ฟุตบอลนัดกระชับมิตรสโมสร

วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2557

เรอัล มาดริด (สเปน) 1-2 ฟิออเรนติน่า (อิตาลี)

สนาม: โนโรโดวี สตาดิโอน, (วอร์ซอว์, โปแลนด์), (สนามกลาง)

        "ราชันชุดขาว" เพิ่งเอาชนะ เซบีย่า 2-0 จากสองประตูของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พร้อมคว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

        เกมนี้ เรอัล มาดริด ไม่ได้เรียกตัว ลูก้า โมดริช กับ อีสโก้ ติดทัพมาด้วย เช่นเดียวกับ เฆเซ่ โรดริเกซ ที่อยู่ระหว่างเรียกความฟิต พร้อมปรับผู้เล่นหลายรายให้ ชาบี อลอนโซ่ กลับมาลงสนามอีกครั้ง

        ขณะที่ เคย์ลอร์ นาวาส นายทวารตัวใหม่ทีมชาติคอสตา ริก้า ได้ประเดิมเฝ้าเสาเป็นนัดแรก รวมถึง ราฟาแอล วาราน, ซามี เคดิร่า และ อังเคล ดิ มาเรีย ที่หวนคืนตัวจริงทั้งหมด

        สามประสานแดนหน้าให้ อังเคล ดิ มาเรีย, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ฮาเมส โรดริเกซ ลงล่าตาข่ายพร้อมกัน

        ทางด้าน "ม่วงมหากาฬ" ฟิออเรนติน่า ทีมชั้นนำของกัลโช่ เซเรีย อา. อิตาลี ต้องปราศจาก ฮวน กวาดราโด้ และ ฟาคุนโด้ รอนคาญ่า ที่ไม่ได้ติดทีมมาด้วย แถมล่าสุด จูเซ็ปเป้ รอสซี่ ดาวยิงตัวเก่งเกิดเจ็บระหว่างซ้อม ชวดบู๊ไปอีกราย

        แผงกลางวาง ดาวิด ปิซาร์โร่ ลงทำเกมกับ อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ และ บอร์ฆา บาเลโร่  โดยมี มาริโอ โกเมซ ดาวยิงเยอรมันจับคู่ล่าตาข่ายกับ คูมา เอล บาบาการ์

        ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาแค่ 4 นาที เรอัล มาดริด ขึ้นนำเร็ว 1-0 จากจังหวะที่โต้กลับเร็ว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กระชากบอลขึ้นมาจากหน้าเขตโทษของตัวเองล็อคหลบผู้เล่นฟิออฯ มาถึงครึ่งสนามแล้วจ่ายออกขวาให้กับ อังเคล ดิ มาเรีย พาบอลควบเข้ามาในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วผ่านไปเสาสองให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตามมาแปด้วยขวาจากระยะแค่ 6 หลาเข้าไปง่ายๆ

        สามนาทีต่อมา ราชันชุดขาว บุกขึ้นมาอีกครั้ง มาร์เซโล่ ไหลให้กับ อังเคล ดิ มาเรีย ซัดด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษแต่โดนเซฟไว้ได้ โรนัลโด้ ตามซ้ำก็ติดอีกครั้ง

        ผ่านมา 26 นาที เรอัล มาดริด ได้โอกาสจากจังหวะที่ ชาบี อลอนโซ่ เปิดบอลให้กับ ฮาเมส โรดริเกซ ซัลโวด้วยขวาจากหน้าเขตโทษ แต่ไม่ผ่านมือของ เนโต้ นายทวารของฟิออเรนติน่า

        ทว่านาทีต่อมา กลายเป็น ม่วงมหากาฬ ที่บุกน้อยกว่ามาได้ประตูตีเสมอจากจังหวะที่ ชาบี อลอนโซ่ กองกลางเรอัล มาดริด เบิ้ลบอลคืนหลังพลาดไปเข้าทางของ อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ โยนเร็วจากทางกรอบเขตโทษด้านขวาให้กับ มาริโอ โกเมซ กองหน้าร่างใหญ่ชาวเยอรมันที่วันนี้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีม ทิ้งตัวโหม่งเสียบมุมซ้ายบนเข้าไปให้ ฟิออเรนติน่า ไล่ตามตีเสมอเป็น 1-1

        จากนั้นนาทีที่ 28 ฟิออฯ เกือบได้ประตูแซงนำ เมื่อ ดาวิด ปิซาร์โร่ เปิดบอลให้กับ อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ ตะบันด้วยขวาในกรอบเขตโทษด้านขวาบอลไปชนคานอย่างน่าเสียดาย หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1

        มาเล่นกันต่อในครึ่งเวลาหลัง เรอัล มาดริด เปลี่ยนผู้เล่นรวดเดียว 4 รายให้ ฟาบิโอ โคเอนเตรา, โทนี่ โครส, คาริม เบนเซม่า และ ดาเนียล การ์บาฆัล ลงมาเล่นแทน มาร์เซโล่, ชาบี อลอนโซ่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ฮาเมส โรดริเกซ ตามลำดับ

        ชุดขาว ยังคงครองเกมดีกว่าน่าจะได้ประตูขึ้นนำนาทีที่ 50 เมื่อ ดิ มาเรีย จ่ายให้กับ เบนเซม่า ซัดเข้าไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินไม่ให้ เป่าเป็นล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

        สามนาทีต่อมา คาริม เบนเซม่า ไหลให้กับ ดิ มาเรีย ซัดด้วยซ้ายจากทางกรอบเขตโทษด้านซ้ายบอลเฉี่ยวเสาสองออกไป

        กระเถิบมานาทีที่ 58 ชุดขาว บุกมาเป็นระลอกมีโอกาสอีก เมื่อ เคดิร่า ไหลบอลออกมาทางขวาให้กับ คาริม เบนเซม่า ซัดด้วยขวาบอลเฉี่ยวกรอบไปนิดเดียวเท่านั้น

        อย่างไรก็ตาม กลายเป็น ม่วงมหากาฬ ได้ประตูแซงนำในนาทีที่ 68 เมื่อวางยาวออกมาทางด้านซ้าย เคดิร่า จับบอลไม่ดีเลยมาเข้าทางของ มาร์กอส อลอนโซ่ แบ็คซ้ายของฟิออฯ ล็อคตัดเข้าในแล้วตะบันด้วยขวาจากทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย บอลไปโดนขาของ ดาเนียล การ์บาฆัล ผู้เล่นมาดริดที่พยายามลงมาคุมเส้นนิดหนึ่ง ก่อนเข้าประตูไปให้ ฟิออเรนติน่า นำ 2-1

        ล่วงเลยมานาทีที่ 72 ชุดขาว บุกขึ้นมาทาง โทนี่ โครส เปิดต่อให้กับ ดาเนียล การ์บาฆัล ซัดด้วยขวาจากนอกเขตโทษ แต่ไม่ผ่านมือของ เนโต้

        นาทีต่อมา ฟิออเรนติน่า เกือบได้ประตูที่สาม เมื่อ ฮวน มานูเอล วาร์กัส วิ่งมายิงด้วยซ้ายจากหน้าเขตโทษบอลพุ่งแรงมาก เล่นเอา เคย์ลอร์ นาวาส ไม่กล้ารับต้องปัดออกมา ก่อนตามมาตะครุบไว้อีกครั้ง

        เขยิบมานาทีที่ 75 เรอัล มาดริด มีการเปลี่ยนผู้เล่นถึง 4 ราย โดยในจำนวนนี้ให้ เซร์คิโอ ราอมส เล่นแทน วาราน แต่ที่น่าสนใจคือมีแฟนบอลรายหนึ่งสวมเสื้อปักชื่อโรนัลโด้ ของมาดริด เดินลงสู่สนามในจังหวะที่ ราชันชุดขาว จะเปลี่ยนเอา ลูกัส ลงเล่นแทน อาร์เบลัว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบมากันออกจากสนามไป แต่ก็สร้างความฮือฮาได้พอสมควร

        ท้ายเกมนาทีที่ 83 เรอัล น่าได้ประตูตีเสมอ เมื่อ อังเคล ดิ มาเรีย หลุดมาทางด้านซ้าย ก่อนตัดสินใจชิปด้วยซ้ายบอลหลุดเสาสองไปนิดเดียวเท่านั้นเอง

        ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+1 ฟิออฯ มีโอกาสจากจังหวะโต้กลับเร็ว ลาซซารี่ เปิดเข้ามาให้กับ อิลิซิซ ยิงด้วยซ้ายเฉี่ยวเสาไป เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก จบเกม ฟิออเรนติน่า เฉือนชนะไปสนุก 2-1

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

        เรอัล มาดริด: เคย์ลอร์ นาวาส - อัลบาโร่ อาร์เบลัว (ลูกัส บาซเกซ น.75), ราฟาแอล วาราน (เซร์คิโอ รามอส น.74), นาโช่ เฟร์นานเดซ, มาร์เชโล่ วิเอยร่า (ฟาบิโอ โคเอนเตรา น.46) - ซามี เคดิร่า (อัลบาโร่ เมดราน น.75), ชาบี อลอนโซ่ (โทนี่ โครส น.46), อาเซียร์ อียาร์ราเมนดี้ (ฆอร์เก้ บูร์กี น.75) - อังเคล ดิ มาเรีย, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (คาริม เบนเซม่า น.46), ฮาเมส โรดริเกซ (ดาเนียล การ์บาฆัล น.46)
        สำรองไม่ได้ใช้: อีเกร์ กาซียาส (ผู้รักษาประตู) - เฟร์นานโด ปาเชโก้ (ผู้รักษาประตู) - เปเป้, แกเร็ธ เบล

        ฟิออเรนติน่า: เน โต้ - เนน้าด โทโมวิช (คริสเตียโน่ ปิคคินี่ น.85), กอนซาโล่ โรดริเกซ (อาห์เหม็ด เฮกาซี่ น.87), สเตฟาน ซาวิช, มาร์กอส อลอนโซ่ (อันเดรีย ลาซซาร์รี่ น.85) - อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ (โจชัว บริลลันเต้ น.69), ดาวิด ปิซาร์โร่ (ราฟาล โวลสกี้ น.77), บอร์ฆา บาเลโร่ (นิโกโล่ กีกลี้ น.90+4) - ฮวน มานูเอล วาร์กัส (มานูเอล ปาสกวาล น.85) - มาริโอ โกเมซ (โจซิป อิลิซิซ น.68), คูมา เอล บาบาการ์ (เฟเดรีโก้ แบร์นาเดสคี่ น.77)
        สำรองไม่ได้ใช้: ชิปริยาน ตาตารูซานู (ผู้รักษาประตู) - ลูก้า เลซเซรินี่ (ผู้รักษาประตู)

        ผู้ตัดสิน: ดาเนียล สเตฟานสกี้ (โปแลนด์)