ช็อกทั้งวงการเสียคนฝีมือดีอีกคน

      
         ทันทีที่ข่าวอุบัติเหตุสยองครั้งนี้แพร่ออกไปได้เกิดความเคลื่อนไหวในวงการ มอเตอร์สปอร์ตโดยเฉพาะฝั่งแรลลี่ อย่างกว้างขวาง เนื่องจาก "ป๋าวอ" วรพจน์ บุญช่วยเหลือ นับเป็นนักกีฬาที่อยู่ในระดับเกจิของเมืองไทยมีลูกศิษย์จำนวนมาก กอปรกับนิสัยส่วนตัวที่เป็นมิตร รักเพื่อนพ้องจึงมีแต่คนรักทั้งวงการ เมื่อเกิดเหตุการณ์สลดครั้งนี้จึงทำให้ทุกคนต้องเศร้า สลดไปตามๆ กัน สำหรับศพของวรพจน์จะทำการรดน้ำศพในเวลา 16.00 น. ณ ที่วัดเขากะโดน อ.แกลง จ.ระยอง ก่อนที่ครอบครัวจะหารือเรื่องกำหนดงานสวดพระอภิธรรม และฌาปนกิจต่อไป

         
เหลือเชื่อบินกลับไทยแค่วันเดียว

       
         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเสียชีวิตครั้งนี้นับเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเนื่องจากก่อน หน้านี้เพียง 1 คืน ป๋าวอ เพิ่งบินกลับจากออสเตรเลียหลังไปร่วมแข่งขันรายการ ออสเตรเลีย ซาฟารี กรังด์ปรีซ์ ด้วยกันป้องกันแชมป์ในรุ่นได้เป็นปีที่ 3 โดยมี ชูพงษ์ ไชยวรรณ เป็นเนวิเกเตอร์ และเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ บรรดาเพื่อนร่วมวงการและคนที่รู้จักป๋าวอต่างไม่ปักใจเชื่อ รวมถึงเสียดายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่น่าเกิด เนื่องจากปกติป๋าวอจะใช้รถกระบะที่คันใหญ่ ทั้งโตโยต้าและอีซูซูเป็นพาหนะประจำ ส่วนรถ ซูซูกิ แคริเบียนเป็นรถที่ซื้อให้ภรรยาใช้ เมื่อเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ จึงพาภรรยาและลูกทานข้าวนอกบ้านจึงใช้รถของภรรยา อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นเหตุให้เกิดความเสียดายมากที่สุดคือ จากจุดเกิดเหตุดังกล่าวนั้น ห่างจากพี่พักของป๋าวอไม่ถึง 500 เมตร โดยผู้สื่อข่าวได้รับการเผยจากเพื่อนนักแข่งรายหนึ่งว่า ตำแหน่งของด่านตรวจนั้นอยู่ใกล้กับคอนโดมิเนียมที่ป๋าวอพักอาศัยมาก เมื่อพ้นด่านไปก็จะเจอจุดกลับรถ จากนั้นก็จะเข้าสู่ที่พักแล้ว ระยะทางไม่เกิน 500 เมตรก็จะถึงที่พัก แต่ก็ต้องมาเกิดเหตุเสียก่อน

          
วงการประณามเมาแล้วขับเชื่อเสียตั้งแต่โดนชน

 
         หลังเกิดเหตุสลด เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปทำให้แวดวงแรลลี่เกิดความเสียใจอย่างมาก เฟซบุ๊กของชมรมนักแข่งรถยนต์แรลลี่ ได้เปลี่ยนรูปหน้าเฟซบุ๊กเป็นรูปของป๋าวอพร้อมขึ้นข้อความว่า "ขอประณามการขับรถด้วยความประมาท ไม่เคารพเกรงกลัวกฎหมายทำให้คุณวรพจน์ บุญช่วยเหลือ และภรรยากับบุตรชายเสียชีวิตอย่างทรมานจากการกระทำของพวกดื่มสุราแล้วขับรถ พร้อมทั้งโพสต์ภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุคู่กับภาพสุดท้ายของ วรพจน์ บุญช่วยเหลือ ที่ไปแข่งขันในประเทศออสเตรเลีย ที่นั่งอยู่ในรถแรลลี่พร้อมชุดนักแข่งในอิริยาบถเตรียมพร้อมสำหรับแข่งขัน"

     
มานะเผยรับไม่ได้โดนชนแล้วขับ

 
         ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเพื่อนในวงการถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนแสดงความเสียใจและประณามการเมาแล้วขับ โดยเฉพาะ หนึ่งมานะ พรศิริเชิด นักแข่งแรลลี่ชื่อดังของไทยจากรายการ ปาริส-ดาการ์ ซึ่งปัจจุบันยังคงทำหน้าที่นักแข่งอาชีพ และทำหน้าที่หน่วยกู้ชีพ โปร เรสต์คิ้ว และใช้เวลาช่วงทำหน้าที่กู้ภัยมูลธินิ คอยช่วยเหลือผู้คนที่ประสบอุบัติเหตุบนถนนกล่าวว่า ทันทีที่ทราบข่าว รู้สึกตกใจมาก เพราะตนกับป๋าวอนั้นค่อนข้างคุ้นเคย เนื่องจากป๋าวอเป็นเพื่อนของคุณพ่อ มักจะไปมาหาสู่กันประจำรวมถึงเป็นนักแข่งระดับอาจารย์

 
         ซึ่งตนเองก็ได้วิชาความรู้จากอาจารย์มาด้วย จึงรู้สึกเสียใจมาก ไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดอุบัติเหตุกับป๋าวอได้ เพราะปกติจะเป็นคนที่ขับรถใจเย็น ขับรถตามกฎจราจรทุกอย่าง ที่สำคัญคือ ถ้าดื่มจะไม่ขับเด็ดขาด เมื่อตนได้ทราบว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากคนอื่นเมาแล้วขับมาชน ยิ่งรู้สึกเสียใจและรับไม่ได้กับเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่คนดีๆ และครอบครัวไม่ควรจะเสียชีวิตจากการกระทำที่ประมาทของคนอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องเมาแล้วขับ นับเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างมาก

          
เพื่อนเชื่อเสียชีวิตก่อนไฟคลอก

 
         ทางด้าน วิสุทธิ์ สุโกสิ หรือ "ซาซ่า" นักแข่งแรลลี่ ทีมีความสนิทกับวรพจน์อีกหนึ่งคน เนื่องจากปัจจุบันทำหน้าที่เป็นโปรโมเตอร์ผู้จัดแรลลี่ ป๋าวอส่งลูกทีมมาแข่งขันเสมอ รวมถึงความผูกพันที่มีต่อกัน วิสุทธิ์เองก็จะนั่งเป็นเนวิเกเตอร์นำทางให้แก่ลูกศิษย์ของวรพจน์ด้วยนั้น เผยกับสยามกีฬาว่า ตนทราบข่าวตอนเกือบเช้า มีเพื่อนโทร.มาบอกรู้สึกช็อกมาก เพราะรู้ว่าวรพจน์เพิ่งกลับจากไปป้องกันแชมป์ที่ออสเตรเลียเมื่อคืนวัน พฤหัสบดีที่ผ่านมา พอคืนวันศุกร์ก็เสียชีวิต ตนยังไม่ได้คุยกับเพื่อนเลยหลังจากแข่งเสร็จกลับมา

 
         นอกจากนี้ยังเชื่อว่า จากความแรงของอุบัติเหตุดังกล่าว ป๋าวอและภรรยารวมถึงลูกอาจเสียชีวิตตั้งแต่โดนรถกระบะวีโก้พุ่งชนแล้ว เนื่องจากเห็นสภาพรถ บุบเข้าไปเกิดซุ้มล้อหลัง แสดงว่าต้องแรงมาก อาจจะคอหักตั้งแต่ไฟยังไม่ลุกท่วมรถ อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตครั้งนี้นับเป็นความสูญเสียอย่างมากของวงการแข่งรถเมืองไทย