กระหึ่ม ! สื่อดังระดับโลก "อีเอสพีเอ็น" ประโคมข่าวอย่างเป็นทางการผ่านเว็ปไซต์ ชี้ผู้เล่นคนที่ 12 กองเชียร์ของไทย จะเป็นคีย์แมนสำคัญพาทัพช้างศึกผงาดคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 ตีแผ่ทั่วโลกพร้อมบทสัมภาษณ์แข้งไทย มั่นใจสิ้นสุดการรอคอย 12 ปี "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย รับปลื้มถูกยกเป็นเต็งแชมป์ แต่ยันไม่ประมาทเพราะแข้งเสือเหลืองมีลูกเก๋า เน้นรัดกุมหวังชนะก่อนออกไปเยือน ขณะที่ "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธุ์ รับสุดทึ่ง! กระแสแฟนบอลแห่จองตั๋วเกลี้ยง หวังตอบแทนศรัทธาด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ให้ได้ ส่วน"บังดุล"อดุลย์ หละโสะ ลั่นต้องชนะไว้ก่อนให้ได้ ชี้ไปเยือนบูกิตจาริลงานหิน

 
        ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ที่เตรียมลุยศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 รอบชิงชนะเลิศกับทีมชาติมาเลเซีย โดยนัดแรกแข่งขันวันพุธที่ 17 ธ.ค นี้ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.00 น. ส่วนนัดที่สองจะแข่งขันวันที่ 20 ธ.ค ที่สนามบูกิตจาริล ประเทศมาเลเซีย

        ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ธ.ค ที่ผ่านมา "ซิโก้"เกียรติศักดื์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย นำทีมลงซ้อมสองมื้อทั้งเช้าและเย็น โดยช่วงเช้าได้ทำการฝึกซ้อมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม.จึงเสร็จสิ้น ซึ่งเฮดโค้ชทีมชาติไทยได้กล่าวถึงความพร้อมว่า

        "ตอนนี้เรามีนัก้ตะได้รับบาดเจ็บ 2 รายก็คือกีรติ เขียวสมบัติ และอดิศร พรหมรักษ์ ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะหายทันนัดที่จะพบกับมาเลเซียในวันที่ 17 ธ.ค นี้อย่างแน่นอน ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆก็มีความพร้อมทั้งหมด ซึ่งก็ได้มีการซักซ้อมแท็คติคต่างๆที่เตรียมจะพบกับมาเลเซีย โดยทุกคนมีความพร้อมแล้วที่จะเอาชนะให้ได้ก่อนในนัดแรกเพื่อหวังชิงความได้ เปรียบก่อนออกไปเยือน"        

        กระหึ่ม ! อีเอสพีเอ็นยกไทยแชมป์เพราะแฟน

        ความฟีเวอร์ของแข้งไทยกระหึ่มดังไปทั่วโลก โดยล่าสุดสื่อกีฬาดังระดับโลกอย่าง อีเอสพีเอ็น เอฟซี (ESPN FC) เอาผลงานของทีมชาติไทยพร้อมบทสัมภาษณ์นักเตะไปตีข่าวลงในเว็บไซต์อย่างเป็น ทางการ ว่าทีมชาติไทยจะคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกคัพ 2014เพราะกองเชียร์ชาวไทย ภายใต้บทความที่ชื่อว่า "12 ปีที่รอคอยจะสิ้นสุดลงแล้ว" โดยมีข้อความดังนี้

        ผู้เล่นคนที่ 12 ของไทยที่จะพบกับมาเลเซียในนัดชิงชนะเลิศ เสียงเชียร์ของชาวไทยจะทำให้สิ้นสุด 12 ปีแห่งการรอคอย แชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014

        แฟนบอลเจ้าบ้านที่คอยให้การสนับสนุนกว่า 5 หมื่นคน ทีมช้างศึกเปิดบ้านสามารถเอาชนะทีมชาติฟิลิปปินส์ไปด้วย 3-0 ในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศในนัดที่ 2 เมื่อวันพุธที่ผ่านมาที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ทำให้ลูกทีมของโค้ช ซิโก้ เกียติศักดิ์ เสนาเมือง ต้องโคจรไปพบกับทีมชาติมาเลเซีย ซึ่งสามารถเอาชนะเวียดนามในรอบรองชนะเลิศมาได้ โดยนัดชิงชนะเลิศจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ณ สนามรัชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งจะถูกใช้เป็นสังเวียนแข้ง แข่งขันนัดแรกในรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ และนัดที่สองจะกลับไปเตะที่มาเลเซียในวันที่ 20 ธันวาคม

        "ใครจะเป็นแชมป์ฟุตบอลรายการ"เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 ?

        ประวัติการพบกันของทีมชาติไทยพวกเขาค่อนข้างทำได้ดีกว่าลูกทีม ของ "ดอลลาห์ ซาเล่ห์" ด้วยการเอาชนะ 3-2 ที่สิงคโปร์ในการแข่งขันรอบแรกเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ยังรวมไปถึงรอบรองชนะเลิศในปี 2012 ด้วย หากมองย้อนกลับไปในอดีต ทีมช้างศึก เปิดบ้านสามารถเอาชนะไปด้วย 1-0 ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่พวกเขาจะเป็นแชมป์ในปี 2000  ทีมชาติไทยมีนักเตะสายเลือดใหม่ เป็นทีมทีแข็งแกร่งโดยพวกเขาสามารถเอาชนะในเกมส์สำคัญได้ พวกเขาห่างเหินการเป็นแชมป์มานาน เคยคว้าแชมป์มา 3 ครั้ง และมาเลเซียเคยได้แชมป์มา 1 ครั้ง

        เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ผู้ซึ่งกำลังมองหาความท้าทายและความสำเร็จในฐานะการเป็นโค้ชและแชมป์ในอา เซียน ซึ่งสมัยเป็นนักเตะเขาเคยคว้าแชมป์มาแล้ว 3 ครั้งด้วยกัน เขามีความมั่นใจในนักเตะหนุ่มของเขาและเขาก็ต้องปรับปรุงแก้ไขจุดบกพร่องของ ทีม เพื่อทำผลงานให้ดียิ่งขึ้นในฟุตบอลรายการนี้ "สิ้นสุด 12 ปีที่รอคอยเราจะเป็นผู้ชนะ" พวกเรามีสองเกมส์เท่านั้นที่จะตัดสินแชมป์ พวกเรามีการเตรียมทีมแก้ไขปรับปรุงจุดบกพร่องของทีมตั้งแต่รอบแรกเรื่อยมา เราต้องเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุดก่อนที่จะถึงในนัดชิงชนะเลิศนี้

        มิดฟิล์ตัวรุกอย่าง ชนาธิป สงกระสินธิ์ เขาได้แสดงให้เห็นต่อหน้าแฟนบอลชาวไทยแล้วว่า เขาเป็นนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างดีในนัดเจอกับทีมฟิลปินส์ เมสซี่เจ ชื่อเล่นของเขาที่แฟนบอลชาวไทยให้ขนานนาม เขาเป็นตัวความหวังของทีมชาติไทยในการพบกับทีมชาติมาเลเซีย "มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากสำหรับผมที่ได้ลงเล่นในรอบรองชนะเลิศต่อหน้าแฟนบอล กว่า 5 หมื่นคน "มิดฟิลด์จากบีอีซี เทโรศาสน กล่าว ในนัดที่ผ่านมาแฟนบอลของเราเข้ามาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก ผมและพวกเราหวังว่าจะได้เห็นแฟนบอลเข้ามาให้กำลังใจพวกเราเต็มสนามอีกนะ

        สองประตูที่ทำได้ของ เกริกกฤธิ์ ทวีกาญจ์ เขาคือฮีโร่ของแฟนบอลชาวไทยที่ช่วยให้ทีมชาติไทยสามารถเอาชนะฟิลิปปินส์ใน การแข่งขันรอบรองชนะเลิศในนัดที่สองได้ “มันทำให้ผมขนลุกรู้สึกตื้นตันมากที่เห็นแฟนบอลเข้ามาเต็มสนาม  และผมก็หวังว่าจะได้เห็นแฟนบอลเข้ามาในนัดชิงชนะเลิศอีก พวกเรามั่นใจว่าสุดท้ายเราจะสามารถคว้าแชมป์ได้แต่เราก็ไม่ได้ประมาท ปีกจากชลบุรี กล่าว

        เป็นที่น่าสนใจว่า โค้ช ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เขาจะจัดตัวอย่างไรในการแข่งขันในนัดชิงชนะเลิศในนัดแรก อดิศักดิ์ ไกรษร คนทำประตู้ให้ทีมชาติไทยเอาชนะมาเลเซียในรอบแรกกลุ่มบี เขาจะเป็นตัวเลือกที่พร้อมจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง อดิศักดิ์ ไกรษร ไม่ได้ลงสนามในนัดสองรอบรองชนะเลิศ เนื่องจากติดโทษแบนในนัดแรกที่กรุงมะนิลา แต่หลังจากที่ทีมสามารถสร้างผลงานได้อย่างดีเยี่ยมในนัดกลางสัปห์ดาห์ใน กรุงเทพที่ผ่านมา  เขาจะเสี่ยงใช้แผนไหนในการจัดตัวหละทีนี้

        นอกจากนี้ อดิศักดิ์ ไกรษร ซึ่งปัจจุบันได้ย้ายมาค้าแข้งให้กับทีมบีอีซี เทโรศาสน ซึ่งเขาย้ายมาจาก บุรีรัมย์ ยูในเต็ด “ผมเองรู้สึกขอบคุณและดีใจมากที่จะได้มีโอกาสลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลจำนวนมาก ที่คอยสนับสนุนพวกเราที่จะพบกับมาเลเซียนัดแรกรอบชิงชนะเลิศนี้

        คงอีกไม่นานเกินรอ เสียงเชียร์ในสนามราชมังคลากีฬาสถานจะดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง แล้วนักเตะของโค้ช ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จะกุมความได้เปรียบในการเจอกันในนัดแรกได้หรือเปล่า และจะต้องออกไปเยือนมาเลเซียในนัดที่สองรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 20 ธันวาคมที่จะถึงนี้

        ที่มาข่าว  http://www.espnfc.us/blog/football-asia/153/post/2194814/home-crowd-thailands-12th-man-in-suzuki-cup-final-against-malaysia

        ซิโก้"ปลื้มเต็งแชมป์แต่ยันไม่ประมาท

        หลังจากที่ทราบว่าสื่อเจ้าดังยกให้เป็นเต็งแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ผมต้องขอขอบคุณที่สื่อดังระดับโลกเชื่อมั่นว่าไทยจะเป็นแชมป์ แต่ยืนยันว่าเราจะไหลงระเริงกับคำชมอย่งแน่นอน เพราะมาเลเซียเองก็มีศักยภาพที่ดีเช่นกัน ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่สามารถคัมแบ็กกลับมาเข้าชิงชนะเลิศได้แน่ ดังนั้นเราจะเล่นกับพวกเขาด้วยความรัดกุมและไม่ประมาทเด็ดขาด โดยมาเลเซียมีผู้เล่นที่มีประสบการณ์ ความเก๋า รอบที่ผ่านมาพวกเขาเป็นรองเวียดนาม แต่กลับพลิกชนะได้มาแล้ว ดังนั้นเราจะต้องวางแผนอย่างละเอียดว่าจะเล่นกับพวกเขาอย่างไร"