"ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แม่ทัพ "ช้างศึก" ยักไหล่ลูกทีมไม่มีความกดดันให้เห็น แม้ว่าหลายคนจะเป็นดาวรุ่งก็ตาม และจะสู้ด้วยแรงที่ไม่มีหมดใน 90 นาที แย้มอาจส่ง อดิศักดิ์ ไกรษร สตาร์ทเป็นตัวจริง หลังพ้นโทษแบนกลับมา พร้อมแสดงอาการเฉยๆที่มีสเก้าท์ของทีมมาเลเซีย โผล่มาดูการซ้อมมื้อสุดท้าย

        ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ชุดสู้ศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 โดยที่ทัพ "ช้างศึก" จะลงเล่นในรองชิงชนะเลิศ นัดแรก ด้วยการเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน พบกับ "เสือเหลือง" มาเลเซีย คู่ปรับตลอดกาลในวันทื่ 17 ธ.ค.นี้ ซึ่งขุนพลจากลุ่มน้ำเจ้าพระยาเอาชนะมาได้ในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี 3-2

        ล่าสุดเมื่อเวลา 9.00 น. ของวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา "บิ๊กเษม" เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผจก.ทีม พร้อมด้วย "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ ได้พานักเตะทั้งหมดไปทำการฝึกซ้อมที่สนาม กกท.1 โดยมีการสลับมาใช้สนามดังกล่าว แทนที่ของสนามราชมังคลากีฬาสถาน เนื่องจากฝ่ายจัดการแข่งขันอย่าง เอเอฟเอฟ ต้องการให้สภาพสนามสมบูรณ์ที่สุดในเกมชิงชนะเลิศ นัดแรก

        โดยการซ้อมครั้งนี้ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้ให้นักเตะซ้อมแบบผ่อนคลายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของผู้เล่นในทีม ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการเล่นลิงชิงบอลอีก 30 นาที ซึ่งใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่ช่วงเย็นจะไม่มีการซ้อม เนื่องจากต้องการปล่อยให้ผู้เล่นได้พักผ่อนฟื้นฟูสภาพร่างกายอย่างเต็มที่

        "ซิโก้"เผยลูกทีมไร้ซึ่งความกดดัน

        หลังเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แม่ทัพของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นที่ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า นักเตะในทีมที่ถือว่าเป็นสายเลือดใหม่หลายคน กำลังจะได้รับโอกาสในเกมชิงชนะเลิศ จะทำให้สร้างความกดดันให้กับผู้เล่นเหล่านั้นหรือไม่

        กุนซือ "ช้างศึก" บอกว่า "ผมค่อนข้างมีความมั่นใจว่า นักเตะของทีมชาติไทยทุกคน ไม่มีความกดดันแม้แต่น้อย เพราะผู้เล่นต้องการจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ออกมาให้ดีที่สุด ที่สำคัญพวกเขาไม่ได้ลงเล่นในเมืองไทยมา 2 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ซีเกมส์มาจนถึง เอเชียน เกมส์"

        "และจากเกมที่เอาชนะ ฟิลิปปินส์ ในรอบรองชนะเลิศ นัดสอง พวกเขาได้เห็นแฟนบอลชาวไทยทุกคน ที่เข้ามาในสนามแบบล้นหลาม ทำให้นักเตะมีความต้องการที่อยากจะลงไปในสนาม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทุกคนมีความกระหายอยากจะสร้างผลงานในนัดชิงชนะ เลิศ"

        มั่นใจแรงไม่หมด, แย้ม "อดิศักดิ์" อาจลง

        นอกจากนี้อดีตหัวหอกจอมตีลังกาทีมชาติไทย ยังออกมาแสดงความมั่นใจก่อนพบกับ มาเลเซีย ว่า ลูกทีมของเขาจะไม่มีทางหมดแรงก่อนจบเกมอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบรองชนะเลิศทั้ง 2 เกม ได้พิสูจน์ให้เห็นเรื่องของความฟิตแล้ว

        "ผมเชื่อมั่นในตัวลูกทีมของผมว่าพวกเขาจะไม่มีทางหมดแรงใน 90 นาที เกมที่จะพบกับ มาเลเซีย อย่างแน่นอน เพราะนักเตะชุดนี้มีความฟิตที่ดีมาจากต้นสังกัดอยู่แล้ว อีกทั้งในเกมตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม จนถึงนัดที่เราเอาชนะ ฟิลิปปินส์ ได้ 3-0 ผู้เล่นของทีมชาติไทยได้พิสูจน์ให้เห็นในเรื่องของพละกำลัง ที่จะสามารถต่อกรกับคู่ต่อสู้ได้ตลอดทั้งเกม"

        "รวมทั้งเรากำลังเช็กอยู่ว่าอาจจะมีการส่ง อดิศักดิ์ ไกรษร ลงเล่นตั้งแต่ต้นเกมเลยหรือไม่ หลังจากที่เขาพ้นโทษแบนกลับมาเล่นได้อีกครั้ง แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับแท็คติคของทีม ว่าจะใช้อย่างไรในการพบกับ มาเลเซีย"

        ไม่กดดันเรื่องยิงประตูแต่ห้ามโนสกอร์

        ผู้สื่อข่าวสอบถาม "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ของทีมชาติไทย ว่า มีความกดดันหรือไม่ที่จำเป็นต้องกำชับลูกทีมให้ยิงประตูเอาชนะให้ได้ก่อนใน เกมแรก เพื่อที่จะสร้างประโยชน์ให้กับยอดทีมจากฝั่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยเจ้าตัวได้เปิดใจว่า

        "เราคงจะไม่ได้กดดันในเรื่องการยิงประตูมากนัก เพราะเราคิดว่าเกมชิงชนะเลิศเป็นนัดที่ทุกคนมีความเครียดอยู่แล้ว แต่ท่านมาเราได้เน้นในเรื่องของการเข้าทำสกอร์เป็นหลัก และด้วยรูปแบบที่เรามีหลากหลาย ทำให้มั่นใจว่าเราคงจะสร้างโอกาสและจังหวะได้แน่"

        "อย่างไรก็ตามเราคงกังวลไม่น้อย หากว่าเกมแรกจบด้วยการไม่มีสกอร์ของทีม เพราะถ้าเราสามารถทำประตูได้ก่อนในเกมแรก ความกดดันทั้งหมดจะต้องตกไปที่ มาเลเซีย เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องเดินหน้าเปิดฉากลุยแบบวิธีการตามแบบฉบับของเราเช่น กัน"

        ยักไหล่มีสเก้าท์โผล่ถึงสนามอีกครั้ง

        ขณะเดียวกันการซ้อมในช่วงเช้าของวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทีมชาติไทย ยังคงถูกจับตามองด้วยทีมงานสเก้าท์ของ มาเลเซีย ที่ส่งคนเข้ามาซุ่มดูฟอร์มของนักเตะทัพ "ช้างศึก" อีกครั้ง ทำให้ผู้สื่อข่าวสอบถาม "ซิโก้" ว่ากังวลในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากเป็นอีกครั้งที่โดนตามติดกับแท็คติคของทีมที่จะใช้ในเกมชิงชนะเลิศ นัดแรก

        "ซิโก้" บอกว่า "อย่างที่เคยบอกไปว่าเราไม่ได้กังวลมากมายนัก เพราะเราคิดว่าทีมงานของ มาเลเซีย คงจะไม่ได้ข้อมูลในเชิงลึกจากทีมเรามากนัก รวมทั้งเรายังมีระบบการเล่นมากมาย ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามแท็คติคของคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็น 4-2-3-1 หรือ 4-3-3"