หลังจากที่ตลาดนักเตะปิดตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ใครบ้างคือผู้แพ้ในตลาดนักเตะประจำฤดูกาลนี้ที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังในการซื้อขาย

เมื่อตลาดนักเตะปิดตัวลงอย่างเป็นทางการในเวลา 05.00 น. ตามเวลาประเทศไทย กิจกรรมซื้อขายในช่วงหน้าร้อนประจำฤดูกาล 2014-15 ก็จะยุติลงและเริ่มหันหน้าเข้าสู่การแข่งขันในสนามอย่างเป็นทางการกันเสียที

และเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนนักเตะ ที่ต้องมีทีมซึ่งทำผลงานได้ดี มีทีมที่ทำผลงานได้แย่ มีผู้แพ้ และในขณะเดียวกันก็ต้องมีผู้ชนะ

นี่คือ 5 ผู้แพ้ที่เราคัดสรรมมาในซัมเมอร์นี้ ในความเห็นของเรา พวกเขาล้วนดำเนินการนโยบายในตลาดนักเตะผิดพลาดจนสุ่มเสี่ยงที่จะล้มเหลวใน ฤดูกาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นการไม่ได้ผู้เล่นเข้ามาเสริมในตำแหน่งที่เป็นจุดอ่อน, หรือแม้กระทั่งเสียนักเตะคนสำคัญของทีมไปโดยไม่มีใครมาทดแทน

อย่างไรก็ดี จงระลึกไว้เสมอว่า ฟุตบลเป็นกีฬาที่วัดกันด้วยผลงานในสนาม และผู้แพ้ในตลาดนักเตะไม่ได้จำเป็นจะต้องเป็นผู้แพ้ในเกมการแข่งขันเสมอไป

อาร์เซนอลเปิดฉากตลาดนักเตะในหน้าร้อนได้อย่างสวยหรูด้วยการคว้าอเล็กซิส ซานเชซ, คาลัม แชมเบอร์ส, ดาวิด ออสปินา และมาติเยอ เดอบูชี มาร่วมทีมได้อย่างรวดเร็ว จนแฟนปืนจำนวนมากคงจะโล่งใจที่สโมสรไม่ซ้ำรอยเดิมยามซื้อขายในตลาดนักเตะอีก แล้ว

อย่างไรก็ดี เรื่องราวหลังจากนั้นกลายเป็นเหมือนฉากเล่นซ้ำที่แฟนๆ ชินชา อาร์เซน เวนเกอร์ ไม่ยอมคว้าศูนย์หน้าตัวเป้าเข้ามาเพิ่มเติม แม้กระทั่งในยามที่โอลิวิเยร์ ชิรูด์ บาดเจ็บ จนกระทั่งได้แดนนี เวลเบ็คมาร่วมทัพด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ในวันสุดท้าย

จริงอยู่ ดาวเตะจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดรายนี้ก็ไม่ได้ถึงขั้นเลวร้าย แต่ยอมรับเถอะว่าพวกเขาต้องมีกองหน้าที่ดีกว่านี้หากจะหวังลุ้นถึงแชมป์ พรีเมียร์ลีกที่รอคอยมาแสนนาน และอเล็กซิส ซานเชซ ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในการเป็นกองหน้าตัวเดียวเลย

รองแชมป์ลีกเอิงเมื่อฤดูกาลที่แล้วเสียสามนักเตะของทีมอย่างฆาเมส โรดริเกวซ, ราดาเมล ฟัลเกา และเอ็มมานูเอล ริวิแยร์ ไปในตลาดนักเตะหน้าร้อนนี้ ทั้งที่ทั้งสามรายคือตัวทำประตูหลัก ซึ่งมีส่วนสำคัญในผลงานอันยอดเยี่ยมของทีมเมื่อฤดูกาลก่อน

ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ พวกเขาไม่มีบิ๊กเนมเข้ามาทดแทนการจากไปของทั้งสามรายเลย ซึ่งนั่นทำให้น่าสนใจอย่างยิ่งว่าความทะเยอทะยานที่ไล่คว้านักเตะดังมาร่วม ทัพเมื่อหลายฤดูกาลที่ผ่านมานั้นหายไปไหน

เอริค ตอฮิร นายทุนชาวอินโดนีเซียเข้ามาเป็นเจ้าของเนรัซซูรีพร้อมคำสัญญามากมาย ที่จับใจความได้ว่า อินเตอร์จะต้องก้าวขึ้นไปเป็นทีมชั้นนำ จะมีงบประมาณสำหรับปรับปรุงทีมในซัมเมอร์นี้อย่างสมศักดิ์ศรีที่ค้ำคอ แต่สิ่งที่เราเห็นคือการเซ็นกองหลังลายครามอย่างเนมานยา วิดิช มาแบบไม่มีค่าตัว ยืมปาโบล ออสวัลโด้ ที่ไม่แน่ใจว่าคมเคี้ยวยังเหลือสักแค่ไหน เมาโร อิคาร์ดี้ ที่ยังไม่ได้น่าไว้ใจนัก ฯลฯ

เทียบกับยอดทีม 0 ปอนด์ของเพื่อนร่วมเมืองแล้ว งูใหญ่ไม่ได้ใช้สถานะทางการเงินที่เหนือกว่า สร้างความแตกต่างได้เลย

โทนี เฟอร์นานเดส ไม่เคยคิดแม้แต่วินาทีเดียว ว่าจะทำทีมทหารเสือราชินีแบบตามมีตามเกิด เป็นเพียงทีมฟุตบอลทีมหนึ่งในลีกสูงสุดของอังกฤษ - ชายคนนี้มีความฝัน มีความทะเยอทะยาน เขาอยากพาคิวพีอาร์ไปเป็นหนึ่งในเต้ยแห่งพรีเมียร์ลีก แต่ผลที่ได้คือ สโมสรตกชั้นไปด้วยนักเตะค่าแรงแพงระยับ - ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส ยังคงเป็นสโมสรขนาดเล็กเท่ากับตอนที่ยังไม่มีโทนี เฟอร์นานเดส และเงินอย่างเดียวก็ไม่ได้รับประกันว่าจะได้ตัวหรือรั้งตัวผู้เล่นเกรดสูง ไว้กับทีมได้

โลอิก เรมี ที่สุดท้ายก็ย้ายไปเชลซี และทุก ๆ ดีลที่ยิ่งคุยยิ่งล่ม ก่อนจบตลาดซื้อขายวันสุดท้ายด้วยการคว้าเพียงนักเตะระดับกลางๆ อย่าง นิโก ครานชาร์, แดนนี ซิมป์สัน หรือซานโดร ก็น่าจะบ่งบอกอะไรได้เป็นอย่างดี

เหมือนเช่นทุกฤดูกาลที่ราชันชุดขาวเรียกเสียงฮือฮาและหวือหวาได้อยู่เสมอ ในตลาดนักเตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาคว้าฆาเมส โรดริเกซซ แข้งซึ่งโดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในเวิลด์คัพ 2014 ที่บราซิล รวมถึงโทนี โครส จากบาเยิร์น มิวนิค มาร่วมทีมได้สำเร็จ และนั่นคือส่วนที่ชวนแฮปปี้ของราชันชุดขาวที่แฟนๆ ล้วนคุ้นเคย 

อย่างไรก็ดี การที่พวกเขาต้องเสียบรรดาแข้งคนสำคัญและขวัญใจแฟนบอลอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย, ซาบี อลอนโซ และดิเอโก โลเปซ คงทำให้แฟนบอลหวั่นใจไม่น้อยกับทิศทางการใช้เงินของสโมสร อย่างน้อยที่สุด คริสเตียโน โรนัลโด้ ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่แสดงความคิดเห็นออกมาว่าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก กับ นโยบายซื้อขายนักเตะของทีม และหากฤดูกาลนี้พวกเขาจะนึกเสียดายบรรดานักเตะที่ถูกปล่อยตัวออกไป ก็คงจะโทษใครไม่ได้เลย นอกจากนโยบายของสโมสรที่เน้นการตลาดในยามซื้อขายมากไปกว่าความสำคัญในสนาม นั่นเอง