แฟนเทนนิสสุดเศร้า ! เอทีพียกเลิกศึกเทนนิสอาชีพชาย เอทีพี ทัวร์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย ''ไทยแลนด์ โอเพ่น'' ที่เพิ่งปิดฉากปีที่ 11 ไปเมื่อปลายเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา หลังประสบปัญหาการขาดทุนสะสมต่อเนื่อง และกระแสเทนนิสในเมืองไทยเริ่มซบเซาลง ขาดความต่อเนื่องของนักเทนนิสดาวรุ่งที่จะก้าวขึ้นมาแทนที่ ''ซูเปอร์บอล'' ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตมือ 9 ของโลกที่แขวนแร็กเกตไปแล้ว พร้อมโยกไปจัดที่เสิ่นเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มปีหน้าเป็นต้นไป

 หลังจากที่สมาคมเทนนิสอาชีพชาย เอทีพี ได้ขึ้นข้อความผ่านเว็บไซต์ www.atpworldtour.com ถึงการมอบหมายให้เมือง เสิ่นเจิ้น ประเทศจีน จัดการแข่งขันเทนนิส เอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ระดับ 250 ในช่วงปลายเดือนกันยายน ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นไป ซึ่งนั่นหมายถึงการยุบการแข่งขันเทนนิส เอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ''ไทยแลนด์ โอเพ่น'' ที่จัดขึ้นในเมืองไทยมาตลอดระยะเวลา 11 ปี

 มร.ไบรอัน แอล มาร์คา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความรู้สึกหลายอย่างมันเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องกล่าวอำลาเทนนิส ไทยแลนด์ โอเพ่น และที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องดีที่เราได้มีโอกาสชมสุดยอดการแข่งขันจากบรรดานักเทนนิสมากฝีมือแห่งยุคนี้ที่มาร่วมการแข่งขันที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล, โนวัค โจโควิช และ แอนดี้ มาร์รี่ย์ ทุกคนต่างเคยเข้าร่วมการแข่งขันไทยแลนด์ โอเพ่น มาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งพวกเขาถือเป็นที่สุดของที่สุดในวงการเทนนิสจริงๆ

''ผมขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริง สำหรับการสนับสนุนที่มีให้รายการของเราตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ผู้สนับสนุนรายการทุกท่านจนถึงเอทีพี นักกีฬาและแฟนเทนนิสทุกคน เราจะยังคงหาโอกาสจัดเทนนิสรายการพิเศษที่รวมเหล่าสุดยอดฝีมือให้เกิดขึ้นที่ประเทศไทยต่อๆ ไป'' มร.ไบรอัน กล่าว

ขณะที่ อลิสัน ลี รองประธานฝ่ายบริหาร เอทีพี กล่าวว่า จีนมีการเติบโตทางด้านการตลาดในการแข่งขันระดับอาชีพของผู้ชายมายาวนานแล้ว และเอทีพีรู้สึกพอใจอย่างยิ่ง ทำให้ตัดสินใจที่จะเพิ่มการแข่งขันเทนนิส เอทีพี ทัวร์ ระดับ 250 ที่เสิ่นเจิ้น เพื่อเปิดโอกาสในการสานต่อการพัฒนากีฬาเทนนิสในจีนต่อไป และยินดีที่จะได้ร่วมมือกับผู้จัดการแข่งขันเพื่อยกระดับการแข่งขันให้เป็นแมตช์ที่ดีที่สุดในปี 2014
''ผมอยากจะใช้โอกาสนี้ในการจะขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนการแข่งขัน ไทยแลนด์ โอเพ่น ที่ประเทศไทยตลอด 11 ปีที่ผ่านมา''

 อัลล่อน คักชูรี่ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน กล่าวว่า อยากจะขอบคุณ บีอีซี-เทโรฯ และลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย และผู้สนับสนุนการแข่งขัน ไทยแลนด์ โอเพ่น รวมไปถึงแฟนเทนนิสชาวไทย ที่ทำให้เกิดไทยแลนด์ โอเพ่น ซึ่งหลังจากนี้ทุกคนคงจะคิดถึงบรรยากาศอันอบอุ่นและการต้อนรับอันเป็นมิตรของคนไทย

''ขณะเดียวกันผมเองก็รู้สึกพิเศษที่จะได้แบ่งปันประสบการณ์ในฐานะผู้อำนวยการจัดการแข่งขันกับทีมงานใหม่ที่เสิ่นเจิ้น โอเพ่น ซึ่งเป็นรายการแข่งขันใหม่ที่จะเกิดขึ้นเพื่อยกระดับกีฬาเทนนิสในประเทศจีน''

สำหรับการแข่งขันเทนนิสเอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ''ไทยแลนด์ โอเพ่น'' ได้เกิดขึ้นในปี 2003 ยุค ''ภราดรฟีเวอร์'' จนมาสิ้นสุดเมื่อปลายเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งรวมระยะเวลาจัดการแข่งขัน 11 ปีเต็ม ถือเป็นรายการใหญ่ระดับนานาชาติที่ได้สร้างความยิ่งใหญ่และความประทับใจให้กับคนไทยเป็นประจำทุกปี ที่ล้วนมีนักหวดลูกสักหลาดชื่อดังทั่วโลก ต่างตบเท้ามาร่วมชิงชัยถ้วยรางวัลพระราชทานฯ อันทรงเกียรติมากมาย

 ด้าน ''แฝดรติวัฒน์'' สนฉัตร กับ สรรค์ชัย คู่นักเทนนิสฝาแฝดมือ 1 ของไทยซึ่งสร้างผลงานที่เยี่ยมยอดในการแข่งขันรายการ ''ไทยแลนด์ โอเพ่น'' ด้วยการคว้าแชมป์ชายคู่มาครองได้สำเร็จเมื่อปี 2007 และนับเป็นการคว้าแชมป์เอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ครั้งแรกในชีวิต กล่าวว่า รู้สึกใจหายเหมือนกันกับการที่ในปีหน้าจะไม่มีการแข่งขันเทนนิส ไทยแลนด์ โอเพ่น เพราะเราทั้งคู่นั้นลงแข่งขันรายการนี้มาตลอด และมีประสบการณ์ มีความทรงจำที่ดีกับการแข่งขันรายการนี้มาก

''แต่โดยส่วนตัวเราทั้งคู่ก็ไม่ได้เสียใจมากหากจะไม่มีรายการนี้แล้ว เพราะเรามองว่าในขณะที่กระแสเทนนิสในเมืองไทยตกลงไป และยังไม่มีนักเทนนิสรุ่นใหม่ก้าวขึ้นมาสร้างชื่อได้เหมือน ภราดร ศรีชาพันธุ์ ก็น่าจะถึงเวลาที่ผู้บริหารสมาคมฯ จะลงมาดูและให้ความสำคัญกับการสร้างนักเทนนิสรุ่นใหม่อย่างจริงจัง ที่สำคัญเรายังมองว่า

ขณะนี้ในเมืองไทยต้องการการแข่งขันเทนนิสอาชีพในระดับเมนส์ฟิวเจอร์และชาลเลนเจอร์ เพื่อให้นักเทนนิสรุ่นใหม่ได้ลงแข่งขันสะสมประสบการณ์และเก็บคะแนนสะสมโลกมากกว่านี้ เพราะทั้งจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รวมถึงไต้หวัน ขณะนี้ทุกชาติก็ให้ความสำคัญกับการแข่งขันระดับนี้กันมากขึ้น เพราะจะช่วยสนับสนุนให้นักเทนนิสในประเทศได้เก็บคะแนนสะสมโลกได้มากกว่าการจัดรายการเอทีพี ที่จะมีนักเทนนิสไทยไม่กี่คนเท่านั้นที่ลงแข่งขันได้''

 ขณะที่ ''ปิ๊ก'' ดนัย อุดมโชค นักหวดมือ 1 ไทยวัย 32 ปี เจ้าของแชมป์ชายคู่ ''ไทยแลนด์ โอเพ่น'' เมื่อปี 2012 กล่าวว่า รู้สึกเสียดายเหมือนกันที่ไม่มีไทยแลนด์ โอเพ่น อีกแล้ว และเข้าใจฝ่ายจัดการแข่งขันที่พยายามที่จะให้รายการนี้อยู่ในเมืองไทยมาอย่างยาวนานทั้งที่ที่ผ่านมาก็ประสบกับปัญหาในเรื่องของงบประมาณจัดการแข่งขันที่สูง ขณะที่ยอดผู้เข้าชมการแข่งขันก็ลดน้อยลงไป เนื่องจากกระแสของกีฬาเทนนิสในเมืองไทยเริ่มซบเซาลงไป เพราะขาดซูเปอร์สตาร์ที่มาต่อจาก ภราดร ศรีชาพันธุ์

''ผมมองว่าเราน่าจะใช้โอกาสนี้ในการหันกลับมาสร้างนักเทนนิสรุ่นใหม่อย่างจริงจัง ทั้งการวางระบบการฝึกสอน การจัดการแข่งขันเทนนิสอาชีพให้มากขึ้น ซึ่งควรจะหันมาเน้นที่เมนส์ฟิวเจอร์และชาลเลนเจอร์มากกว่า ซึ่งผมเชื่อว่าจะเป็นจุดที่สร้างนักเทนนิสดาวรุ่งขึ้นมาได้มาก และเมื่อเด็กเหล่านี้มีประสบการณ์และฝีมือที่ดีขึ้นก็จะมีโอกาสไปเล่นในระดับเอทีพี เวิลด์ ทัวร์ แม้จะไม่มีจัดในเมืองไทยแล้วก็ตาม'' ดนัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสข่าวที่การแข่งขันเทนนิส ไทยแลนด์ โอเพ่น จะถูกยกเลิกและไม่มีในเมืองไทยตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปนั้นมีมาแล้วหลังจบการแข่งขันในปีที่ 11 เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย ได้เผยในฐานะประธานอำนวยการจัดการแข่งขันว่า การแข่งขันรายการนี้ลิขสิทธิ์ไม่ได้เป็นของคนไทย

 และผู้ถือลิขสิทธิ์สามารถที่จะเปลี่ยนไปให้ชาติใดจัดก็ได้ อีกทั้งกระแสเทนนิสในเมืองไทยปัจจุบันนี้แม้จะยังมีอยู่มากแต่ก็ไม่ฟีเวอร์เหมือนเมื่อครั้ง ภราดร ศรีชาพันธุ์ ยังเล่นเทนนิสอยู่ อีกทั้งยังมีข้อจำกัดในการจัดการแข่งขันที่ต้องต่อสัญญาแบบปีต่อปี ทำให้ไม่สามารถเดินหน้าหาสปอนเซอร์ได้อย่างเต็มที่ และจำนวนผู้เข้าชมในวันธรรมดาที่ไม่เป็นไปตามเป้า รวมถึง การสนับสนุนจากภาครัฐที่ยังไม่เต็มที่ทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันต้องประสบกับปัญหาการขาดทุนและผลสำเร็จก็ไม่ได้ตามเป้าหมายอย่างที่ควรจะเป็น

ทั้งนี้ นายสุวัจน์ ยังได้กล่าวว่า แม้จะไม่มีการแข่งขันเทนนิส ไทยแลนด์ โอเพ่น ลอนเทนนิสสมาคมฯ ก็จะยังเดินหน้าสนับสนุนและสร้างนักเทนนิสดาวรุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่องแน่นอน พร้อมกันนี้ก็ยังจะพยายามหาแมตช์การแข่งขันรายการดีๆ มาจัดในเมืองไทย เพื่อให้นักเทนนิสได้หาประสบการณ์และแฟนเทนนิสไทยก็จะได้สัมผัสกับนักเทนนิสระดับโลกเช่นเดิม