คณะกรรมการการเลือกตั้งสรุปผลการตรวจสอบคุณสมบัติโหวตเตอร์เหลือ 71 ทีมหลังมีมติให้การบินไทยลูกอีสาน ถอนแต่ยังเปิดช่องส่งเรื่องให้ฝ่ายอุทธรณ์พลิกผลก่อนเวลา 13.00 น.

เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. คณะกรรมการจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย หรือ กกต. แถลงผลการประชุมตรวจสอบคุณสมบัติสโมสรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ยังมีสิทธิ์ซ้ำซ้อนอีก 6 ทีม ประกอบด้วย ม.เกษมบัณฑิต ,ลูกอีสาน การบินไทย ,สุรินทร์ ซิตี้ ,ตรัง เอฟซี ,พังงา เอฟซี และ ปากน้ำโพ เอ็นเอสอาร์ยู รวมทั้งการขอเปลี่ยนแปลงรายชื่อของสองทีม นนทบุรี เอฟซี กับ ระยอง ยูไนเต็ด ที่ขอเปลี่ยนคนโหวต

นายชนินทร์ แก่นหิรัญ โฆษกกกต แถลงว่าการลงมติทั้ง 8 กรณีนี้เป็นครั้งแรกที่ กกต. ต้องใช้เสียงข้างมากจากคณะกรรมการทั้ง 5 คน ซึ่งผลการลงมติออกมาเป็นเสียง 3 ใน 5 ทุกกรณี โดยในส่วนของทีมการบินไทย ลูกอีสาน ซึ่งฝั่งของการบินไทยยื่นเอกสารขอถอนสิทธิ์จากการเลือกตั้งครั้งนี้ และ กกต. เสียงข้างมากมีมติให้ยึดตามที่เจ้าของสิทธิ์ขอมาทำให้จำนวนทีมที่จะเลือกตั้งเหลือ 71 ทีม

อย่างไรก็ตามนายชนินทร์ยืนยันว่า ทั้ง 8 กรณีที่มีมติออกไปนั้นฝั่งของผู้เสียสิทธิ์ยังสามารถยื่นเรื่องให้คณะกรรมการอุทธรณ์กลับผลการตัดสินได้ภายในระยะเวลา 4 วัน ทว่าการเลือกตั้งซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (17 ต.ค.56) เวลา 14.00 น. จึงต้องให้คณะกรรมการอุทธรณ์ตัดสินภายในเวลา 13.00 น.ก่อนลงทะเบียนรับบัตรเลือกตั้งหากมีการเปลี่ยนแปลงผล มิฉะนั้นจะยึดตามมติของกกต.

ส่วนกรณีที่ตัวแทนจาก สินธนา และ อีสาน ยูไนเต็ด ที่ไม่ได้อยู่ในจำนวน 72 สโมสรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมาร้องขอความเป็นธรรมนั้น โฆษก กกต. กล่าวว่าคณะกรรมการไม่ได้มีอำนาจที่จะตัดสินได้เนื่องจากมีหน้าที่จัดการสิทธิ์ของทีมที่มีรายชื่ออยู่แล้วเท่านั้น

ทั้งนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีตัวแทนจากฝั่งนายวิรัช ชาญพานิช 3 คน และฝั่งนายวรวีร์ มะกูดี 2 คน ส่วน คณะกรรมการอุทธรณ์มีจากฝั่งนายวรวีร์ 2 คน และ นายวิรัช 1 คน

สำหรับมติของ กกต. ทั้ง 8 กรณีโดยใช้เสียงข้างมาก 3 ใน 5 มีดังนี้

สุรินทร์ ซิตี้ ให้สิทธิ์ ปกรณ์ มุ่งเจริญพร

ตรัง เอฟซี ให้สิทธิ์ วิถี สุพิทักษ์

พังงา เอฟซี ให้สิทธิ์ จำรัส นุ้ยสง่า

เกษมบัณฑิต ให้สิทธิ์ ดร.เสนีย์ สุวรรณดี

ปากน้ำโพ เอ็นเอสอาร์ยู ให้สิทธิ์ มานพ ศรีผึ้ง

การบินไทย ลูกอีสาน ขอถอนสิทธิ์ไม่ลงเลือกตั้ง

นนทบุรี เอฟซี ให้สิทธิ์ อิทธิพล สังข์ประไพ

ระยอง ยูไนเต็ด ให้สิทธิ์ กิตติ ขมแสนยาธรรม