ศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ เกมลูกหนังแห่งศักดิ์ศรีของชาวอาเซียน เป็นทัวร์นาเมนต์สำคัญที่ทุกชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องการอย่างมาก ที่จะก้าวไปคว้าแชมป์ฟุตบอลซูซูกิ คัพ โทรฟี่อันยิ่งใหญ่ของชาวอาเซียน

ทัพ ''ช้างศึก'' ทีมชาติไทย ถือเป็นชาติมหาอำนาจลูกหนังในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทุกสมาชิกชาติยกให้ทีมชาติไทยเป็นทีมเต็งไม่ว่ารายการใดที่ลงทำการแข่งขันในอาเซียน กลายเป็นชาติที่ทุกประเทศเพื่อนบ้านต่างต้องการเอาชนะทีมชาติไทย และในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ทุกทีมต่างต้องการความเป็นหนึ่งและทีมชาติไทยก็เช่นกัน

การเดินทางของทัวร์นาเมนต์ลูกหนังเบอร์หนึ่งของชาวอาเซียน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ เดินทางเข้ามาถึงนัดชิงชนะเลิศแล้ว เป็นทีม ''ช้างศึก'' ชาติไทย ที่ฝ่าฟันอุปสรรคจากรอบแบ่งกลุ่มจากการคว้าชัยสามนัดติด และเข้ารอบรองชนะเลิศสามารถล้มฟิลิปปินส์อย่างราบคาบด้วยสกอร์รวม 3-0 มาจนถึงนัดชิงชนะเลิศ ที่ได้เข้าไปชนกับทัพ ''เสือเหลือง'' มาเลเซีย 

ทีมชาติไทยห่างหายจากการเป็นแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ มากว่า 10 ปีเต็ม นับจากการทำศึกครั้งแรกในปี 1996 สามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ จากนั้นมาคว้าแชมป์สองสมัยติดต่อกันในปี 2000 และ 2002 จนปัจจุบัน ยังไร้ถ้วยแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ในแดนสยาม

มาถึงปีที่ใกล้เคียงที่สุดแล้วที่ทีมช้างศึกทีมชาติไทยจะลบอาถรรพ์ศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ลงเสียที หลังจากรอมาถึงปีที่ 12  ได้สร้างผลงานเข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยการเปิดหน้าแลกกับทีม ''เสือเหลือง'' มาเลเซีย ชาติคู่แข่งอีกประเทศหนึ่งของเมืองไทย การชิงกับทีมชาติมาเลเซียมองว่าทีมชาติไทยมีโอกาสสูงที่จะล้มทัพเสือเหลืองเพื่อไปหยิบโทรฟี่แชมป์อาเซียน คัพ

ปัจจัยสำคัญของทีม ''ช้างศึก'' ทีมชาติไทย ที่จะครองแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ในปี 2014

        1.จากการพัฒนาของวงการฟุตบอลเมืองไทยและนักเตะไทย ที่มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องหลังจากลีกแดนสยามกลับมาบูมอย่างเร่าร้อน นักเตะดาวดังถือกำเนิดขึ้นมาหลายต่อหลายราย และต่างชาติยังมองมายังลีกเมืองไทยที่มีสโมสรชั้นนำอย่างเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี, บีอีซี เทโรศาสน และบางกอกกล๊าส เอฟซี สโมสรเหล่านี้ถือเป็นทีมระดับท็อปของเมืองไทย และนักเตะทีมชาติมาจากสโมสรชั้นนำของบ้านเรา หากเทียบกับเอ็มลีกของประเทศมาเลเซียแล้วการพัฒนาของวงการลูกหนังไทยดีกว่าหลายช่วงตัว และนักเตะของเมืองไทยมีความสามารถเป็นที่ยอมรับของอาเซียนและเอเชียไปแล้ว

        2.อีกเหตุผลหนึ่งที่ทีมชาติไทยจะครองเจ้าลูกหนังอาเซียน คือเกียรติประวัติฟุตบอลไทยเหนือกว่ามาเลเซีย จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามาเลเซียเป็นรองไทยทุกรายการแข่งขันในระดับภูมิภาคอาเซียนหรือเอเชีย จากผลงานในศึกซีเกมส์ไทยสามารถครองแชมป์ได้ถึง 14 สมัย ส่วนมาเลเซียได้เพียง 5 ครั้ง และในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ไทยได้แชมป์ 3 สมัย เป็นรองสิงคโปร์เพียงสมัยเดียว เคยคว้าครั้งเดียวในปี 2010 ส่วนในเอเชียไทยเคยผ่านการเข้ารอบ 4 สุดท้ายในศึกเอเชียนเกมส์มาแล้ว แต่ทัพ ''เสือเหลือง'' มาเลเซีย ยังไม่เคย ผลงานคือเหตุหนึ่งที่ไทยสามารถข่มขวัญมาเลเซียได้ ทำให้คู่แข่งเกรงกลัวยามลงสนาม

        3.''ไทยต้องการเป็นเบอร์หนึ่งในอาเชียน'' เป็นอีกผลหนึ่งของทีมชาติไทย หลังจากทัพช้างศึกผลงานซบเซามาพักใหญ่ ก่อนที่จะเดินหน้าสร้างความสำเร็จได้ครองเหรียญทองซีเกมส์อีกครั้งจากที่ผ่านมาเป็น 14 สมัย และรวมถึงผลงานของทีมชาติไทยเข้าไปถึงรอบตัดเชือกในศึกเอเชียนเกมส์ เป็นผลงานที่ทีมชาติไทยกำลังกลับมา  และมาปีนี้ได้เข้าชิงชนะเลิศในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ เป็นการทำให้ งการฟุตบอลไทยตื่นตัวอีกครั้ง และทัพ ''ช้างศึก'' ทีมชาติไทย ต้องการยึดเบอร์หนึ่งเจ้าลูกหนังในภูมิภาคอาเซียนอย่างเบร็ดเสร็จ จึงต้องครองแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ในครั้งนี้มาครองให้ได้

        4.สิ่งสุดท้ายที่เป็นปัจจัยทำให้ทีมชาติไทยครองเจ้าลูกหนังอาเซียน คือแฟนบอลชาวไทยที่จะช่วยปลุกขวัญกำลังใจให้กับนักเตะทัพช้างศึกให้วิ่งสู้ฟัดตลอดเกม จากเเรงศรัทธาของเเฟนบอลชาวไทย ส่งผลให้บัตรศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ นัดแรกที่ทีมชาติไทยจะเล่นในบ้านพบทีมชาติมาเลเซีย ในวันที่ 17 ธ.ค. นี้ หายากกว่าทอง แฟนบอลชาวไทยได้แห่ไปจับจองเป็นเจ้าของบัตรเข้าชมแบบล้นหลามภายในพริบตาบัตรขายหมดเกลี้ยง และในนัดชิงที่เมืองไทยแฟนบอลจะต้องเต็มสนามราชมังคลากีฬาสถานอีกครั้ง ด้วยความจุกว่า 50,000 จะเฮโลเข้าสนาม และจะช่วยกันส่งทีมชาติไทยให้ก้าวไปสู่แชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ในปี 2014

โอกาสของทัพ ''ช้างศึก'' ทีมชาติไทย ที่จะครองแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ครั้งนี้สูงมาก จากปัจจัยที่กล่าวไว้เป็นโมเมนตัมของการเป็นแชมป์ทีมชาติไทยเหนือกว่ามาเลเซีย และเซียนลูกหนังทั้งหลายต่างยกให้ทีมชาติไทยเป็นทีมเต็งที่จะครองแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ หนนี้ โอกาสมาถึงแล้ว ไม่ได้แชมป์ปีนี้ก็ไม่รู้จะครองแชมป์ปีไหนแล้ว ''ไทยแลนด์''...