"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ฟอร์มสุดร้อนแรง ถล่ม "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม ไปแบบสวยหรู 4-0 หลุยส์ ซัวเรซ เบิ้ลสองประตู เก็บสามคะแนน แซง เชลซี ขึ้นมาอยู่รองจ่าฝูงอีกครั้ง พร้อมทำแต้มจี้ อาร์เซน่อล เหลือ2แต้ม ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อ วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

สนาม : แอนฟิลด์


         "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดบ้านพบ "เจัาสัวน้อย" ฟูแล่ม โดยเจ้าบ้านส่ง หลุยส์ ซัวเรซ ผนึกคมแข้งกับ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ หวังยิงเก็บชัย ส่วนทีมเยือนฝากความหวังไว้ที่  พาจทิม คาซามี่ และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ


        เริ่มเกมมาเพียงนาทีแรก ลิเวอร์พูล ได้ยิงทักทายก่อน จากจังหวะเตะมุมเข้ามาของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก่อน มาร์ติน สเคอร์เทล ได้สับไกยิงด้วยซ้าย แต่บอลโด่งไปเยอะ


        นาทีที่15 เป็นฝ่าย ฟูแล่ม ได้เสียวบ้างเมื่อ เอลซาด ซเวโรติช วางบอลจากริมสนามฝั่งขวาให้ พาจทิม คาซามี่ พักบอลลงด้วยอก ก่อนสับไกยิงบอลแฉลบ เกล็น จอห์นสัน เปลี่ยนทางไปเข้าหน้าต่างประตู อย่างหวาดเสียวแทนแฟนบอลเจ้าถิ่น


        7นาทีต่อมา ทีมเจ้าสัวแม้บุกน้อยกว่า แต่ได้โอกาสจบสกอร์อีกครั้ง จากการยิงนอกกรอบของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ แต่บอลเบาและตรงตัว ซิมง มินโญเลต์


        แต่แล้วนาทีที่23 สาวกหงส์แดงได้เฮกันลั่น เมื่อได้ลูกฟรีคิกริมสนามฝั่งขวา เปิดโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด มาที่หน้าประตู บอลมาถูก เฟร์นานโด อโมเรเบียต้า เปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไปอย่างโชคร้าย ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0


        นาทีที่24 ฟูแล่ม เสียใบเหลือง เมื่อ สกอตต์ พาร์เกอร์ ไปตัดฟาวส์ใส่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เลยรับใบเหลืองคนแรกของเกม


        2นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล บวกสกอร์เพิ่มอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ลูกเตะมุม เปิดโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด อีกครั้ง บอลมาเข้าหัว มาร์ติน สเคอร์เทล ที่วิ่งฉีกหนี เฟร์นานโด อโมเรเบียต้า มาโขกเต็มหัว หงส์แดง นำห่าง 2-0


        เกมผ่านครึ่งโมง ลิเวอร์พูล เปิดเกมบุกต่อเนื่อง แล้วก็ได้เสียวอีกครั้ง เมื่อ ดาเนียล แอ็กเกอร์ แปะบอลให้ คูตินโญ่ สับไกยิงเต็มข้อ แต่ มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก ยังปฎิกิริยาดี บินปัดได้อย่างสวย


        นาทีที่36 หงส์แดงแรงไม่หยุดจริงๆ บวกสกอร์เพิ่มอีก เมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จ่ายบอลแบบคิลเลอร์พาส ทะลุช่องให้ หลุยส์ ซัวเรซ หลุดไปยิงอย่างคม ให้ ลิเวอร์พูล เบิกสกอร์สวย 3-0


        ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมบวกสกอร์กันเพิ่มไม่ได้ หมดครึ่งแรก ลิเวอร์พูล จึงนำ ฟูแล่ม อยู่ 3-0


        เริ่มครึ่งหลังมา ฟูแล่ม ทำการเปลี่ยนตัวก่อน โดยส่ง ไบรอัน รุยส์ ลงมาแทน อเล็กซ์ คาชานิคลิช


        นาทีที่48 ลิเวอร์พูล ชวดได้ประตูไม่น่าเชื่อ เมื่อ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ จ่ายบอลให้ ซัวเรซ ยิง สเตเคเลนเบิร์ก เซฟมาเข้าทาง เจอร์ราร์ด ซัดไกล แต่บอลมาติดตัว สเตอร์ริดจ์ และกลายเป็นดี ทำให้ สเตอร์ริดจ์ ได้โอกาสซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งเข้ากรอบ สเตเคเลนเบิร์ก บินมาปัดมือเดียว บอลมาเข้าทางปืน หลุยส์ ซัวเรซ ที่ยืนอยู่คนเดียวแปจ่อๆระยะ6หลา แต่หัวหอกอุรุกวัย ยิงข้ามคาน เหลือเชื่อ


        นาทีที่56 ลิเวอร์พูล บวกสกอร์นำห่างอีก เมื่อ คีแรน ริชาร์ดสัน เลี้ยงบอลพลาด ถูก สตีเว่น เจอร์ราร์ด ฉกบอลได้ ก่อนจ่ายให้ หลุยส์ ซัวเรซ พาบอลหลอก ฟิลิปป์ เซนเดอรอส หนึ่งจังหวะ ก่อนยิงสวนตัว มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก ไม่เหลือ หงส์แดง นำห่าง 4-0


        เกมผ่านหนึ่งชั่วโมง ทั้งสองทีมทำการเปลี่ยนตัว โดย ลิเวอร์พูล ส่ง โฆเซ่ เอ็นริเก้ ลงมาแทน อาลี ซิสโซโก้ ส่วน ฟูแล่ม เปลี่ยน อารอน ฮิวส์ ลงมาแทน เอลซาด ซเวโรติช


        6นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยส่ง โจ อัลเลน ลงมาแทน สตีเว่น เจอร์ราร์ด


        นาทีที่75 ลิเวอร์พูล ทำการเปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยส่ง วิคเตอร์ โมเสส ลงมาแทน แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ส่วน ฟูแล่ม เปลี่ยน จอร์จอส คารากูนิ ลงมาแทน สดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ


        ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ หมดเวลา ลิเวอร์พูล จึงเปิดบ้านถล่ม ฟูแล่ม ไป 4-0 เก็บสามคะแนน แซง เชลซี ขึ้นมาอยู่รองจ่าฝูงอีกครั้ง พร้อมทำแต้มจี้ อาร์เซน่อล เหลือ2แต้ม

11นักเตะของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล(4-4-2):ซิมง มินโญเลต์,เกล็น จอห์นสัน,ดาเนียล แอ็กเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,อาลี ซิสโซโก้,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ลูคัส เลว่า, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, หลุยส์ ซัวเรซ

สำรอง:แบร็ด โจนส์,โฆเซ่ เอ็นริเก้,มามาดู ซาโก้,โจ อัลเลน,ราฮีม สเตอร์ลิง,หลุยส์ อัลแบร์โต้,วิคเตอร์ โมเสส

ฟูแล่ม(4-4-1-1):มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก,เอลซาด ซเวโรติช,ฟิลิปป์ เซนเดอรอส, เฟร์นานโด อโมเรเบียต้า,คีแรน ริชาร์ดสัน,อาชกัน เดยากาห์,สกอตต์ พาร์เกอร์,สตีฟ ซิดเวลล์,อเล็กซ์ คาชานิคลิช,พาจทิม คาซามี่,ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

สำรอง:ไบรอัน รุยส์,เดวิด สต๊อคเดล,จอร์จอส คารากูนิส,อารอน ฮิวส์,อเดล ทารับต์,เดเร็ก บัวเต็ง,ดาร์เรน เบนท์

ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โจนส์