เกมคู่หลังน่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากันเมื่อ คอสตาริกา อยากที่จะสร้างเซอร์ไพรส์ให้ได้อีกครั้ง แม้สภาพทีมไม่สมบูรณ์เท่าไหร่
 
 ขณะที่ฟลายอิ้ง ดัตช์ แมน ก็อยากลบล้างอาถรรพ์ที่พวกเขาไม่เคยไปถึงตำแหน่งแชมป์โลกเสียที ด้วยกุนซือสุดยอดอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล

 ขุมกำลัง 

 ฮอลแลนด์

 ผู้รักษาประตู (7.4)
 
 ยา สเปอร์ ซิเลสเซ่น ถือว่าเป็นดาวรุ่งมีอนาคต แต่อาจจะเป็นปัญหาของ ฮอลแลนด์ ในรอบลึกๆ ถ้าพวกเขาหลุดเข้าไปเจอกับแนวรุกระดับพระกาฬ เพราะเจ้าตัวไม่ได้มีฟอร์มการเล่นที่เหนือชั้นอะไรมากมาย หากทีมกับนายประตูทีมใหญ่ๆ
 
 แม้ว่านายทวารหนุ่มจาก อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม จะไม่ได้ก่อความผิดพลาดร้ายแรงอะไร แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้งัดฟอร์มซูเปอร์เซฟอะไรออกมาช่วยทีมนักตลอด 4 เกมที่ผ่านมา 

 กองหลัง (7.5)
 
 ใช้ได้เลย กับแนวรับชุดนี้แม้ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ไม่มีประสบการณ์ในทัวร์นาเมนต์ระดับ เมเจอร์มาก่อนทั้ง ดารีล ยานมาต กับ ดาลี่ย์ บลินด์ วิงแบ็กขวา-ซ้าย
 
 ขณะ ที่คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟจาก เฟเยนูร์ด อย่าง สเตฟาน เดอ ฟรายจ์ กับ บรูโน่ มาร์ตินส์ อินดี้ ก็เล่นได้อย่างแข็งแกร่งเกินวัย มีลูกสดเข้ามาช่วย นอกจากนี้ยังได้ รอน ฟลาร์ ตัวเก๋าประคองอีกราย
 
 จุดเด่นคือทั้งหมดเล่นเข้าขากันเป็นอย่างดี แถมมีมีวินัย ทั้งในเกมรับ และรุก ทำให้ยากที่จะเจาะ
 
 กองกลาง (6.8)
 
 เป็น กองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ชุดที่ขี้เหร่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขาเลยก็ ได้ เพราะนักเตะอย่าง ไนเจล เด ยองก์ หรือ โจนาธาน เดอ กุสมัน ไม่ได้มีทีเด็ดอะไรนอกจากการไล่บอล
 
 เห็นได้ชัดว่าเปอร์เซ็นต์การ ครองบอล หรือ เปอร์เซ็นต์การผ่านบอลน้อยกว่าทีมเล็กๆ บางทีมที่หลุดเข้ารอบมาด้วยซ้ำ เพราะหน้าที่ของกองกลางฮอลแลนด์ชุดนี้คือการไล่บอลอย่างเดียวเท่านั้น
 
 นอก จากนี้กองกลางดัตช์ยังไม่รู้จักวิธีเล่นเกมรุก การครองบอลที่ดีพอ ทำให้แดนกลางมักต้องเป็นรองคู่แข่งต้องใช้วิธีสาดบอลไปข้างหน้า ยิ่งการขาด ไนเจล เด ยองก์ จะทำให้เกมของพวกเขามีปัญหาแน่นอน
 
 กองหน้า (9)
 
 แนวรุกมหาประลัยอย่าง ร็อบเบน และโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ แม้ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ จะดูโรยราไปตามกาลเวลา แต่ก็มีการเปิดสวยๆ เป็นตัวชูโรง
 
 ปีกจาก บาเยิร์น มิวนิค ได้รับอิสระในการเล่นยิ่งทำให้เขาสามารถไปได้ทั่วสนาม และเล่นได้ตามที่ใจคิดจนทำประตูได้มากมาย
 
 ขณะ เดียวกัน อาร์วีพี กลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้งหลังเสียความมั่นใจไปกับสโมสรเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ในเวิลด์ คัพ เขามีจังหวะสวยๆ ในการลั่นไก 
 
 ด้าน เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ก็กลับมาอย่างถูกที่ถูกเวลาเป็นส่วนสำคัญที่พาทีมเข้ามาถึงรอบนี้จากฟอร์ม ที่ยอดเยี่ยม และประตูกู้ชีพให้ทีมตามตีเสมอในรอบที่แล้ว 

 ขุมกำลังสำรอง (7.7)
 
 ไม่ ขี้เหร่เลยสำหรับขุมกำลังสำรองของดัตช์แมนเมื่อพวกเขามีเด็กระเบิดอย่าง เมมฟิส เดอปาย รอโอกาสอยู่ข้างสนาม เช่นเดยวกับ จอร์จินิโอ วิจนาลดุม
 
 ขณะ เดียวกัน เยเรเมน เลนส์, คลาส ยาน ฮุนเตลาร์ พร้อมถูกเรียกาทำลายล้างตาข่ายตลอดเวลา  p- ขณะที่ เลอรอย เฟอร์ หรือจอมเก๋าอย่าง เดิร์ก เค้าท์ ก็ยังมีประโยชน์ และรายหลังก็เล่นได้ทุกตำแหน่งเรียกได้ว่าอเนกประสงค์จริงๆ

 เทรนเนอร์ (9.5)
 
 ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือหนึ่งในเทรนเนอร์ที่ดีที่สุดของโลก เขาคว้ามาแล้วทุกแชมป์ลีกในทุกๆ ที่ๆ เคยไป
 
 เหลือเพียงแค่ตำแหน่งแชมป์โลกที่มารอให้เขาเอื้อมมือไปให้ถึง และไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้หากดูจากเส้นทาง
 
 ทุก คนเชื่อใน ฟาน กัล และเทรนเนอร์ก็ให้ความเชื่อมั่นต่อทีม นี่คือส่วนผมของดาวรุ่ง และพี่เลี้ยงจอมเก๋าภายใต้การปรุงของเทรนเนอร์มาดเฮี๊ยบรายนี้
 
 นอกจากนี้ในการแก้เกมเขายังมีอะไหล่ดีๆ อีกมากมายให้เลือกใช้งาน และในเกมอึดอัดๆ เจ้าตัวก็โชว์ผลงานออกมาเช่นเกมที่แล้วเป็นต้น

 รวมคะแนน : 47.9

 ผลงานรอบแรก

 ลงสนาม 3 นัด ชนะ 3 เสมอ 0 แพ้ 0 ยิงได้ 10 เสีย 3

 13/06/14 ชนะ สเปน 5-1

 18/06/14 ชนะ ออสเตรเลีย 3-2

 23/06/14 ชนะ ชิลี 2-0

 รอบ 16 ทีมสุดท้าย

 29/06/14 ชนะ เม็กซิโก 2-1

 อัตราต่อรองแชมป์โลกล่าสุด : เต็ง 3 ร่วม ราคา 9/2 (แทง 2 จ่าย 9 ไม่รวมทุน) จาก สกาย เบท

 *********************************************************

 คอสตาริกา

 ผู้รักษาประตู (8) 
 
 นาย ทวารมือหนึ่งของทีมเป็น เคย์เลอร์ นาวาส จอมหนึบจาก เลบันเต้ ที่ได้ลงเล่นครบทั้งสี่เกม เจ้าตัวกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของความยอดเยี่ยมภายในทีมที่เข็นทีมออก มาจากกลุ่มแห่งความตาย 
 
 ด้วยฟอร์มอันเหนียวหนึบ ไม่มีพลาดลูกง่ายๆ ให้เห็น ขณะที่เกมกับ อิตาลี ก็เซฟลูกจังๆ ของ มาริโอ บาโลเตลลี่ และฟรีคิกของ อันเดรีย ปิร์โล่ ได้อย่างสวยงาม รอบน็อกเอาต์กับ กรีซ ยังร่ายฟอร์มสุดยอดเซฟในเกมพาทีมที่เหลือ 10 คนยันเอาไว้ได้ก่อนมาเซฟจุดโทษอีก

 กองหลัง (7.9)
 
 ด้วย ความที่ใช้ระบบ 3 เซนเตอร์แบ็ก และ 2 วิงแบ็กทำให้การเล่นเกมรับของ คอสตาริกา เหนียวหนึบ เมื่อจะมีทั้ง ออสการ์ ดูอาร์เต้, ไมเคิ่ล อูมาน่า และจานคาร์โล กอนซาเลซ เรียงหน้ามาชนกับแนวรุกของคู่แข่ง
 
 ยิ่งกับ ฟุตบอลสมัยนี้หลายๆ ทีมนิยมใช้ระบบหัวหอกตัวเป้ารายเดียวที่เป็นงานง่ายสำหรับแนวรับจากคอนคาเคฟ ในการจัดการ เพราะทั้งหมดเล่นร่วมกันเข้าขาได้เป็นอย่างดี ส่วนวิงแบ็กสองฝั่งจาก จูเนียร์ ดิอาซ กับ คริสเตียน กอมบัว ก็ยังลงมาช่วยเกมรับได้ดี

 กองกลาง (7)
 
 ทั้ง เซลโซ่ บอร์เกส, คริสเตียน โบลานอส และเยลต์ซิน เตเฮด้า เข้าขากันเป็นอย่างดี เป็นมิดฟิลด์ประเภทผึ้งงานช่วยเกมรับทีมได้ยอดเยี่ยม เข้าหาบอลตลอดเวลา
 
 รายของ คริสเตียน โบลานอส ยังมีทีเด็ดที่ลูกเซ็ตพีซไม่ว่าจะเป็นลูกฟรีคิก หรือ เตะมุมที่หวังผลได้เสมอ ดังที่เห็นมาแล้วในเกมกับ อุรุกวัย นอกจากนี้ยังเล่นเกมรับกันได้ยอดเยี่ยมเช่นเกมในรอบที่แล้ว

 กองหน้า (7.1)
 
 ทั้ง โจเอล แคมป์เบลล์ และไบรอัน รุยซ์ คือ นักเตะที่ทีมจากพรีเมียร์ลีกหลงลืมไม่สนใจใช้งานไม่ว่าจะเป็น อาร์เซน่อล หรือว่า ฟูแล่ม
 
 อย่างไรก็ตาม แคมป์เบลล์ พัฒนาฝีเท้าขึ้นมามากเก็บบอลได้ดี ไปกับบอลได้ มีความเร็ว แถมมีเท้าซ้ายที่หวังผลได้
 
 ขณะ ที่ รุยซ์ แสดงให้เห็นว่าเขายังไม่หมดน้ำยา แต่อย่างใด ประสบการณ์จากพรีเมียร์ลีก ทำให้เมื่อมาเข้าคู่กับตัวสดๆ อย่าง แคมป์เบลล์ ยิ่งทำแนวรุกดูลงตัว
 
 เกมที่แล้วทั้งคู่ยังช่วยงานเกมรับของทีมได้อย่างยอดเยี่ยม และแสดงให้เห็นว่ามีพลังความฟิตเหลือเพื่อมากกว่าจะเล่นเกมรุกอย่างเดียว

 ขุมกำลังสำรอง (6)
 
  หนึ่งในปัญหาของทีมเมื่อกวาดต่อมองแล้วก็ให้น่าคิดว่าหากตัวหลักของพวกเขา ตัวใดตัวหนึ่งขาดหายไป ทีมจะเป็นอย่างไร เพราะที่เหลือส่วนใหญ่เป็นนักเตะที่ค้าแข้งกับทีมเล็กๆ หรือไม่ก็ในบ้านเกิดทั้งนั้น
 
  แนวรุกอย่าง มาร์กอส อูเรน่า, แรนดัลล์ เบรเนส ยังหวังผลไม่ได้จากโอกาสที่ได้รับยามเปลี่ยนตัวลงมา ขณะที่ โฮเซ่ คูเบโร่ ที่ฝากความหวังไม่ได้ ดูแล้วมีเพียง ไมเคิ่ล บาร์รานเตส ที่เคยเป็นตัวจริงเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงเกมให้ทีมในยามที่ต้องการได้
 
 ยิ่ง กับเกมนัดนี้พวกเขาจะเสียกำลังหลักอย่าง ออสการ์ ดูอาร์เต้ ที่ติดโทษแบน แถมสำรองเบอร์หนึ่งอย่าง รอย มิลเลอร์ มีอาการบาดเจ็บไม่น่าลงสนามได้ ให้น่าคิดเหลือเกินว่าพวกเขาจะรับมือกับเกมนี้อย่างไร

 เทรนเนอร์ (7.5)
 
 ฮอร์เก้ หลุยส์ ปินโต้ ผู้มีทั้งทีมชาติอิตาลี และยูเวนตุส เป็น "ไอดอล" ส่วนตัวทั้งแนวทางการเล่นแบบ 3 เซนเตอร์ฮาล์ฟ และเน้นเกมรับเหนียวแน่นไว้ก่อน
 
 ไปๆ มาๆ อดีตเทรนเนอร์ของทีมชาติโคลอมเบียรายนี้สร้างผลงานได้ดีกว่าต้นฉบับด้วยซ้ำ แถมมีการกระตุ้นนักเตะให้อยู่กับเกมข้างสนามได้ดีมากๆ และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของทีมกับการมาถึงจุดนี้
 
 นอกจากนี้ใน ส่วนของการแก้เกม และแท็คติกการเล่น ปินโต้ มีลูกล่อลูกชนในการเปลี่ยนตัวเพื่อเวลา แถมจัดตำแหน่งเกมรับได้ตรงกับความจำเป็น อย่างเช่นในเกมที่แล้วที่ยัน กรีซ ได้ทั้งๆ ที่เหลือ 10 คนอยู่ร่วม 1 ชั่วโมงรวมต่อเวลาพิเศษ

 รวมคะแนน : 43.5

 ผลงานรอบแรก

 ลงสนาม 3 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้  ยิงได้ 4 เสีย 2

 14/06/14 ชนะ อุรุกวัย 3-1

 20/06/14 ชนะ อิตาลี 1-0

 24/06/14 เสมอ อังกฤษ 0-0

 รอบ 16 ทีมสุดท้าย

 29/06/14 เสมอ กรีซ 0-0 (ชนะจุดโทษ 5-3)

 อัตราต่อรองแชมป์โลกล่าสุด : เต็งบ๊วย ราคา 66/1 (แทง 1 จ่าย 66 ไม่รวมทุน) จาก สกาย เบท