู้เล่นรายอื่นๆ ที่คาดว่าจะลงสนาม ประกอบไปด้วย นริศ ทวีกุล ผู้รักษาประตูยืนเฝ้าเสา กองกลาง จะมี เลอันโดร ดอส ซานโตส , ศุภเสกข์ ไก่แก้ว , ปีเตอร์ แลง คอยขับเคลื่อนเกมรุก โดยมี “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย เป็นตัวป่วนแนวรับคู่แข่ง โดยมี ชาตรี ฉิมทะเล รอทะลวงตาข่ายในแดนหน้า

11 ตัวคาดว่าจะลงสนาม

อินทรีเพื่อนตำรวจ ระบบ 4-4-2
วัลลภ แซ่จิ๋ว
ศรันยู อินต๊ะราช , สมภพ นิลวงษ์ , ยานนิค ออสซ็อค , อดุลย์ หมื่นสมาน
สุรชาติ สารีพิมพ์ , ชุมพล บัวงาม , ปกเกล้า อนันต์ , ไพฑูรย์ นนทะดี
ฟิลิปเป้ แฟไรร่า , มิเชล เมอร์ซีย์

บางกอกกล๊าส เอฟซี ระบบ 4-5-1
นริศ ทวีกุล
วสันต์ ฮมแสน, โฮเซ เมน่า , ประวีณวัช บุญยงค์, กรกช วิริยอุดมศิริ
ลาซารัส คาอิมบี้ , เลอันโดร โอลิเวียร่า, ปิยะชาติ ถามะพันธ์ , ฟลาเวียน มิเชลินี่ , ธีรเทพ วิโนทัย
ชาตรี ฉิมทะเล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »