แม้จะเป็นผลงานชิ้นแรกในชีวิตแต่ได้ฟีดแบ็กจากผู้ชมเป็นอย่างดีสำหรับภาพยนตร์เรื่อง ''รักหมดแก้ว'' ของค่าย M39 งานนี้นอกจากผู้ผลิตจะยิ้มออกกันถ้วนหน้าแล้วนางเอกใหม่แกะกล่อง ''น้ำหวาน'' พิไลพร สุปินชมภู ก็ปลื้มกับกระแสตอบรับสุดๆ แถมยังถูกจับตามองว่าอาจจะเป็นนางเอกดาวรุ่งที่กำลังมาแรงอีกด้วย

ล่าสุด ''สยามดารา'' มีโอกาสได้เจอกับเธอ จึงไม่พลาดที่จะจับตัวมาคุยเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตต่างๆ ที่หลายคนอยากรู้...สาวคนนี้จะน่าค้นหาขนาดไหน? ก็คงต้องลองสัมผัสในตัวของเธอจากบทสัมภาษณ์นี้กันเลย

 
เป็นนักแสดงหน้าใหม่เข้ามาในวงการได้ยังไงก่อนหน้านี้ทำอะไรมาบ้าง
น้ำหวาน : ก็คือมีโฆษณาค่ะ จะเป็นพวกโฆษณาแชมพูสระผมยี่ห้อโดฟ แล้วก็มีโฆษณาครีมออเรนทอลพริ้นเซ็ต จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ตอนแรกมีโมเดลลิ้งหาให้เขา ส่งบทมาให้ก่อนว่ามีหนังเรื่อง love on the Rocks เราก็อ่านแล้วก็คิดว่าน่าสนในดีนะ ในบทดูเป็นผู้หญิงเปรี้ยวๆ ซึ่งต่างจากเราดี เขาก็เลยบอกให้เราลองไปแคสต์ดูไหม อย่างน้อยก็ให้ทางผู้กำกับฯ และทางทีมงานเห็นหน้าเราดูเราก็เลยลองไปดู แล้วเขาก็สนใจถูกใจเรา พี่ยูที่เป็นผู้กำกับฯ เขาก็ชอบด้วยความที่ว่าเราไม่เคยผ่านการแสดงมาก่อน เลยดูมีความสดใหม่แล้วก็มีอินเนอร์เขาก็เลยสนใจค่ะ

ต้องแคสต์แข่งกับคนอื่นคิดไหมว่าเราจะได้
น้ำหวาน : ไม่คิดค่ะ เพราะว่าวันนั้นที่ไปแคสต์ก็เห็นว่ามีคนมาอยู่แค่สองสามคน แต่ละคนที่มาก็บุคลิกเหมือนในบทที่เราอ่านเลย แต่เราค่อนข้างที่จะเรียบร้อยแล้วก็นิ่งกว่านั้นก็เลยคิดว่าเราคงไม่ได้หรอก แล้วอีกอย่างเราก็เป็นมือใหม่ เพิ่งไปตามแคสต์มาบ้างนิดหน่อย แอ็กติ้งก็ไม่เคยเรียนเลย คิดว่าเราจะมาเอาประสบการณ์มากกว่า

วันนั้นแสดงเป็นยังไงบ้าง
น้ำหวาน : วันนั้นมีบทให้อ่านเป็นซีนที่พระเอกกับนางเอกเจอกันครั้งแรก ก็มีจีบกันแล้วก็มีซีนทะเลาะกัน คือเขาอยากรู้ว่าเราจะทำได้ไหม อารมณ์เศร้าเราจะทำได้ไหม

มีโอกาสได้เล่นเรื่องนี้ได้เจอพี่ๆ รุ่นใหญ่ในวงการโดยเฉพาะมาช่า รู้สึกอย่างไรบ้าง
น้ำหวาน : ตอนแรกคือหวานเป็นคนแรกที่ได้เรื่องนี้มาก่อน แล้วก็รอพระเอกพอได้พระเอกปุ๊บก็มารู้รายชื่อเพื่อนพอเห็นแล้วคำแรกที่ขึ้นเลยมาในหัวคือกดดัน และตกใจเพราะว่าเราเป็นเด็กใหม่มากๆ และด้วยความที่ว่าแต่ละคนอย่างพี่ ''อ๊อฟ-ปองศักดิ์'', ''ป๊อบ-ปองกูล'', เอ็ม-บุดดา เบลส และ พี่สงกรานต์ เดอะ วอยซ์ พี่มาช่าก็เครียดนะคะ เพราะเราไม่รู้จักเขามาก่อนแล้วเราก็ไม่รู้พี่เค้าจะเป็นยังไง ไม่รู้ว่าเราจะทำให้งานมันล่าช้าหรือทำให้เขาเสียเวลา ช่วงนั้นเราก็คิดมากอยู่เหมือนกัน แต่พี่สงกรานต์หวานเคยเจอกันมาก่อน เจอตอนที่ไปแคสต์ก็ค่อนข้างที่จะสนิทกันนิดนึง ชิวกว่านิดนึง แล้วก็พี่แอน โพลิติค เป็นรุ่นใกล้ๆ กันก็จะสบายใจอยู่แล้ว ไม่เกร็งเลยค่ะพี่เขาเดินมาแบบทักแบบเฮฮา ชวนเราคุยพี่เขาก็ยิ้มคือทุกคนน่ารักมากค่ะ เราเข้าไปก็สวัสดีพี่ช่า และก็ไปแนะนำตัวพี่เขาก็ถามเราเป็นนางเอกใช่ไหม โดยรวมก็ดีค่ะทุกคนน่ารัก

มีฉากไหนที่รู้สึกว่ายากไหมคะ
น้ำหวาน : ส่วนใหญ่จะเป็นพวกซีนที่ใช้อารณ์เยอะๆ พวกซีนที่ต้องร้องไห้อันนั้นก็ยากเหมือนกัน

เวลาเข้าฉากพี่ๆ นักแสดงให้คำปรึกษาอะไรบ้างไหม
น้ำหวาน : ให้ค่ะบางครั้งจะมีฉากที่ต้องรวมกันแล้วเราก็อ่านบทมาตีความมาอีกแบบนึงพอเราแสดงออกไปการตีความไม่ตรงพี่ผู้กำกับฯ ก็จะมาบอกเราพี่เขาขอเป็นแบบนี้ได้ไหมเราก็นึกไม่ออกว่ามันต้องประมาณไหน แล้วพวกพี่เขาก็เข้ามาบอกเราว่าต้องทำอย่างไร แล้วเราก็เลยทำได้

โดยรวมแล้วพอใจในบทที่ตนได้รับรึเปล่า
น้ำหวาน : รู้สึกพอใจค่ะเพราะว่าหวานเต็มที่กับมันมากๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นมือใหม่บางครั้งการแสดงอาจจะยังไม่ค่อยดีแต่ว่าหวานเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วพวกพี่ๆ เขาก็เต็มที่เหมือนกัน มันเป็นการส่งอารมณ์ให้แก่กัน ทุกคนเต็มที่ก็ถือว่าพอใจมากๆ ค่ะ เพราะอยู่ในกองมันแฮปปี้มากเลยได้มีพวกพี่ๆ แบบนี้ เหมือนกับพาเราไปเที่ยวมากกว่าที่จะไปทำงานแล้วพี่ๆ ทีมงานในกองทุกคนก็น่ารักหมดเลย  ปัญหาในกองแทบจะไม่มีเลย

เป็นนักแสดงหน้าใหม่กลัวบทจะถูกรุ่นพี่กลืนรึเปล่าเพราะว่าแต่ละคนแคแรกเตอร์ที่ชัดเจนกังวลไหม
น้ำหวาน : ไม่กังวลค่ะเพราะแคแรกเตอร์แต่ละคนชัดเจนหวานคิดว่าไม่มีทางกลบกันแน่ๆ มีแต่จะเสริมกันช่วยให้มันกลมกล่อมมากกว่า ที่ให้ทุกคนมีแนวที่ชัดไปเลย

กลัวโดนแอนตี้รึเปล่า
น้ำหวาน : เพราะว่าหนังเรื่องนี้ส่งเสริมให้คนกินเหล้าถ้ามองในแง่นี้มันก็อาจจะมีส่วน แต่เราไม่ได้ส่งเสริมนะคะ เราต้องการให้เปิดมุมมองต่อวงเหล้าว่า ให้เป็นมุมมองใหม่มุมมองหนึ่งที่คนกลุ่มอื่นอาจจะมองไม่เห็นที่เขาไปนั่งปาร์ตี้ที่มีเพื่อนกินเหล้า เราก็จะให้เขาเห็นว่าจริงๆ แล้วคนกลุ่มนี้มันเป็นยังไง ทำไมเขาถึงไปกินเหล้า ทำไมปาร์ตี้เขาถึงสนุกกัน เราแค่ต้องการจะเผยแพร่มุมมองนี้ว่ามันมีคนแบบนี้อยู่บนโลกนี้จริงๆ นะเพราะว่าหนังเรื่องนี้มาจากที่ผู้กำกับฯ ที่เขามีร้านเหล้าเป็นของตัวเองเขาได้เห็นพฤติกรรมหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นความสนุกสนานความอบอุ่น เมามันส์เละเทะ เขาก็เลยอยากทำหนังขึ้นมาเรื่องหนึ่งที่รวบรวมความสนุกของคนในวงเหล้าออกมาให้ผู้คนได้ดูค่ะ

แต่มันก็โดนแอนตี้ว่ามันไม่ชัดเจนในหนังมันมีเรื่องราวการสื่ออารมณ์แบบความรู้สึกแฮปปี้สมหวังไหม
น้ำหวาน : มีค่ะก็มีอย่างที่บอกคือหนังเรื่องนี้ว่ามันจะเป็นเรื่องความรักกับเหล้า มันจะดำเนินด้วยความรัก มีรักเพื่อนแล้วก็มีวงเหล้าแน่นอนว่ามันต้องมีเรื่องรักของแฟนเพราะตัวพระนางเป็นแฟนกันที่อยู่ในแก๊งเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ด้วยเราไม่ได้โยงไปถึงเรื่องเหล้าทั้งหมดแต่เราจะบอกเรื่องความรักด้วยว่าถ้าคุณคิดแบบนี้และทำตัวแบบนี้ในเรื่องของความรักสุดท้ายมันจะลงตัวอย่างไร ถ้าคุณรักเพื่อนแล้วใช้ชีวิตแบบนี้ชีวิตของคุณจะออกมาเป็นแบบไหน ก็มีการสะท้อนข้อคิดแง่คิดให้คุณดูด้วย

ผลงานเพลงเป็นไงบ้าง
น้ำหวาน : ตอนนี้หวานอยู่ทิกเกอร์ ทวินส์ มีซิงเกิลแรกไปแล้วชื่อตัวลอย ไปหาฟังกันได้แล้วนะคะที่ยูทูบ กระแสตอบรับก็ค่อนข้างดีเขาบอกว่าเพลงน่ารักเพลงนี้จะมีเนื้อร้องญี่ปุ่นเข้าไปด้วย

พูดภาษาญี่ปุ่นได้หรอ
น้ำหวาน : ไม่ได้ค่ะแต่ว่าเราก็ฝึกร้องแล้วออกเสียงในเพลงมีเราก็ฝึก

ยากไหมกับการร้องเพลงเริ่มร้องเพลงตั้งแต่เมื่อไหร่
น้ำหวาน : เพิ่งเริ่มเลยค่ะ (หัวเราะ) ใหม่หมดทุกอย่างเพราะร้องเพลงก็ไม่เคยเรียน การแสดงก็ไม่เคยเรียน ทุกอย่างสำหรับหวานคือใหม่หมดเลย

แสดงว่าเขาต้องเห็นอะไรในตัวเรา ทำไมเขาถึงให้มาเล่นหนังร้องเพลงเขาเห็นพรสวรรค์ของเราหรือเปล่าถึงได้ชักชวนมา
น้ำหวาน : หวานคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะว่าตอนที่แคสต์เขาก็ให้ร้องเพลงเหมือนกัน เพราะเขาบอกว่าหนังเรื่องนี้จะมีเกี่ยวกับเพลงด้วยมีเพลงดำเนินเรื่องไปด้วย เขาก็ให้เราร้องเพลงส่งให้เขา เขาก็คิดว่าเราไม่ได้ร้องแย่นะก็พอร้องได้

แล้วก็เลยไปเรียนเพิ่มหรือเปล่า
น้ำหวาน : เข้าไปเรียนก่อนสองอาทิตย์ก่อนอัดเพลงหวานต้องเรียนการออกเสียง

ที่จริงแล้วเราชอบร้องเพลงอยู่แล้วรึเปล่า
น้ำหวาน : จริงๆ ก็ชอบ แต่ถ้าถามว่ารักไหมยังไม่ถึงขนาดนั้นเพราะว่าเราไม่ได้เรียนรู้ในเรื่องของเพลงมาก แต่ก็ชอบร้องเพลงเพราะว่ามันทำให้เราบันเทิงใจมีความสุข เศร้าก็ร้องสุขก็ร้อง

คิดไหมว่าจะได้มาร้องเพลง
น้ำหวาน : ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันค่ะเพราะว่าเราไม่ได้เรียนร้องเพลงมาตั้งแต่ต้น แต่ว่าเราก็ชอบร้องเพลงต่อไปหวานก็ต้องไปเรียนและพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะว่าเรามาทำสิ่งใหม่ๆ พวกนี้เรารู้สึกว่าทุกอย่างที่เราเห็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพลงหรือการแสดงไม่ได้ง่ายเลย ที่คนอื่นเขาบอกว่าเฮ้ยเมื่อย ไปเป็นดาราเป็นนักร้อง ก็แค่ร้องไห้มันไม่ใช่นะ มันเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ต้องใช้อะไรหลายๆ อย่างที่เราต้องใช้ทั้งอารมณ์ไปกับมัน ว่าต้องการสื่ออะไร แล้วก็เรื่องหนังครั้งแรกที่ได้เรียนแอ็กติ้งรู้เลยว่ามันไม่ง่าย วันหนึ่งลงไปนอนกับพื้นเลยเพราะว่ามันเหนื่อยมากมันเป็นคลาสแรก แล้วครูต้องการให้หวานเปิดตัวเอง  ปล่อยทั้งหมดออกมาให้หมดจนเราล้มลงไปเลยครูถึงบอกว่าผ่าน พอได้ยินคำว่าผ่านเราก็ดีใจมาก

ตื่นเต้นไปกับทุกอย่างเลยรึเปล่าตั้งแต่เข้ามา
น้ำหวาน : ตื่นเต้นแล้วก็สนุกไปกับทุกอย่างเลย แล้วคือเราต้องทำหลายอย่างพร้อมกันถือว่ามันเป็นโอกาสที่ดีมากๆ เพราะว่าเราเป็นมือใหม่ น้อยคนที่จะได้ร้องเพลงและก็แสดงหนังด้วย หวานต้องขอบคุณผู้ใหญ่มากๆ ที่ให้โอกาสหวาน

เรียนที่ไหน
น้ำหวาน : เรียน มศว มนุษยศาสตร์ เอกสารสนเทศ 

ชีวิตส่วนตัวเคยประกวดอะไรมาก่อนไหม เคยคิดจะเข้าวงการไหม
น้ำหวาน : ไม่เคยประกวดเลยค่ะ แต่ตอนเด็กๆ เคยเห็นในทีวีแล้วก็อยากเป็นนะแต่พอโตมาก็ไม่ได้อยากจะเป็น แต่ก็เคยมีโมเดลลิ่งมาชวนเหมือนกันแต่ที่บ้านเขาค่อนข้างเป็นห่วงแล้วเราก็ค่อนข้างแคร์ที่บ้านไม่อยากให้เขาเป็นห่วงเลยปัดงานตรงนี้มาตลอดเรื่อยๆ เราก็เป็นลูกสาวคนเดียวด้วย

เรากับโมเดลลิ่งนี้ทำไมครอบครัวถึงให้เราทำงานตรงนี้
น้ำหวาน : คือลูกพี่ลูกน้องเป็นพี่ชายเขาช่วยคุยให้เจอกันที่ มศว เขาเป็นศิษย์เก่าที่ มศว พอเห็นเราเขาก็เลยลองชวนพอดีช่วงนั้นเราว่าง ก็เลยลองดูเพราะมันก็มีหลายครั้งที่มีคนมาชวนเราแต่เราก็ปฏิเสธไป ก็คิดว่าลองทำดูสักครั้งดู  เพราะเราเสียโอกาสทางนี้ไปแล้วในเมื่อเขาก็สนใจเราแล้วเราก็เลยลองทำดู เขาก็จะไปคุยกับคุณแม่แม่ให้แล้วด้วยความที่ว่าเราเข้ามหา''ลัย ต้องไปอยู่หอตั้งแต่ปี 1 ต้องดูแลตัวเองพ่อกับแม่ก็เห็นว่าเราเริ่มดูแลตัวเองได้เขาก็เลยไม่บังคับเรามากเหมือนเมื่อก่อน แต่เวลาทำงานเขาก็ยังห่วงอยู่ ห่วงมากๆ เลย แต่ทุกวันนี้เขาก็ภูมิใจที่เราสามารถดูแลตัวเองได้หาเงินได้ตั้งแต่เรียน

ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
น้ำหวาน : ที่เปลี่ยนไปก็คือประสบการณ์รู้สึกว่ามันมีมากกว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกัน เพราะส่วนใหญ่เขาจะเรียนกัน แต่ว่าหวานเรียนด้วยทำงานด้วย แล้วพอเราเริ่มทำงานเราเริ่มเห็นอะไรหลายอย่างในเรื่องของความรับผิดชอบแล้วก็มองย้อนกลับมามองพ่อกับแม่อยากดูแลเขาบ้างเพราะว่าตอนนี้เราก็สามารถทำได้แล้วในระดับหนึ่งอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระ ความคิดหลายๆ อย่างมันเปลี่ยนไปเหมือนเราโตขึ้นไม่รู้เราคิดไปเองรึเปล่า แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ เขาก็ปล่อยเรามากขึ้นเขาไว้ใจเรา

มีคติประจำตัวอย่างไร
น้ำหวาน : ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามให้คิดซะว่ามันคือวันแรกที่เราทำ เพราะว่าความรู้สึกแรกที่เราทำเราจะตื่นเต้นแล้วจะเต็มที่กับมันเราจะสนุกไปกับมันอยู่แล้วเพราะฉะนั้นการที่เราทำงานให้เหมือนวันแรกที่เราทำมันจะสนุกมากๆ

มีคนทักว่าหน้าตาเหมือน ''มิว-ขนิษฐา''
น้ำหวาน : ค่ะมีคนทักบ่อยอยู่แล้วก็มี ''พี่ออน-ลักขนา'' จะมีบอกว่าเหมือนมาก

พอมีคนทักแล้วมีแอบมาดูรูปเปรียบเทียบไหม
น้ำหวาน : ก็มีค่ะ เราก็คิดเหมือนจริงหรอพี่เขาสวยนะ

สมมติมีช่องทีวีมาติดต่อให้ไปถ่ายละครล่ะ
น้ำหวาน : คือหวานติดสัญญากับค่ายทิกเกอร์ ทวินส์ คงต้องเป็นเรื่องของผู้ใหญ่แล้วก็โอกาสแหละค่ะถ้ามีก็จะรับไว้

มีไอดอลที่ชอบไหม
น้ำหวาน : พี่แอน ทองประสม ชอบมากเพราะว่าที่บ้านเมื่อก่อนชอบดูละคร เมื่อก่อนจะมีเวลากับครอบครัวด้วยกันเยอะและก็จะดูละครด้วยกันเรื่องอุ้มรัก ก็ติดมากแล้วก็เรื่องครูกุ๊ก เราดูการแสดงแล้วเราเชื่อว่าเขาเป็นคนนั้นจริงๆ เขาเป็นตัวละครนั้นเลย

ช่วงที่มีความสุขไฮไลต์ของชีวิต
น้ำหวาน : ช่วงมหา''ลัย ต้องยอมรับว่าเมื่อก่อนที่บ้านห่วงมาก เพราะว่าเขาบอกว่าเราเป็นเด็กหัวอ่อนกลัวโดนหลอกก็จะตามไม่ค่อยให้ไปไหนเท่าไหร่อย่างเวลาเลิกเรียนก็จะถูกกำหนดว่าเลตได้เท่าไหร่ ถ้าไปไหนดึกๆ ต้องขอและบอกไว้ก่อนพอได้อยู่หอเขาก็โทร.มาแต่ไม่ทุกวันที่บ้านจะเป็นพวกรักนะแต่ไม่แสดงออก แต่เรารู้สึกได้ ปี 1 ครั้งแรกที่เราได้อยู่หอเราก็สนุกเราก็คิดถึงบ้านมาก นอนกับเพื่อนร่วมหอกันห้าคนสนุกมาก เพื่อนก็อยู่ต่างคณะกันไปก็จะมีเพื่อนที่หลากหลายมันสนุกมากเพราะได้อยู่กับเพื่อนตลอดเวลาต้องทำกิจกรรมร่วมกันเยอะ แล้วมันมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทั้งหอเป็นรายงานฟีเวอร์ปกติหอปิด 4 ทุ่มเขาก็มีหยวนๆ บางคนที่พกทีวีมาได้เขาก็ให้พกมาแล้วทั้งหอก็จะมาดูรวมกันมันเป็นอะไรที่ตลกมากและสนุก มันทำให้เรารู้สึกคิดถึงบ้านมากขึ้น เลยเข้าใจเลยว่าที่บ้านรู้สึกอย่างไร เพราะขนาดเรายังคิดถึงเขาเลยถึงอยู่ข้างนอกเราจะมีความสุขก็จริงที่ดีที่สุดก็คือบ้านหวานก็กลับไปที่บ้านทุกอาทิตย์เลยค่ะ

มีเพื่อนเยอะแบบนี้มีหนุ่มมาจีบไหม
น้ำหวาน : มีบ้างค่ะ แต่ส่วนมากหวานจะกันให้เพื่อนๆ ไม่ให้ผู้ชายเข้ามาจีบเพราะเพื่อนเราก็น่ารัก เพราะเราจะแบบบอกเพื่อนว่าคนนี้ไม่โอเคนะคนสแกนให้ตลอดทั้งๆ ที่เราก็ไม่รู้ว่าเพื่อนเราชอบเขารึเปล่าแต่เราเป็นห่วงเพื่อนก็เลยจะกันให้เพื่อนมากกว่า

เพื่อนสนิทมีประมาณกี่คน
น้ำหวาน : จะเป็นเพื่อน ม.ปลาย ไม่ได้เป็นแก๊งพอโตขึ้นมาแก๊งจะหายก็จะเหลืออยู่ไม่กี่คนที่เป็นกลุ่มเก่า ถ้าเอาสนิทที่สุดก็มีสามคนเป็นผู้หญิงถ้าเป็นแก๊งก็มี 10 กว่าคนเป็นเพื่อน ม.ต้น พวกนี้ก็คุยกันอยู่ นี่หนังจะเข้าก็นัดกันว่าจะไปดูหนังน้ำหวาน

 
ประวัติ
ชื่อ : ''น้ำหวาน'' พิไลพร สุปินชมภู
เกิดเมื่อ : 25 พฤศจิกายน 2536
ส่วนสูง : 165 ซม.
น้ำหนัก : 48 กก.
สีที่ชอบ : สีโทนเรียบๆ ฟ้า เขียว ชมพู สีอ่อนๆ
งานอดิเรก : ชอบหนังสือนิยายรักโรแมนติก โสภิณ พันนาราย กิจฉัตร ปิยพงศ์ ร่มแก้ว ที่เอามาทำเป็นละคร หนังสือแนวสยองขวัญ ของนักเขียนภัคคินัย หนังสือสอบสวนชินดะอิจิ สารคดีท่องเที่ยวต่างประเทศ
ละครที่ชอบ : ชอบพีเรียด