นัดชิงชนะเลิศ ครั้งที่ 59 ของฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ และเป็นครั้งที่ 22 นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของรายการนี้ที่คู่ชิงฯ เป็นสองทีมที่มาจากเมืองเดียวกันด้วย
 
         คาร์โล อันเชลอตติ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนของ ราชันชุดขาว เคยสัมผัสถ้วยใบนี้มา 2 ครั้งกับ เอซี มิลาน ฤดูกาล 2002-03 กับ 2006-07 และหวังจะเป็นกุนซือคนที่ 2 ต่อจาก บ็อบ เพรสลี่ย์ ที่คว้าแชมป์รายการนี้ 3 สมัย
 
         ด้าน ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ เล่นกองกลางอยู่ในทีมของ ราโดเมียร์ อันติช เทรนเนอร์ชาวเซิร์บ ที่พา "ตราหมี" แอต.มาดริด คว้าดับเบิลแชมป์ลา ลีกา กับ โกปา เดล เรย์ ปี 1996 และ นี่คือรอบชิงชนะเลิศ ครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร แอตเลติโก หลังเคยชิงกับ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 1974 และพ่ายแพ้เป็นแค่รองแชมป์

         เริ่มเกมการแข่งขันทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันทันที และเพียงแค่ 9 นาที แอต.มาดริด ก็ต้องเปลี่ยนเอา ดีเอโก้ คอสต้า ที่สภาพร่างกายไม่ฟิตออกจากสนาม และส่ง อาเดรียน โลเปซ ลงไปแทน


        นาทีที่ 22 โอกาสแรกของเกมเป็นของ เรอัล มาดริด ที่ได้ฟรีคิกระยะ 20 หลาทางขวาของประตู ลูก้า โมดริช กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไปในเขตโทษ บอลพุ่งเข้าหาประตูแต่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ไม่พลาดโดดคว้าไว้ได้สบาย


         นาทีที่ 26 ราอูล การ์เซีย ก็รับใบเหลืองแรกของเกมหลังไปเจตนาทำฟาวล์ตัดเกมใส่ อังเคล ดิ มาเรีย ที่ลากบอลโต้กลับจากแดนตัวเองเข้าหาเขตโทษของทีมตราหมี


         และจากจังหวะดังกล่าว เซร์คิโอ รามอส ของเรอัล มาดริด ก็โดนใบเหลืองไปอีกคนหลังไปกระทบกระทั่งกับ ราอูล การ์เซีย


        นาทีที่ 31 ราชันชุดขาว พลาดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ ติอาโก้ เมนเดส จ่ายบอลพลาดให้ แกเร็ธ เบล ลากบอลหลบสองผู้เล่นตราหมีหลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนยิงด้วยซ้ายแต่บอลหลุดกรอบออกไป


         นาทีที่ 36 จากลูกเตะมุม กาบี เฟร์นานเดซ เปิดบอลเข้าไปหน้าประตู กองหลังเรอัล มาดริด สกัดบอลกันไม่ขาด บอลมาเข้าทาง ฆวนฟราน โหม่งตั้งจากหน้าเขตโทษ ก่อนที่ ดีเอโก้ โกดิน จะได้โขกบอลย้อนไปหน้าประตู อีเกร์ กาซียาส พยายามวิ่งกลับไปปัดแต่ไม่ทันบอลผ่านข้ามเส้นไปแล้ว แอต.มาดริด ออกนำ 1-0


         นาทีที่ 45 ซามี เคดิร่า โดนใบเหลืองหลังไปเตะใส่ ดาบิด บีย่า ที่บริเวณกลางสนาม


        จบครึ่งเวลาแรก แอต.มาดริด ออกนำ เรอัล มาดริด อยู่ 1-0


        กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง นาทีที่ 50 กาบี เฟร์นานเดซ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดเข้าไปหน้าประตูให้ ราอูล การ์เซีย เอี้ยวตัวยิงแบบไม่ต้องจับแต่บอลเหินข้ามคานออกไปไกล


         นาทีที่ 53 ชูเอา มิรานด้า รับใบเหลืองจากจังหวะที่ไปทำฟาวล์ใส่ อังเคล ดิ มาเรีย ที่หน้าเขตโทษ และจากลูกฟรีคิก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รับหน้าที่ยิงเต็มข้อบอลพุ่งเต็มแรงจะมุดคานอยู่แล้ว แต่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ชกทิ้งออกไปได้


         นาทีที่ 58 ราชันชุดขาวแก้เกมเปลี่ยนตัวทีเดียวสองคน อีสโก้ กับ มาร์เซโล่ ลงสนามไปแทน ซามี เคดิร่า กับ ฟาบิโอ โคเอนเตรา


        นาทีที่ 62 ราชันก็พลาดโอกาสตีเสมออีกครั้งจากจังหวะที่ เซร์คิโอ รามอส เติมเกมสูงก่อนเปิดบอลเข้าไปในเขตโทษให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ดาวยิงตัวเก่งของทีมโขกไม่โดน บอลเลยไปที่เสาสอง คาริม เบนเซม่า ก็ชาร์จไม่โดนอีก


         นาทีที่ 66 ทีมตราหมีเปลี่ยนผู้เล่นคนที่สอง โดยเอา ราอูล การ์เซีย ออกและส่ง โฮเซ่ โซซ่า ลงไปเล่นแทน


        ชุดขาวมีลุ้นอีกในนาทีที่ 73 จากจังหวะที่ ลูก้า โมดริช จ่ายให้กับ แกเร็ธ เบล จับแล้วสับด้วยซ้ายจากริมกรอบเขตโทษบอลพุ่งแรงหลุดกรอบไป


        นาทีที่ 77 แกเร็ธ เบล คนเดิมวิ่งสปีดแซง ดีเอโก้ โกดิน ก่อนได้หลุดเข้าไปจิ้มด้วยซ้ายในเขตโทษ แต่บอลหลุดกรอบออกไป


         ถัดจากนั้นนาทีเดียว คาร์โล อันเชลอตติ เทรนเนอร์ราชันชุดขาว ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายส่ง อัลบาโร่ โมราต้า ลงไปแทน คาริม เบนเซม่า


         นาทีที่ 83 แอต.มาดริด เปลี่ยนตัวคนสุดท้าย โดยส่ง โทบี้ อัลเดอร์เวเรลด์ ลงไปแทน ฟิลิเป้ หลุยส์


        นาทีที่ 84 ราชันชุดขาว โหมบุกอย่างหนักเพื่อหวังทวงประตูคืนแต่จังหวะสุดท้ายยังทำได้แค่หวาดเสียว


         นาทีที่ 87 โกเก้ โดนใบเหลืองหลังไปเจตนาเตะบอลทิ้งเพื่อถ่วงเวลา


         เกมทำท่าจะจบลง แต่แล้วในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 3 เรอัล มาดริด มาได้ลูกเตะมุม ลูก้า โมดริช เปิดเข้าไปหน้าเขตโทษ เซร์คิโอ รามอส วิ่งหนีตัวประกบก่อนโขกเต็มๆส่งบอลพุ่งผ่านมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ เสียบเสาเข้าไป ราชันชุดขาว ตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้อย่างปาฏิหาริย์ พร้อมกับจบ 90 นาที ต้องไปตัดสินกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ


         นาทีที่ 99 กาบี เฟร์นานเดซ ต้องรับใบเหลืองหลังไปเตะ มาร์เซโล่ จากทางด้านหลัง


         นาทีที่ 110 อังเคล ดิ มาเรีย  ลากบอลหลบสองแนวรับตราหมี ก่อนหลุดเข้าไปยิงด้วยซ้าย ติโบต์ กูร์กตัว ใช้ขาเซฟได้ในจังหวะแรก แต่บอลกระดอนไปเข้าทาง แกเร็ธ เบล ที่วิ่งเข้าโขกเต็มหัวส่งบอลตุงตาข่าย เรอัล มาดริด ออกนำ 2-1


         นาทีที่ 117 มาร์เซโล่ รับบอลจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก่อนลากเข้าไปยิงด้วยซ้าย ติโบต์ กูร์กตัวส์ พุ่งปัดไว้ได้แต่ด้วยความแรงทำให้บอลปลิ้นเข้าประตูไป เรอัล มาดริด หนีห่างเป็น 3-1


         นาทีที่ 120 ราชันชุดขาวมาได้ประตูย้ำชัยจากลูกจุดโทษ คริสเตียโน่ โรนัลโด้  สังหารเข้าไปไม่เหลือ เรอัล มาดริด นำห่างสุดกู่ 4-1


        จบเกม เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายเอาชนะ แอต.มาดริด ไปได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 4-1 พร้อมกับสร้างสถิติคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก ได้มากที่สุดเป็นสมัยที่ 10 

        รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
        เรอัล มาดริด: อีเกร์ กาซียาส (กัปตันทีม) - ดาเนียล การ์บาฆัล, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, ฟาบิโอ โคเอนเตรา - ซามี เคดิร่า, ลูก้า โมดริช, อังเคล ดิ มาเรีย - แกเร็ธ เบล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า
        สำรอง: ดีเอโก้ โลเปซ (ผู้รักษาประตู), เปเป้, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, มาร์เซโล่ วิเอยร่า, อีสโก้, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้, อัลบาโร่ โมราต้า

        แอต.มาดริด: ติโบต์ กูร์กตัวส์ - ฆวนฟราน ตอร์เรส, ชูเอา มิรานด้า, ดีเอโก้ โกดิน, ฟิลิเป้ หลุยส์ - โกเก้, กาบี เฟร์นานเดซ (กัปตันทีม), ติอาโก้ เมนเดส, ราอูล การ์เซีย, ดาบิด บีย่า, ดีเอโก้ คอสต้า
        สำรอง: ดาเนียล อารานซูเบีย (ผู้รักษาประตู) - มาริโอ ซูอาเรซ, โทบี้ อัลเดอร์เวเรลด์, ดีเอโก้ รีบาส, คริสเตียน โรดริเกวซ, โฮเซ่ โซซ่า, อาเดรียน โลเปซ


        ผู้ตัดสิน: บียอร์น คุยเปอร์ส (ฮอลแลนด์)