ปรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2558

ลิเวอร์พูล - แมนฯ ซิตี้
ถ่ายทอดสด ช่อง : ซีทีเอช สตเดี้ยม 2, Astro SuperSport 1 (ดาวเทียม), เวลา : 19.00 น.

สนาม : แอนฟิลด์

        ลิเวอร์พูล ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กระเด็นตกรอบ ยูโรปา ลีก มาแบบสดๆร้อนๆ หลังแพ้จุดโทษ เบซิคตัส ทีมจากลีกตุรกี 4-5 หลังผลประตูรวม 2 นัดเสมอกัน 1-1

        สำหรับผลงานในลีกก่อนหน้านี้ "หงส์แดง" ไร้พ่าย 10 นัด โดยชนะถึง 8 ล่าสุดบุกทุบ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-0 ซึ่งนัดนี้พวกเขาจะต้องรับมือ แมนฯ ซิตี้ ที่เคยมาแพ้ใน แอนฟิลด์ 2-3 เมื่อช่วงโค้งสุดท้าย ซีซั่นก่อนแต่กลับควักแชมป์ลีกจากอ้อมอก ลิเวอร์พูล ในท้ายที่สุด

        ความพร้อมล่าสุด ลาซาร์ มาร์โควิช พร้อมกลับมาลุยในลีกอีกครั้งหลังไม่ได้เดินทางไป ตุรกี เนื่องจากติดโทษแบนในเกมยุโรป 4 นัด โดยอีก 2 นัดที่เหลือจะยกยอดไปฤดูกาลหน้า เช่นเดียวกับ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่ได้พักจากเกมล่าสุด

        สำหรับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ข้อเท้า), เกล็น จอห์นสัน (ป่วย) และ มามาดู ซาโก้ (สะโพก) ต้องรอประเมินความฟิตอีกครั้ง แต่เชื่อว่าน่าจะพร้อมคืนสนามอย่างไม่มีปัญหา

        ส่วน สตีเว่น เจอร์ราร์ด (เอ็นหลังหัวเข่า), ลูคัส เลว่า (กล้ามเนื้อ), แบรด โจนส์ (ต้นขา) และ จอน ฟลานาแกน (เข่า) ต้องพักรักษาตัวต่อไป

        ซิมง มิโญเล่ต์ เฝ้าประตูต่อไปหลังเรียกความมั่นใจกลับมาแล้ว แนวรับได้ มามาดู ซาโก้ กลับมาผนึกกำลังกับ มาร์ติน สเคอร์เทล พร้อมถอย เอ็มเร่ ชาน มาช่วยงานหลังบ้านด้วย โดยกลางสนามฝากไว้กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ โจ อัลเลน ส่วนแผงรุกวาง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ กับ ราฮีม สเตอร์ลิง ปั้นเกมป้อน แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

        แมนฯ ซิตี้ ของ มานูเอล เปเยกรินี่ ไม่สามารถกุมความได้เปรียบไว้ก่อนหลังปราชัยคาบ้านต่อ บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่เวทีลา ลีกา 1-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก

        ส่วนในลีก "เรือใบสีฟ้า" ไร้พ่ายตลอด 4 นัดหลังแถมเริ่มเรียกความมั่นใจด้วยการฟาดชัย 2 เกมติด ล่าสุดเปิดรังไล่ต้อน นิวคาสเซิ่ล 5-0

        สภาพทีมล่าสุด ยาย่า ตูเร่ เตรียมกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งหลังชดใช้โทษแบนนัดสุดท้ายในเกมยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

        นอกจากนี้ เปเยกรินี่ ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบนแต่อย่างใด พร้อมจัดทัพชุดใหญ่ในการไปเยือน แอนฟิลด์

        โจ ฮาร์ท เฝ้าเสาตามปกติ แนวรับสลับมาใช้งาน เอเลียควิม ม็องกาล่า เข้าคู่กับ แว็งซ็องต์ ก็องปานี แดนกลางได้ ยาย่า ตูเร่ กลับมาวาดลวดลายอีกครั้ง โดยจับคู่กับ แฟร์นันดินโญ่ พร้อมปรับมาใช้ระบบคู่หอกโดยส่ง วิลฟรีด โบนี่ เป็นตัวจริงนัดแรก ร่วมล่าประตู เซร์คิโอ อเกวโร่

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        ลิเวอร์พูล (3-4-2-1) : ซิ มง มิโญเลต์ - เอ็มเร่ ชาน, มาร์ติน สเคอร์เทล, มามาดู ซาโก้ - จอร์ดอน ไอบ์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โจ อัลเลน, ลาซาร์ มาร์โควิช - ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ - แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์    

        แมนฯ ซิตี้ (4-4-2) : โจ ฮาร์ท - ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, เอเลียควิม ม็องกาล่า, กาแอล กลิชี่ - ซามีร์ นาสรี่, ยาย่า ตูเร่, แฟร์นันดินโญ่, ดาบิด ซิลบา - เซร์คิโอ อเกวโร่, วิลฟรีด โบนี่    

        ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ทเทนเบิร์ก

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
ผลงานการพบกันที่บ้านลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูลชนะ 48 แมนฯ ซิตี้ชนะ 13 เสมอ 20
ประตูที่ทำได้ : ลิเวอร์พูล 172 ลูก แมนฯ ซิตี้ 101 ลูก
- ลิเวอร์พูล ชนะแค่ 2 จากเกมลีก 12 นัดหลังที่พบแมนฯ ซิตี้ (ชนะ 2 เสมอ 6 แพ้ 4)
- แมนฯ ซิตี้ ยิง 2 ประตูขึ้นไปตลอด 6 เกมลีกหลังสุดที่เจอลิเวอร์พูล
- จากเกมแรกที่เจอกันในซีซั่นนี้ แมนฯ ซิตี้ ทำสกอร์ได้ 3 จากโอกาสยิงแค่ 4 ครั้ง
- เรือใบสีฟ้า ไม่เคยชนะตลอด 11 ครั้งหลังที่บุกรังแอนฟิลด์ในพรีเมียร์ลีก (เสมอ 4 แพ้ 7)
- ดาบิด ซิลบา จอมทัพแมนฯ ซิตี้ ทำไปแล้ว 9 ประตูในซีซั่นนี้ เป็นตัวเลขดีที่สุดของตัวเองในการเล่นพรีเมียร์ลีก
- ลิเวอร์พูล ไร้พ่าย 10 เกมพรีเมียร์ลีก (ชนะ 7 เสมอ 3) เป็นผลงานดีกว่าทุกทีมในรอบ 10 นัดหลัง
- อาร์เซน่อล เป็นทีมเดียวที่ไม่เสียประตูให้แมนฯ ซิตี้ จาก 23 เกมพรีเมียร์ลีกที่ผ่านมา
- แมนฯ ซิตี้ ได้ประตูจากนอกเขตโทษมากที่สุด (10) และยังเป็นทีมเดียวที่ไม่เคยโดนยิงไกลตุงตาข่าย
- หงส์แดงมีนักเตะทำสกอร์ทั้งสิ้น 14 คนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ มากที่สุดเท่ากับอาร์เซน่อล
- แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่มีนักเตะทำประตูถึง 5 ลูกขึ้นไปมากที่สุด (5 คน : เซร์คิโอ อเกวโร่, ดาบิด ซิลบา, ยาย่า ตูเร่, สเตฟาน โยเวติช, แฟร้งค์ แลมพาร์ด)

ผลการพบกันเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา (ที่บ้านลิเวอร์พูล)
ลิเวอร์พูล ชนะ แมนฯ ซิตี้ 3-2
13 เมษายน 2014 ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ทเท่นเบิร์ก
ผู้ทำประตู : 1-0 ราฮีม สเตอร์ลิง น.6, 2-0 มาร์ติน สเคอร์เทล น.26, 2-1 ดาบิด ซิลบา น.57, 2-2 เกล็น จอห์นสัน (ทำเข้าประตูตัวเอง) น.62, 3-2 ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ น.78
ใบแดง : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ลิเวอร์พูล) น.90