ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันพุธที่ 29 เมษายน 2558

เลสเตอร์ ซิตี้ 1-3 เชลซี

          "เดอะ ฟ็อกซ์" ส่ง เลโอนาร์โด้ อูยัว ลงยืนคู่หน้าล่าตาข่ายกับ เจมี่ วาร์ดี้ โดยมี แอนดี้ คิง คุมกลสงสนามกับ  เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ ฝั่ง เชลซี ยังไม่มีชื่อของ ดีเอโก้ คอสต้า ทั้งในตัวจริงและสำรอง หน้าเป้าส่ง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ล่าตาข่าย โดยมี เอแด็น อาซาร์ นักเตะยอดเยี่ยมพีเอฟเอประจำฤดูกาลนี้ปั้นเกมให้

          ออกสตาร์ทไปได้ 10 นาที เลสเตอร์ ได้ทักทายก่อน แอนดี้ คิง ได้บอลทางริมเส้นฝั่งซ้าย เปิดแม่นยำเข้ากลางมาให้ เจมี่ วาร์ดี้ หวดด้วยขวาแบบไม่ต้องจับ แต่บอลเหินหลุดกรอบ

          หลังจากนั้น 5 นาที เป็นโอกาสของ เชลซี บ้าง วิลเลี่ยน พาบอลโต้กลับเร็วขึ้นมาทางฝั่งซ้าย แล้วจ่ายหักกลับเข้ากลางให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา สอดขึ้นมาชาร์จบริเวณเส้นเขตโทษ ทว่าบอลก็ยังไม่ตรงกรอบ

          เลยมาถึงนาทีที่ 18 แอนดี้ คิง ได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ต้องเปลี่ยนให้ แม็ตธิว เจมส์ ลงมาเล่นแทน

          อีก 3 นาทีให้หลัง เป็นโอกาสของ เลสเตอร์ มาร์ค อัลไบรตัน เปิดลูกเตะมุมเข้ากลางมาให้ เวส มอร์แกน โขกเต็มหัวที่เสาสอง แต่บอลยังไม่ตรงกรอบ

          ผ่านมาถึงนาทีที่ 25 เลสเตอร์ ต้องเปลี่ยนตัวอีก เมื่อ โรเบิร์ต ฮูธ ได้รับบาดเจ็บ ต้องส่งให้  ริตชี่ เดอ เลต ลงมาเล่นแทน

          เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย เลสเตอร์ เกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ พอล คอนเชสกี้ ได้หวดด้วยขวาในเขตโทษเชลซี ปีเตอร์ เช็ก ต้องพุ่งลงไปเซฟ แต่บอลยังขลุกขลิกในเขตโทษทีมเยือน จนไปเข้าทาง อัลไบรตัน หวดซ้ำ แต่ แกรี่ เคฮิลล์ บล็อคได้เฉียดฉิว

          กระทั่งช่วงทดเจ็บ เลสเตอร์ ได้ประตูออกนำจนได้ เมื่อ เจมี่ วาร์ดี้ พาบอลโต้กลับขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย แล้วจ่ายหักกลับเข้าใน กองหลังเชลซีเข้าไม่ถึงบอลสักคน โดยคนสุดท้ายเป็น อัซปิลิกวยต้า ที่วิ่งมาจะสกัดแต่ลื่น บอลไปเข้าเท้า มาร์ค อัลไบรตัน ซัดเข้าประตูไป ครบ 45 นาทีแรก เลสเตอร์ ออกนำ เชลซี อยู่ 1-0

          กลับมาเตะกันได้ 3 นาที เชลซี ตามตีเสมอทันควัน จากจังหวะเล่นกันสั้นๆทางฝั่งขวา อาซาร์ ยกบอลข้ามกองหลังเจ้าถิ่นให้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช เปิดเรียดหักกลับมาให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา แปด้วยขวาเข้าเสาแรกให้เชลซีตามมาเป็น 1-1

          หลังจากนั้น 2 นาที เชลซี เกือบจะพลิกนำ อาซาร์ พาบอลบุกขึ้นมาทางริมเส้น แล้วเปิดกลับเข้ามาให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ชาร์จบนเส้นเขตโทษ แต่บอลเหินข้ามคาน

          เลยเข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมงท้าย ยังเป็น เชลซี ที่ได้ลุ้นต่อ เชส ฟาเบรกาส จ่ายบอลตามช่องให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา หลุดขึ้นมาทางฝั่งขวาของเขตโทษ แล้วยิงด้วยขวาจะให้เข้าเสาสอง แต่บอลผ่านหน้าปากประตูไปอย่างน่าเสียดาย

          กระทั่งนาทีที่ 79 เชลซี แซงนำ 2-1 เชส ฟาเบรกาส เปิดเตะมุมทางฝั่งซ้าย เข้ามาที่เสาแรกให้ แกรี่ เคฮิลล์ โขกสะบัด จังหวะแรกบอลติดเซฟ ชไมเคิ่ล แต่ยังไปเข้าทาง จอห์น เทอร์รี่ ดีดจ่อๆเข้าประตูไป

          อีกเพียง 6 นาทีให้หลัง สิงห์บลูส์ หนีไปเป็น 3-1 ดร็อกบา ไหลบอลเข้าช่องไปให้ ฟาเบรกาส รับบอลทางฝั่งขวาของเขตโทษ แล้วเปิดเรียดหักกลับมาให้ รามิเรส ซัดด้วยขวาจากหน้าเขตโทษส่งบอลตุงตาข่าย

          เวลาที่เหลือ ทั้งสองทีม ทำอะไรเพิ่มกันไม่ได้ จบเกม เชลซี บุกมาแซงชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 3-1 ทำคะแนนทิ้ง แมนฯ ซิตี้ และอาร์เซน่อล อันดับ 2 และ 3 ไป 13 คะแนน ขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 4 นัด โอกาสรับแชมป์ในเกมหน้าเป็นไปได้สูงมากฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

          เลสเตอร์ : แค สเปอร์ ชไมเคิ่ล , มาร์ค อัลไบรท์ตัน , มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ , โรเบิร์ต ฮูธ (ริทชี่ เดอ เลท์ น.23), เวส มอร์แกน , พอล คอนเชสกี้ , แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ , เอสเตบัน กัมบิอาสโซ่ , แอนดี้ คิง  (แม็ตธิว เจมส์  น.19) , เลโอนาร์โด้ อูลยัว  , เจมี่ วาร์ดี้ (ริยาด มาห์เรซ น.76)
          สำรอง :มาร์ค ชาร์เซอร์ , ดีน แฮมมอนด์   , คริส วู้ด , อังเดร ครามาริช
          เชลซี : ปี เตอร์ เช็ก , บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ,  แกรี่ เคฮิลล์ , จอห์น เทอร์รี่ , เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า , เชส ฟาเบรกาส (จอห์น โอบี มิเกล น.90), เนมานย่า มาติช , รามิเรส , วิลเลี่ยน (คูร์ท ซูม่า น.84) , เอแด็น อาซาร์ (ฮวน กวาดราโด้ น.88) , ดิดิเยร์ ดร็อกบา
          สำรอง : ติโบ กูร์กตัวส์ , ฟิลิเป้ ลุยส์  , ออสการ์   , เนธาน อาเก้
          ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ทเท่นเบิร์ก