ไม่แม้แต่ว่าผมจะอยู่ หน้าแป้นพิมพ์ เขียนอ่านฟุตบอลมาตลอด 8-9 ปี ก็ยังต้องตั้งคำถามกับตัวเองอยู่บ่อยๆ งานเขียนคือสิ่งที่เราถนัดที่สุด--แน่หรือ

        ถามตัวเองก็อย่าง คนอื่นบอกก็อย่าง

        บางที สายตาข้างในกับสายตาจากข้างนอกก็ได้มุมมองที่ต่างกัน "เราถนัดอะไร" บางครั้ง คำตอบอาจมาจากข้างนอก มากกว่าตัวเราเอง

        กับอีก 90 นาทีที่แอนฟิลด์ คำตอบสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2014/15 ก็คงเห็นกันชัด

        นี่คือทีมที่ "ถนัดเกมใหญ่"

        ถนัดการเป็นมวยรอง มากกว่าเกมที่ถูกมองว่าตัวเองเป็นต่อ

        ถนัดนักกับการสร้างความพลิกล็อก - กระทั่งก่อนเกมจะเริ่ม ไลน์อัพ 11 ตัวจริงประกาศ ผมก็ยังยืนยันความเชื่อของตัวเองว่า ลิเวอร์พูล "มาแน่"

        ในการอัดทรรศนะเพื่อออกอากาศในช่องทีวีของสยามสปอร์ต เมื่อสักวันพุธ-พฤหัสฯ ผมบอกด้วยความ (ค่อนข้างจะ) มั่นใจว่า ลิเวอร์พูล จะถอนแค้นคืนจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แน่ เมื่อระหว่างสีแดงกับสีแดง มีความแตกต่างกันอยู่ตรงเส้นกราฟผลงานระยะหลัง
 
        หลุยส์ ฟาน กัล อาจไม่ได้พาทีมแพ้บ่อยนัก แต่สิ่งที่เห็นชัดคือความไม่ลงตัวที่กลางสนาม ระบบจะอย่างไร นักเตะจะเป็นใคร ฟอร์มที่น่าประทับใจสูญหาย...แพ้ 2 จาก 5 เกมล่า
 
        นั่นผิดกับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่เรียกสติลูกทีมกลับมาได้อย่างยอดเยี่ยมหลังแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด (0-3) ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อกลาง ธ.ค. ปีก่อน จากนั้นเป็นต้นมา 13 เกมลีก ลิเวอร์พูล ชนะ 10 เสมอ 3 แพ้ 0 และหากนับรวมทุกรายการก็แพ้แค่หลังจบ 90 นาทีไปแล้วเท่านั้น (แพ้เชลซีต่อเวลาลีก คัพ, แพ้ดวลจุดโทษเบซิคตัสบอลยุโรป) ในระยะถึง 3 เดือนเต็ม
 
        ทั้งฟอร์มการเล่น ผลงานความสม่ำเสมอ สภาพหัวจิตหัวใจ ไปจนกระทั่งบรรยากาศภายในทีม ลิเวอร์พูล ข่มอริจากแมนเชสเตอร์อยู่ชัดแจ้ง สิ่งที่อาคันตุกะเหนือกว่ามีอย่างเดียวคือตัวเลขอันดับ 4:5
 
        ทว่าความเชื่อมั่นของผมสูญสลายไปเมื่อเกมเริ่มต้นขึ้น - เหลือแค่ความโล่งใจว่าไม่ได้เดินฝ่าความหนาวเอาธนบัตรหลากสีไปประเคนให้ Coral หรือ Ladbrokes เท่านั้น
 
        ชัดเจนอย่างยิ่งว่าเกมใหญ่กลายเป็น "งานถนัด" ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้ว พวกเขาแพ้แค่นัดเดียวเท่านั้นจากทั้งหมด 7 นัดที่ต้องประมือกับทีมเฮฟวี่เวตหัวแถว เกมที่ต้องลงสนามไปในฐานะ "มวยรอง"

        26 ต.ค. เปิดรังชน เชลซี และหวิดจะแพ้คาบ้านรอมร่อ ยังมี โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ สวมบทฮีโร่สับเปรี้ยงตี 1-1 ทดเจ็บนาที 4

        2 พ.ย. ออกไปเยือน แมนฯ ซิตี้ และสู้ได้ดีเยี่ยม แต่การเหลือสิบคนหลังจาก คริส สมอลลิ่ง โดนไล่ออกตั้งแต่ครึ่งแรกยังไม่ทันจบ ก็ทำให้ฮึดไม่ขึ้น แพ้ฉิวเฉียด 0-1

        ยี่สิบวันให้หลัง ไปเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในฐานะมวยรองเต็มตัว (หลังจาก 4 เกมก่อนหน้านั้น เสมอ-เสมอ-แพ้-ชนะ) แต่กลายเป็นอาร์เซน่อลที่แย่กว่า คีแรน กิ๊บบ์ส ทำเข้าประตูตัวเอง ก่อน เวย์น รูนี่ย์ บวกเม็ดสองช่วงท้าย แม้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ จะยิงไล่ 1-2 ก็ไม่ทันการณ์

        14 ธ.ค. เปิดโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับมือ ลิเวอร์พูล หลายคนมอง นี่จะเป็นเกมที่คู่คี่สูสี สองฝั่งมีโอกาสชนะพอกัน ที่ไหนได้ แมนฯ ยูไนเต็ด เดินหน้ากราดยิงแทบจะฝ่ายเดียว ชนะขาด 3-0

        28 ธ.ค. ไปเยือนไวท์ ฮาร์ท เลน ของสเปอร์ส และจบลงไปแบบหนืดๆ เสมอ 0-0

        15 มี.ค. ขึ้นศักราชใหม่ 2015 สเปอร์ส กลับมาเยือนบ้านผี พร้อมฟอร์มดีๆ ของ แฮร์รี่ เคน และ คริสเตียน เอริคเซ่น บางคนบอก ไก่จะจิกผีตายบนปากโอ่งก็วันนี้ แต่ท้ายสุดสกอร์บอร์ดขึ้นตัวเลข 3-0 แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นดีที่สุดนัดหนึ่งของซีซั่น

        และ 22 มี.ค. เกมแดงเดือดที่แอนฟิลด์ ฆวน มาต้า ระเบิดฟอร์มที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งนับแต่ย้ายมาจากเชลซี ยิงเสียบมุมเปิดสกอร์ 1-0 ตั้งแต่สิบห้านาทีแรก และเอี้ยวตัวตีลังกาฟาดสุดงามเบิ้ล 2-0 กลางครึ่งหลัง กระทั่งแม้ เวย์น รูนี่ย์ จะพลาดจุดโทษก็ไม่ใช่ปัญหา ยังเช็กบิลกำชัย 2-1

        แมนฯ ยูไนเต็ด ของ ฟาน กัล ถนัดนักกับการเป็นมวยรอง

        เกมใหญ่ 7 นัด ชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 1

        เวลาเดียวกันของอีกฟาก ความถนัดก็ปรากฏชัด

        ชอตย่ำชอตนั้น ใบแดงใบนั้น 38 วินาทีนั้น จะถูกเก็บเข้าพอร์ตส่วนตัวของเขาไปตลอดกาล

        ชีวิตไม่เคยสิ้นไร้เรื่องดราม่า เขาถนัดนักกับสิ่งนี้--ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

        King of Drama

        สตีเว่น เจอร์ราร์ด

        จังหวะลื่นล้มกลางแอนฟิลด์นำมาซึ่งประตูของ เดมบา บา เมื่อ พ.ค. ปีที่แล้ว ลิเวอร์พูล 0 - เชลซี 2 ยังถูกล้อถึงวันนี้ (Steve Gerrard Gerrard, he slipped from 40 yards, he gave it to Demba Ba, Steve Gerrard, Gerrard) ก็คงไม่ต้องสงสัย 38 วินาทีแดงเดือดนี้ ถูกล้อยันลูกบวชแน่นอน

        และตลอดเส้นทางค้าแข้งที่ผ่านมา 2 ทศวรรษ ความดราม่าก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตสเกาเซอร์ท่านนี้มาโดยตลอดทั้งแง่ดีและร้าย

        ก.ย. 1999 เจอร์ราร์ดในวัย 19 ขวบ ถูกส่งลงสำรองในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ ช่วงครึ่งชั่วโมงท้าย และก่อนเสียงนกหวีดสุดท้ายจะดังขึ้น เขายกเท้าเสียบสูงใส่ เควิน แคมป์เบลล์ แบบไม่ติดเบรก รับใบแดงแรกในชีวิตค้าแข้ง (เอฟเวอร์ตันชนะ 1-0)

        ก.ย. 2001 ซัดประตูแรกในทีมชาติอังกฤษ นัดประวัติศาสตร์ถล่มเยอรมนี 5-1 รอบคัดเลือกบอลโลก 2002

        พ.ค. 2002 เจ็บหนักในเกมปิดซีซั่นกับอิปสวิช อดไปบอลโลกที่ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้

        ซัมเมอร์ 2004 (ยอมรับในภายหลังว่า) เกือบตัดใจย้ายไปเชลซี แต่หักลำอยู่กับทีมต่อเมื่อได้ ราฟาเอล เบนิเตซ มาเป็นเจ้านาย

        พ.ค. 2005 พังประตูตีตื้น 1-3 ใน "คืนมหัศจรรย์แห่งอิสตันบูล" ลิเวอร์พูลพลิกสกอร์ตามหลังเอซี มิลาน 0-3 มาเป็น 3-3 ก่อนครองแชมป์ยุโรปสมัย 5 จากชัยชนะช่วงดวลจุดโทษ

        มี.ค. 2006 เมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ผ่านไปแค่ 18 นาที เจอร์ราร์ด รับสองใบเหลือง เข้าห้องอาบน้ำแต่งหล่อได้ก่อนใคร (ลิเวอร์พูลยังชนะ 3-1)

        พ.ค. 2006 กระหน่ำประตูสุดงามพาทีมตีเสมอเวสต์แฮม 3-3 ช่วงทดเจ็บ ก่อนเอาชนะในการดวลเป้า คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ

        ธ.ค. 2008 โดนคดีชกดีเจหน้าผับที่เซาธ์พอร์ท ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลวุ่นหลังจากนั้น แต่ก็เคลียร์ตัวเองพ้นผิดได้

        ม.ค. 2011 กระโดดเสียบสไลด์ขาคู่ใส่ ไมเคิ่ล คาร์ริค ผลลัพธ์คือใบแดงตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก และลิเวอร์พูลแพ้แมนฯ ยูไนเต็ด 0-1 ตกรอบ 3 เอฟเอ คัพ

        พ.ค. 2014 Steve Gerrard Gerrard, he slipped from 40 yards ลิเวอร์พูลเข้าใกล้แชมป์พรีเมียร์ลีกที่สุด แต่ก็ได้แค่เกือบ

        มิ.ย. 2014 โขกชงให้ หลุยส์ ซัวเรซ พังประตูในนาที 85 ...ลืมไปว่าไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกัน อุรุกวัยชนะ 2-1 อังกฤษตกรอบแรกบอลโลกที่บราซิล

        ก.ค. 2014 ประกาศเลิกเล่นทีมชาติ หวังมุ่งสมาธิกับต้นสังกัดอย่างเดียว

        ม.ค. 2015 ยืนยันการเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ แอลเอ แกแล็กซี่ หลังสโมสรนิ่งเงียบไม่ยื่นสัญญาใหม่ให้แต่เนิ่นๆ

        มี.ค. 2015 38 วินาทีจบ

        ฯลฯ และ ฯลฯ

        กับคำถามว่าเราถนัดอะไร บางครั้งคำตอบอาจมาจากข้างนอก มากกว่าตัวเราเอง

        แมนฯ ยูไนเต็ด ถนัดมวยรอง

        เจอร์ราร์ด ถนัดดราม่า

        แต่ก็อีกนั่นแหละ ในมุมหนึ่งของความดราม่า ก็คือความน่าสงสาร ความน่าเห็นใจสำหรับการต้องเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า แชมป์ลีกกับต้นสังกัดไม่เคยได้, ความสำเร็จกับทีมชาติบ้านเกิดไม่มี, จบกับลิเวอร์พูลไม่สวย แทนที่จะได้แขวนสตั๊ดในแอนฟิลด์กลับไม่ใช่ กระทั่งแดงเดือดนัดสุดท้ายก็ยังอุตส่าห์จะสั่งลาไปพร้อมเสียงหัวเราะเสียด หยัน

        นักเตะผู้น่าสงสารที่สุดในโลก...สตีเว่น เจอร์ราร์ด