เฟร์นันโด ตอร์เรส รับบทพระเอกซัดประตูชัยนาทีสุดท้าย พา"สิงห์บูลส์" เชลซี เปิดบ้านเฉือนชนะ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ไปอย่างสนุก 2-1 กลับขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูง มี 20 คะแนน เท่าลิเวอร์พูล แต่ประตูได้เสียดีกว่า ขณะที่ แมนฯซิตี้ แพ้เป็นนัดที่ 3 ของฤดูกาล ตกมาอยู่อันดับที่ 7 มี 16 แต้มเท่าเดิม

 

 

 

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2556

เชลซี 2  -  1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์


         "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกถิ่น "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี นำทัพมาโดย เซร์คิโอ อเกวโร่ และ ดาบิด ซิลบา ส่วนเจ้าถิ่น ใช้ อังเดร เชือร์เล่,ออสการ์ และ เอแดน อาซาร์ เป็นสามประสานรุก สนับสนุนหน้าเป้าที่ใช้งาน เฟร์นันโด ตอร์เรส ตัวจริง

    เริ่มเกมมา7นาที เฟร์นันโด ตอร์เรส ได้โหม่งทักทาย ให้ทีมสิงห์บลู ก่อน แต่ลูกโหม่งไม่แรง โจ ฮาร์ท จึงรับเข้ามือไม่ยาก

     10นาทีต่อมา เซร์คิโอ อเกวโร่ พยายามเลี้ยงแหวกแนวรับ เชลซี เพื่อเข้าไปยิง แต่จังหวะสุดท้ายเสียหลักล้มเสียก่อน แม้จะจิ้มบอลได้แต่ก็ไม่แรง ปีเตอร์ เช็ก จึงรับสบาย

     นาทีที่22 มีใบเหลืองจนได้ เมื่อ แฟร้งส์ แลมพาร์ด ไปเสียบตัดฟาวล์ แฟร์นานดินโญ่ จากด้านหลัง ผู้ตัดสิน ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ควักใบเหลืองแจกคนแรกของเกม

     5นาทีต่อมา เป็นฝ่าย แมนฯซิตี้ รับใบเหลืองไปบ้าง เมื่อ ปาโบล ซาบาเลต้า ไปเข้าหนักจากด้านหลังใส่ เอแดน อาซาร์ เลยรับของแจกจาก เว็บบ์ อีกราย

     นาทีที่29 เชลซี ชวดได้ประตูไม่น่าเชื่อ เมื่อ รามาเรส เปิดบอลให้ เฟร์นันโด ตอร์เรส หลุดไปยิงคนเดียวในกรอบเขตโทษ แบบไม่มีใครประกบ แต่ ตอร์เรส ยิงข้ามคานไปเองแบบน่าเขกกะโหลก

     นาทีต่อมา ทีมเรือใบรับใบเหลืองเพิ่มอีกคน เมื่อ มาติย่า นาสตาซิค ไปเตะตัดเกมหนักใส่ เฟร์นันโด ตอร์เรส จนร่วง เลยรับใบเหลืองคนที่สามของเกม

     นาทีที่33 สาวกสิงห์บลู ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อ เฟร์นันโด ตอร์เรส โชว์ลีลา กระชากผ่าน กาแอล กลิชี่ ไปถึงเส้นหลังประตู ก่อนเปิดเข้ากลางให้ อังเดร เชือร์เล่ วิ่งมาแปด้วยซ้ายไม่เหลือ เชลซี ขึ้นนำ 1-0

     4นาทีต่อมา เฟร์นันโด ตอร์เรส โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม กระชากผ่าแนวรับ แมนฯซิตี้ ก่อนสับไกยิงด้วยขวามุมแคบ บอลผ่าน โจ ฮาร์ท ไปแล้ว แต่ลูกบอลไปชนคานเต็มเหนี่ยว แบบน่าเสียดาย

     นาทีที่42 แมนฯซิตี้ มีโอกาสบ้าง จากการสับไกยิงมุมแคบของ เซร์คิโอ อเกวโร่ แต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังปิดมุมได้ดี จึงยังเซฟได้อยู่

     ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ หมดครึ่งแรก เชลซี จึงเปิดบ้านนำ แมนฯซิตี้ อยู่ 1-0


        เปิดฉากครึ่งหลังมาได้ 4 นาที แมนฯ ซิตี้ บุกเข้าใส่ทันที และได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็ว จากการทำเกมมากลางสนาม ซามีร์ นาสรี่ แทงทะลุช่องสุดสวย ให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปทางเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนซัดด้วยเท้าซ้ายเต็มๆ บอลพุ่งผ่านปีเตอร์ เช็ก แหวกตาข่าย เข้าไปอย่างสวยงาม


        เรือใบสีฟ้า เหมือนได้ใจ นาทีที่ 52 มาได้ฟรีคิก ตรงริมเส้นเขตโทษฝั่งซ้าย จากการทำฟาวล์ของรามิเรส และเจ้าตัวได้รับใบเหลืองไป ดาบิด ซิลบา เปิดมาหน้าประตูให้ ฆาบี การ์เซีย ได้ขึ้นโขกคนเดียว แต่ตรงตัว ปีเตอร์ เช็ก รับได้ไม่ยาก


        นาทีที่ 58 ฝั่งสิงห์บูลส์ ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จากจังหวะฟรีคิกเช่นกัน แฟร้งส์ แลมพาร์ด เปิดมาเข้าหัว เฟร์นันโด ตอร์เรส ได้โหม่ง แต่บอลไม่มีน้ำหนัก เข้ามือโจ ฮาร์ทสบาย


        อีก 2 นาทีต่อมา ฆาบี การ์เซีย ของผู้มาเยือน มาโดนใบเหลืองอีกราย


        ผู้มาเยือนยังทำเกมได้ดีกว่า นาทีที่ 64 เล่นชิ่งหน้าปากประตูเชลซีได้สวยงาม ก่อนจะเป็น ดาบิด ซิลบา ได้หลุดมายิงด้วยซ้าย แต่มุมแคบไป ปีเตอร์ เช็ก ล้มใช้เท้าสกัดไว้ได้


        เข้าสู่นาทีที่ 66 โชเซ่ มูรินโญ่แก้เกมที่เดียวสองคนรวด ส่ง วิลเลี่ยน และจอห์น โอบี มิเคล ลงสนามมาแทน อังเดร เชือร์เล่ และ แฟร้งส์ แลมพาร์ด


        จากนั้นอีก 4 นาทีต่อมา มานูเอล เปเยกรินี่ แก้เกมบ้าง ส่ง เฆซุส นาบาส ลงสนามแทน ซามีร์ นาสรี่


        การเล่นระว่างซิลบา กับ อเกวโร่ ยังสร้างความอันตรายให้กับเจ้าถิ่น นาทีที่ 75 ซิลบา จ่ายให้ อเกวโร่ ในกรอบเขตโทษ ก่อนที่ดาวยิงอาร์เจนไตน์ จะยิงตักๆ ไปเสาสอง บอลออกหลังแบบได้เสียว


        นาทีที่ 80 แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนตัวคนที่สอง ส่งอเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ลงมาแทน ฆาบี การ์เซีย


        นาทีที่ 84 เชลซี ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ส่ง ซามูเอล เอโต้ ลงมาแทน เอแดน อาซาร์


        นาที 86 เปเยกรินี่ แก้เกมคนสุดท้าย ส่ง อัลวาโร่ เนเกรโด้ แทน เซร์คิโอ อเกวโร่


        นาทีเดียวกัน เชลซี ได้ฟรีคิก ระยะหวังผล และเป็น วิลเลี่ยน ได้ปั่นด้วยขวา บอลโค้งหลุดเสาสองแบบได้ลุ้น โดยมีอิวาโนวิช พุ่งโฉบหวังโหม่งทำประตูด้วย แต่เข้าไม่ถึง


        จนถึงนาทีสุดท้าย เป็นแฟนๆสิงห์บูลส์ ที่ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อวิลเลี่ยน เบิ้ลบอลจากกลางสนามหวังให้ เฟร์นันโด ตอร์เรส แต่มาติย่า นาสตาซิค จะโหม่งให้ โจ ฮาร์ท แต่โจ ฮาร์ท ออกมาจะตัดบอล เลยไม่เข้าใจกัน ลูกหลุดไปถึง ตอร์เรส ที่ได้ลูกขยันวิ่งตามไปซัดโล่งๆไม่เหลือ เชลซี ขึ้นนำ 2-1 


        ช่วงทดเวลาบาดเจ็บออกไป 4 นาที เรือใบโหมบุกใส่อย่างหนัก แต่เจ้าถิ่นลงไปรับกันลึก จนทำอะไรได้ไม่ถนัด จบ 90 นาที เชลซี เบียดชนะ แมนฯซิตี้ ไปอย่างสุดมันส์ 2-1 ขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูง มี 20 คะแนน เท่าลิเวอร์พูล แต่ประตูได้เสียดีกว่า ขณะที่ แมนฯซิตี้ แพ้เป็นนัดที่ 3 ของฤดูกาล ตกมาอยู่อันที่ 7 มี 16 แต้มเท่าเดิม      

11นักเตะของทั้งสองทีม

เชลซี(4-2-3-1): ปีเตอร์ เช็ก,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช,แกรี่ เคฮิลล์,จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล,รามิเรส,แฟร้งส์ แลมพาร์ด,อังเดร เชือร์เล่,ออสการ์,เอแดน อาซาร์,เฟร์นันโด ตอร์เรส
สำรอง:มาร์ค ชวาร์เซอร์,เดวิด ลุยซ์,เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า,จอห์น โอบี มิเคล,วิลเลี่ยน,ฮวน มาต้า,ซามูเอล เอโต้
ใบเหลือง : แฟร้งค์ แลมพาร์ด, รามิเรส


แมนฯซิตี้(4-2-3-1):โจ ฮาร์ท,ปาโบล ซาบาเลต้า,มาร์ติน เดมิเคลิส,มาติย่า นาสตาซิค,กาแอล กลิชี่,ฆาบี การ์เซีย,แฟร์นานดินโญ่,ซามีร์ นาสรี่,ยาย่า ตูเร่,ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ อเกวโร่

สำรอง:คอสเทล ปันติลิมอน,ไมกาห์ ริชาร์ดส์,อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ,เฆซุส นาบาส,เจมส์ มิลเนอร์,เอดิน เชโก้,อัลวาโร่ เนเกรโด้
ใบเหลือง : ปาโบล ซาบาเลต้า, มาติย่า นาสตาซิช, ฆาบี การ์เซีย

        ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์

         

        แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : เฟร์นานโด ตอร์เรส (เชลซี) แม้จะพลาดโอกาสทองไปก่อน แต่ก็ไม่เสียขวัญ ยังเล่นด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เรียกคะแนนเต็มๆ สำหรับประตูแรก จากนั้นเกือบมีประตูสวยๆ แต่ไปชนเสา สุดท้ายก็ได้รางวัลตอบแทนความพยายามด้วยประตูชัยท้ายเกม