10 สุดยอดแข้งในตำนานเวิลด์คัพ
Posted 10/06/2014 by goal.com
เวิลด์คัพคือเวทีโชว์ฝีเท้าสำหรับสุดยอดนักเตะชั้นนำของโลกมากมาย ก่อนที่จะถึงทัวร์นาเมนต์สำคัญที่บราซิล เราลองย้อนกลับไปดูพวกเขากันสักเล็กน้อย
ดิเอโก มาราโดนา (อาร์เจนตินา)
ไม่เคยมีผู้เล่นคนใดที่สยบเวิลด์คัพไว้ใต้ฝ่าเท้าได้เท่ามาราโดนาในเม็กซิโก ปี 86 อีกแล้ว
เขาเป็นนักเตะที่ขโมยลมหายใจของคนดูได้พอๆ กับที่สร้างเรื่องอื้อฉาว มาราโดนามีส่วนร่วมกับประตูของอาร์เจนตินา ไม่ว่าจะยิงเองหรือจ่ายให้เพื่อนถึง 10 ลูก จาก 14 ลูกที่ทีมฟ้าขาวทำได้ ระหว่างทางถึงถ้วยแชมป์ใบนี้ รวมถึงทำสองประตูสำคัญในเกมรอบรองชนะเลิศที่พบทีมชาติอังกฤษ
ประตูแรกถือเป็นประตูที่อื้อฉาวที่สุดตลอดกาลที่เรารู้จักกันในนาม “หัตถ์พระเจ้า” ซึ่งกรรมการชาวตูนิเซียอย่างอาลี เบนนาเซอร์มองไม่เห็น ทว่าประตูที่สองในเกมนี้ที่ลากบอลผ่านผู้เล่นอังกฤษคนแล้วคนเล่าก่อนจะแตะบอลผ่านปีเตอร์ ชิลตันไปกองอยู่ก้นตาข่ายนั้นคือประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลประตูหนึ่งในโลกฟุตบอล
ในรอบชิงชนะเลิศ เยอรมันตะวันตกพยายามประกบตายมาราโดนาแบบไม่ให้ขยับตัว แต่ทันทีที่เขาสลัดหลุดการประกบของโลธาร์ มัทเธอุสได้ ก็สร้างโอกาสให้ฆอร์เก้ เบอร์รูชาก้า ทำประตูชัยทันที
โดยสรุปแล้ว มาราโดนาทำได้ 8 ประตู จากการลงสนามในฟุตบอลโลก 21 นัด รวมถึงยังเคยเป็นโค้ชพาทีมเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศที่แอฟริกาใต้ได้ในปี 2010 อีกด้วย
เปเล่ (บราซิล)
คู่เคียงกับมาราโดนา เปเลถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของวงการฟุตบอล เมื่อเขาได้เหรียญรางวัลเวิลด์คัพถึง 3 ครั้ง ซึ่งต้องถือว่ายอดเยี่ยมแบบไร้คู่แข่ง
ด้วยวัยเพียง 17 ปี เปเลทำได้ 6 ประตูจากการลงสนาม 4 นัดในฟุตบอลโลก 1958 ที่สวีเดน รวมถึงทำแฮตทริคได้ในเกมพบฝรั่งเศสรอบรองชนะเลิศ และอีกสองประตูในเกมพบเจ้าภาพ
น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บส่งผลให้เขาแทบไม่ได้ลงสนามเลยในฟุตบอลโลก 1962 แม้ว่าเขาจะได้เหรียญรางวัลสำหรับความสำเร็จของบราซิลมา รวมถึงในปี 1966 ที่อาการบาดเจ็บเล่นงานเขาอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ฟุตบอลโลกปี 70 ที่เม็กซิโก คือเวทีที่เปเลประกาศศักดาความเป็นตำนานฟุตบอลโลกของเขา ด้วยการเป็น นักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ ในฐานะส่วนหนึ่งของสุดยอดแนวรุกแซมบ้าทั้ง ริเวลิโน, แจร์ซินโญ และทอสเทา ซึ่งไล่ต้อนคู่แข่งของพวกเขาแบบหมดท่า รวมถึงชนะอิตาลีในนัดชิงถึง 4-1 จนได้รับการยกย่องว่าเป็นการคว้าแชมป์แบบขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ทัวร์นาเมนต์นี้
โรนัลโด้ (บราซิล)
คงไม่มีอะไรนิยามถึงความยอดเยี่ยมของ “โอ ฟีโนมีโน” ได้ดีไปกว่าตัวเลขที่ระบุว่า เขาเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดในเวทีฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดบนดาวเคราะห์ดวงนี้
โรนัลโด้คือผู้เล่นที่ไม่ได้สัมผัสสนามเลยในปีที่บราซิลได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1994 ก่อนจะพัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกเมื่อ ฟรองซ์ 98 มาถึง เขาโชว์ฟอร์มได้ดีจนกระทั่งถึงรอบชิงชนะเลิศก่อนจะประสบปัญหาบาดเจ็บ และต้องเข็นลงนัดชิงในนาทีสุดท้าย ซึ่งส่งผลให้เจ้าตัวทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานและบราซิลก็พ่ายต่อเจ้าภาพไป 3-0 ในที่สุด
อดีตกองหน้าของอินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด และเอซี มิลาน ได้ชูถ้วยเวิลด์คัพในฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ รวมถึงฟอร์มเด่นในนัดชิงชนะเลิศ ที่ปราบเยอรมันไปได้อย่างสวยหรู
ในปี 2006 เขาก็กลายเป็นตำนานดาวซัลโวฟุตบอลโลก เมื่อยิงประตูแซงหน้าแกร์ด มุลเลอร์ ขึ้นเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของรายการนี้ด้วยจำนวน 15 ประตูด้วยกัน
ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ (เยอรมันตะวันตก)
ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ตำนานชาวเยอรมันที่เรียกขานกันว่า “ไกเซอร์” คือชายคนเดียวที่เคยชูถ้วยเวิลด์คัพทั้งในฐานะกัปตันและโค้ชของทีมชาติ อย่างไรก็ดีเขาก็เคยพลาดโอกาสคว้าแชมป์ใบนี้มาแล้วหลายครั้งด้วยกัน
หลังจากที่พ่ายแพ้ในเกมฟุตบอลโลกนัดชิงปี 1966 ต่อทีมชาติอังกฤษ 4 ปีต่อมาที่เม็กซิโก เขาและเยอรมันก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเมื่อพ่ายแพ้ต่ออิตาลีในช่วงต่อเวลาของเกมรอบรองชนะเลิศ
จนกระทั่งในปี 1974 แข้งอินทรีเหล็กรายนี้ถึงได้ลิ้มรสความสำเร็จที่หอมหวาน เมื่อเป็นผู้นำในแนวรับที่เสียเพียง 4 ประตู จาก 7 นัดจนกระทั่งถึงนัดชิงชนะเลิศ
หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาแล้วแทบทุกอย่างในฐานะนักเตะ เบ็คเคนบาวเออร์ก็ยังคว้าแชมป์ได้ในฐานะโค้ชที่ อิตาเลีย 90 เมื่อเยอรมันตะวันตกภายใต้การคุมทีมของเขาปราบอาร์เจนตินาที่มีดิเอโก้ มาราโดนา ไปได้ 1-0 ที่กรุงโรม
ซีเนดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส)
ซีเนดีน ซีดาน เป็นเพลย์เมคเกอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคของเขา และกลายเป็นหนึ่งในตำนานที่คลาสสิคที่สุดของวงการฟุตบอล จากผลงานเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ 2 ครั้ง และคว้าแชมป์มาครองได้หนึ่งครั้ง
หลังจากที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับยูเวนตุสมาสองฤดูกาล ซีเนดีน ซีดาน เล่นในฟรองซ์ 98 ในฐานะบทบาทสำคัญสู่ความสำเร็จของทีมเจ้าภาพ
ซีดานได้ใบแดงในเกมพบซาอุดิอาระเบีย ในรอบแบ่งกลุ่มนัดที่สอง ส่งผลให้เขาพลาดลงสนามเสียหลายนัด ทว่าฟอร์มอันโดดเด่นในเกมพบโครเอเชียรอบรองชนะเลิศ และอีกสองประตูจากลูกโหม่งในรอบชิงชนะเลิศที่ปารีสก็ช่วยให้ทีมตราไก่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกหนแรกในประวัติศาสตร์เสียที
8 ปีต่อมา หลังจากที่อาการบาดเจ็บในทัวร์นาเมนต์ปี 2002 ส่งผลให้ทีมฝรั่งเศสตกรอบแรก ซีดานกลับมาอีกครั้งในทัวร์นาเมนต์อำลาสนามของเขาที่เยอรมัน 2006 และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งรายการรวมถึงในนัดชนะสเปนและโปรตุเกส
อย่างไรก็ดี เกมในรอบชิงชนะเลิศก็มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อซีดาน ซึ่งยิงจุดโทษสุดสวยให้ฝรั่งเศสออกนำอิตาลีไปก่อน 1-0 กลับต้องออกจากสนามเพราะการใช้ศีรษะโขก มาร์โก มาเตรัซซี ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ส่งผลให้ฝรั่งเศสพ่ายแพ้อิตาลีด้วยการดวลจุดโทษตัดสินไปอย่างน่าเสียดาย
แกร์ด มุลเลอร์ (เยอรมันตะวันตก)
ขณะที่ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ คือ หัวใจในแนวรับของทีมชาติเยอรมัน ที่ได้รับการขนานนามว่า “ไกเซอร์” แกร็ด มุลเลอร์ ก็ยืนอยู่อีกฟากของสนามในฐานะตำนานดาวยิงที่เฉียบคมที่สุดของทีมอินทรีเหล็ก ด้วยฉายาที่เหมาะสมกับเขาเสียเหลือเกินคือ “ไอ้ลูกระเบิด
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีร่างกายที่เหนือกว่าคนอื่นๆ แต่มุลเลอร์เป็นนักเตะที่มีสัญชาตญาณทำประตูยอดเยี่ยมและคิดไวทำไวจนภาพที่เขาเอาชนะกองหลังเพื่อทำประตูเป็นเรื่องที่เห็นจนชินตา นอกจากนี้ด้วยส่วนสูงเพียง 1.76 เมตร ยังทำให้เขาหลุดรอดจากสายตาของแนวรับฝั่งตรงข้ามได้ง่ายๆ
มุลเลอร์ทำได้ 10 ประตู ให้เยอรมันตะวันตก ที่เม็กซิโก 70 ก่อนจะตกรอบรองชนะเลิศเพราะพ่ายแพ้อิตาลี ก่อนที่อีก 4 ปีต่อมา เขาจะมีส่วนร่วมสำคัญในความสำเร็จของทีมชาติเยอรมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประตูในเกมปราบฮอลแลนด์นัดชิงชนะเลิศไป 2-1
แม้ว่าสถิติ 14 ประตูของเขาจะถูกโรนัลโด้แซงไปแล้วก็ตาม แต่ผลงานทำประตูของเขาก็ยังยอดเยี่ยมเสมอ เมื่อมุลเลอร์ใช้เวลาเพียง 13 เกมเพื่อทำสถิติดังกล่าว ขณะที่กองหน้าทีมชาติบราซิลต้องใช้ถึง 19 เกมด้วยกัน
บ็อบบี้ มัวร์ (อังกฤษ)
ภาพเขาถูกชูขึ้นเหนือบ่าของเรย์ วิลสัน และแฮตทริคฮีโรของทีมชาติอังกฤษอย่างเจฟฟ์ เฮิร์สต์ พร้อมถือถ้วยจูลส์ ริเมต์อยู่ในมือ ถือเป็นช็อตคลาสสิคแห่งชัยชนะของบ็อบบี้ มัวร์ ในความสำเร็จเมื่อปี 1966 รวมถึงการได้รับคำยกย่องว่าเป็นปราการหลังที่แข็งแกร่งที่สุดตลอดกาลคนหนึ่ง
มัวร์ได้ลงสนามในเวิลด์คัพครั้งแรกที่ชิลีเมื่อปี 1962 ก่อนจะรับบทกัปตันทีมชาติจากจอห์นนี เฮย์เนส ในอีกหนึ่งปีถัดมา เขาถือเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จเพียงครั้งเดียวในฟุตบอลโลกของทีมชาติอังกฤษ ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของแนวรับที่รักษาคลีนชีตไว้ได้ถึง 4 นัดติดต่อกัน รวมถึงเกือบจะขยายออกไปเป็นนัดที่ 5 หากไม่เจอลูกจุดโทษของยูเซบิโอในรอบรองชนะเลิศที่ชนะโปรตุเกสไปเสียก่อน
อย่างไรก็ดี ฟอร์มอันยอดเยี่ยมที่สุดของมัวร์ในฟุตบอลโลกนั้น กล่าวกันว่าเกิดขึ้นในอีก 4 ปีถัดมาที่ประเทศเม็กซิโก
แม้ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้น มัวร์จะถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมยจากร้านอัญมณีโคลอมเบีย แต่เขาก็ทำผลงานในรอบแบ่งกลุ่มได้อย่างโดดเด่นโดยเฉพาะจังหวะที่หยุดแจร์ซินโญเอาไว้ได้อยู่หมัด
อย่างไรก็ดี การเข้าปะทะในครั้งนั้น และลูกเซฟแห่งความทรงจำของกอร์ดอน แบงค์ ก็ไม่อาจช่วยให้อังกฤษรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ 1-0 ไปได้ ก่อนที่อังกฤษจะตกรอบเพราะเยอรมันตะวันตกในรอบถัดมา
ยูเซบิโอ (โปรตุเกส)
หนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกที่ไม่เคยชูถ้วยเวิลด์คัพ ไข่มุกดำแห่งโปรตุเกส สมควรได้รับคำยกย่องในฐานะตำนานจากฝีเท้าของเขา
ในขณะที่อังกฤษเป็นผู้ชูถ้วยแชมป์ในปี 1966 ดาวเตะโปรตุกีสถือเป็นสตาร์ของทัวร์นาเมนต์นั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยการทำ 9 ประตูพร้อมรางวัลรองเท้าทองคำในรายการนั้น
ในคราวนั้นกองหน้าเบนฟิก้าประกาศศักดาที่อังกฤษในฐานะนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป พร้อมพิสูจน์ฝีเท้าของเขาด้วยการทำสี่ประตูในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศที่พบเกาหลีเหนือ ซึ่งทีมจากเอเชียเป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 3-0 โดยใช้เวลาเพียง 25 นาที
เขายังทำประตูได้อีกครั้งในเกมรอบรองชนะเลิศที่พบอังกฤษ แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ทีมฝอยทองรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ 2-1 ได้
ตำนานชาวโปรตุเกสเฉือนชนะจุสต์ ฟองแตง ผู้ทำ 13 ประตูช่วยให้ฝรั่งเศสคว้าอันดับสามในเวิลด์คัพ 1958 ไปได้อย่างเฉียดฉิว ในลิสต์ของเราครั้งนี้
ยูเซบิโออำลาโลกนี้ไปเมื่อเดือนมกราคม 2014 ด้วยวัย 71 ปี พร้อมทิ้งตำนานขึ้นชื่อลือชาที่ยากจะลืมเลือนเอาไว้ที่นี่
โยฮัน ครัฟฟ์ (ฮอลแลนด์)
หากฮอลแลนด์สามารถรักษาสกอร์ 1-0 ที่พวกเขานำตั้งแต่นาทีที่สองของนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1974 หรือทำประตูเพิ่มได้จากตรงนั้น ผลงานของ โยฮัน ครัฟฟ์ บนเวทีระดับโลก อาจได้รับการยอมรับพอๆ กับดิเอโก มาราโดนา เมื่อปี 1986 หรือแม้แต่จะไปได้ไกลกว่านั้นก็เป็นได้
ครัฟฟ์ถือเป็นกำลังสำคัญของฮอลแลนด์ในยุคโททัล ฟุตบอล รวมถึงเป็นผู้นำที่มีความคิดสร้างสรรค์ในสนามของโค้ชประจำทีมอย่างไรนุส มิเชลส์
จอมทัพดัตช์ป่วนกองหลังฝั่งตรงข้ามให้หัวหมุนได้ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์จนถึงนัดชิง รวมถึงกลายเป็นต้นแบบให้โค้ชได้สอนคนรุ่นหลังด้วย “ครัฟฟ์เทิร์น” ในรอบแบ่งกลุ่มที่เสมอสวีเดนไป 0-0
เขาทำได้สองประตูในเกมถล่มอาร์เจนตินา 4-0 รวมถึงทำประตูได้ในเกมพบบราซิลอีกด้วย
จนกระทั่งวันที่เขาพาทีมฮอลแลนด์บุกใส่เยอรมันตะวันตกตั้งแต่คิกออฟ และได้ประตูนำจากจุดโทษของโยฮัน นีสเกนส์ ก็ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะกำหนดเอาไว้แล้วให้เขาเป็นผู้ชูถ้วยเวิลด์คัพ ทว่าพอล ไบรท์เนอร์ และแกร์ด มุลเลอร์ คือนักเตะสองคนที่ปฏิเสธโชคชะตาดังกล่าว
ครัฟฟ์ประกาศอำลาทีมชาติแบบสร้างความประหลาดใจให้แฟนบอลทั่วโลกก่อนฟุตบอลโลก 1978 จะเริ่มต้นเพียง 1 ปี ก่อนที่จะมีการเปิดเผยกันในภายหลังว่าเหตุพยายามลักพาตัวเขาและครอบครัวด้วยไรเฟิลในบาร์เซโลนา ถือเป็นส่วนสำคัญสำหรับการตัดสินใจในครั้งนี้
เฟเรนซ์ ปุสกัส (ฮังการี)
ถ้าครัฟฟ์และทักษะสุดพริ้วของเขาคือหัวใจสำคัญของขุนพลดัตช์ในยุค “โททัลฟุตบอล” ก่อนหน้านั้นประมาณสองทศวรรษ เฟเรนซ์ ปุสกัส ก็ถือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญพอๆ กันต่อยอดทีมอีกหนึ่งชุดในวงการฟุตบอลอย่าง “เมจิคัล แม็กยาร์ส”
ทีมแชมป์โอลิมปิค เดินหน้าเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์เมื่อปี 1954 ในฐานะทีมที่ดีที่สุดในดาวเคราะห์ดวงนี้ ด้วยการไม่แพ้ใครต่อเนื่องถึง 31 นัด โดยมีปุสกัสเป็นดาวเด่น
ทีมชาติฮังการีทะลุเข้ามาได้ถึงรอบชิงชนะเลิศในรายการดังกล่าว แม้ปุสกัสจะมีอาการบาดเจ็บ แต่เขาก็ทำประตูแรกให้ทีมได้ ก่อนที่โซลตัน ซิบอร์ จะเป็นคนทำประตูที่สอง
อย่างไรก็ดี เยอรมันตะวันตกกลับมาทำได้สามประตูจนกลายเป็นหนึ่งในเกมพลิกล็อคที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ที่ได้รับการขนานนามว่าปาฏิหาริย์แห่งเบิร์น
นั่นคือการพลาดโอกาสที่น่าเสียดายที่สุดของฮังการี เพราะทีมที่ดีที่สุดทีมนี้ต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ เนื่องจากการปฏิวัติประเทศในอีกสองปีถัดมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
แห้ว 3 หนเกินพอแล้ว!บ่อนชูกุนซือทีมพรีเมียร์ลีกเต็งคุม บาเยิร์น
บอกเพื่อน (อีกแล้ว)! โธมัส ทูเคิ่ล กระสันนั่งเก้าอี้กุนซือ แมนยู แทน เอริค เทน ฮาก
เจดอน ซานโช่ รับยังไม่รู้กลับ แมนยู หรืออยู่ ดอร์ทมุนด์ ต่อ
พวกเรากลับมาแล้ว! ปาร์ม่า การันตีคัมแบ็กสู่เวที เซเรีย อา
4 กองหน้าดาวดังที่ อาร์เซน่อล อยากดึงมาแทน กาเบรียล เชซุส
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
"ศุภชัย" ซัดเบิ้ล! ไทย ทุบ คีร์ก...
โดนรัวครึ่งหลัง! ไทย บุกพ่าย ญี่...
คลิปไฮไลท์