ชมพู่ อารยา ตื่นเต้นเดินพรมแดงเมืองคานส์เป็นปีที่ 3 ดีใจที่ได้เอาเทรนด์สาวไทยไปเผยแพร่ต่างชาติ ชื่นใจคนไทยช่วยกันโหวตติดท็อป 5 แอบเสียดายงานวันที่ 2 ไม่ดีเท่าที่ควร เป็นเรื่องเหนือการควบคุม รับมีน้ำตาซึมแต่ทำดีที่สุดแล้ว เผยชีวิตหลังแต่งงานยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมาก เพราะเรือนหอยังไม่เสร็จ 100% แพลนฮันนีมูนปลาย ก.ค.

ทำเอานางเอกสาว ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต แอบเสียเซลฟ์เลยทีเดียว หลังจากที่เจ้าตัวได้รับคัดเลือกให้ไปเดินแบบที่เมืองคานส์ ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ซึ่งงานนี้สาวชมพู่มีการเตรียมตัวแบบจัดเต็มมาก การเดินพรมแดงในวันแรกผ่านไปด้วยดี ได้พรีเซนต์เทรนด์สาวไทยและรอยยิ้มของคนไทยให้ทั่วโลกได้เห็น แต่ในวันที่สองไม่สวยหรูเหมือนวันแรกซะแล้ว อาจจะด้วยการผิดพลาดทางเทคนิค ที่เหนือการควบคุม ทางงานได้ปล่อยให้คนเข้ามาในระหว่างที่สาวชมพู่กำลังเดินพรมแดง งานนี้ทำให้เกิดการวุ่นวายไปหมด ทุกอย่างที่คิดไว้ในวันนั้นเลยเกิดการคลาดเคลื่อนไป แต่สาวชมพู่ก็ได้ทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว โดยได้มีโอกาสเจอสาวชมพู่มาร่วมงาน L'Oreal Paris Makeup Designer It's My Cannes Thailand เนรมิตพรมแดงเมืองคานส์ทุกโมเมนต์มาไว้ที่เมืองไทย ณ ลานพาร์ค พารากอน เจ้าตัวได้เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นแบบหมดเปลือกให้ฟังว่า

วันนี้มีการจำลองเดินพรมแดงที่สยามพารากอน แตกต่างจากที่เมืองคานส์จริงๆ ยังไง? "มันก็มีทั้งความเหมือนและความแตกต่างนะคะ แต่ว่าก็โอเคนะคะ ฟีลพอได้ค่ะ แต่ความตื่นเต้นคงไม่เหมือนเนอะ อินเนอร์คงไม่เหมือนค่ะ" ความพิเศษของงานเมืองคานส์มีอะไรที่แตกต่าง? "เท่าที่สังเกตคงจะเป็นเรื่องของการเตรียมลุคของการเมคอัพไปก่อน อย่างทุกปีเราจะไปเตรียมที่โน่นว่าทางโกลบอลของลอรีอัล ปารีส เหมือนกับว่าจะมีเทรนด์ยังไง แล้วเราเทรนด์มาฝากสาวไทย แต่ปีนี้เรียกว่ามีการครีเอตลุคโดยคนไทย ให้เหมาะกับสาวไทย เราอยากจะเอาลุคนี้ไปพรีเซนต์ ซึ่งตรงนี้เป็นปีที่เราทำการบ้านจากเมืองไทยไปก่อน" เห็นว่าในปีนี้มีลิปสติกที่เป็นแบรนด์ของตัวเองด้วย? "ก็คือภายใต้แบรนด์ลอรีอัลนี้ล่ะค่ะ แต่ว่าก็เป็นสีที่ชมและทางลอรีอัลเลือก เหมือนกับว่าใส่ซิกเนเจอร์ของเราลงไป"

ประสบการณ์ครั้งนี้มันสอนอะไรบ้างในการที่เราไปเดินพรมแดง? "มันก็หลายๆ อย่างนะคะ เรียกว่าเราเอาประสบการณ์ทั้งหมดในชีวิตไปช่วยในตรงนั้น และรวมถึงตรงนั้นเองมันก็สอน มันก็ฟีดแบ็กอะไรให้เรากลับมาด้วย ชมว่าสิ่งหนึ่งที่เรียนรู้ตลอด 3 ปีที่ได้ไปเนี่ย นิสัยเรื่องของการอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นมิตรกับคนทั่วไปของคนไทยเนี่ย ชมว่ามันเวิร์กมาก ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราจะได้รับความรัก ความเอ็นดูจากคนอื่นๆ จริงๆ" วันแรกเป็นชุดในธีมของอะไร? "วันแรกคือลุคเมคอัพที่ทางพี่ป้อมเค้าออกแบบไว้ค่ะ เพื่อที่ให้เข้ากับปากแดงที่เป็นลิปสติกของชมด้วย คือจะว่าเผ็ดก็ไม่เผ็ดนะ แล้วจะเน้นความโก้หรู แต่สิ่งที่จะต้องพรีเซนต์มากที่สุดก็คือลิปสติกสีแดง ทำผม เป็นสิ่งที่ตามมาทีหลัง เราจะต้องหาอะไรที่ขับลุคให้ดูดีที่สุด เราดีใจที่สื่อทางโน้นให้ความสนใจ เพราะว่าจริงๆ เรื่องของเสื้อผ้าหน้าผมทั้งหมดมันก็เป็นส่วนสำคัญ ได้พื้นที่สื่อตรงนั้น แล้วก็พอปิดโหวตคนไทยก็ช่วยกันโหวตสุดฤทธิ์ก็ชื่นใจ ไม่ทำให้ผิดหวังเลย"

เห็นว่าวันที่สองมีการผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย? "ใช่ค่ะ ชมเองก็ไม่ทราบนะคะว่าปัจจัยที่แน่นอนคืออะไรที่ทำให้ทางเจ้าหน้าที่เค้าต้องปล่อยคนเข้ามาก่อน อาจจะเป็นเรื่องของเวลาที่มันรันแล้ว หรือว่าเรื่องของการสื่อสาร เอาเป็นว่ามันอยู่เหนือเรื่องของการควบคุมของเราเนอะ เราก็ทำอะไรไม่ได้ คือทั้งทางชมเองและทางลอรีอัลไทยแลนด์ มันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม มันก็มีแต่ความเสียดายแหละ แต่คิดว่า ณ ตรงนั้นเราก็ทำดีที่สุดแล้ว" แล้วตกใจไหมที่คนกรูกันเข้ามา? "คือมันไม่มีเวลาตกใจอ่ะ(หัวเราะ) คือจริงๆ ปีแรกที่ไปก็เกิดเหตุการณ์ประมาณนี้ คือตอนนั้นชมเดินไปก็เกือบจะสุดพรมแล้ว ก็เริ่มทีคนทยอยเข้ามาบ้าง วันนั้นถ้าให้ชมเดาเหตุการณ์นะ งานมันคงเลทมาก แล้ววันนั้นมีสโป๊กเพอร์ซันประมาณ 8 คน แล้วก็เรื่องของเวลา คลื่นมหาชนก็เลยเยอะหน่อย เราไม่ทันได้ตกใจ เราคิดแต่ว่าเราต้องถ่ายรูป มาพรีเซนต์ ก็เลยคิดถึงแต่ว่าต้องถ่ายรูป ช่างภาพก็งงดาราก็งง ช่างภาพก็เรียกเราก็เดินไปหาเค้า"

เค้าได้แจ้งถึงความผิดพลาดเราไหม? "ก็ไม่ได้แจ้งอะไร และเราก็ไม่ได้ตั้งคำถามอะไร เอาเป็นว่าคือมันอยู่เหนือการควบคุม ถามว่าเสียดายมั้ย มันก็คือความเสียดายมากกว่าค่ะ แต่ว่าเราทำดีแล้ว มันไม่เชิงเสียใจหรอก เราไม่ได้ผิด เรารู้สึกเราทำเต็มที่มาก วันนั้นเราก็พร้อมมาก คือเสื้อผ้าหน้าผมเราพร้อมสุดๆ ขอใช้คำว่าเสียดายมากกว่าค่ะ"

ถึงกับร้องไห้เลย? "ไม่ได้ถึงกับฮือๆ ออกมา มีข่าวว่าเรานอนร้องไห้ทั้งคืน(ยิ้ม) คือจริงๆ เหมือนกับว่าเราพูดแล้วน้ำตาซึม เพราะว่าไม่ใช่แค่ชมคนเดียว ทั้งทีมเลย แหม่ะ มันเสียดายอะไรเงี้ย วันนั้นเราก็อยากได้พื้นที่ตรงนั้นเหมือนกัน เพราะว่ามีเบอร์ใหญ่เดินเยอะ คล้ายๆ ถ้าเป็นนักกีฬายังไม่ทันได้แข่งเลย กรรมการก็เป่านกหวีดแล้ว ก็แอบเสียดายนิดหนึ่ง แต่อย่างที่บอกมันเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้น่ะค่ะ ถ้าสำหรับชมวันรุ่งขึ้นตื่นมาก็กลับแล้ว คือถ้ามองภาพรวม วันแรกมันก็ดีมาก ก็ชื่นใจแล้ว อย่างที่บอกแค่เสียดายเท่านั้นเอง ถ้ามันได้ดีอีกวันหนึ่งก็คูณสองเลยนะ"

แต่หลังจากวันนั้นนักข่าวหลายที่ก็ชื่นชมเรา? "ก็ไม่รู้ว่าสปิริตหรืออะไร ไม่ได้คิดอะไร เหมือนกับว่าพอเราเห็นคนแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นถ้าคนมาเราก็จะไม่ได้ภาพเท่าที่ควร เรามาตรงนี้เราก็อยากให้ภาพมันออกไปให้มากที่สุด ให้สื่อต่างประเทศเค้าได้เห็นเรามากที่สุด แต่ตอนนั้นเค้าถ่ายภาพเราไม่ได้ไงคะ ใจตอนนั้นเอาวะต้องเก็บให้ได้เยอะที่สุด ได้ 2-3 สำนักก็ยังดี ก็ทำดีที่สุดแล้วเท่าที่เราจะทำได้ตอนนั้นค่ะ"

ชีวิตหลังแต่งงานเป็นยังไงบ้าง? "เอาจริงๆ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนมากนะคะ คล้ายๆ เดิมค่ะ" ได้ใช้ชีวิตร่วมกันหลังแต่งงานรึยัง? "เอาจริงๆ เรือนหออยู่ใกล้บ้านเลย ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เท่าไหร่ ก็เลยยังไปๆ มาๆ กันอยู่เหมือนตอนเป็นแฟนกัน (หัวเราะ)" คราวนี้จะได้มีเวลาสวีตกันมากขึ้นไหม? "ก็อย่างที่บอกน่ะค่ะ มันยังไม่ได้ย้าย ชมว่าอาจจะสักเดือนสองเดือนหลังจากนี้ถึงอาจจะได้รู้สึกเป็นครอบครัวจริงๆ แต่ ณ เวลานี้ก็เหมือนเดิมไปๆ มาๆ" ตื่นมาเจออยู่ข้างๆ รู้สึกยังไง? "ก็ไม่ได้ทุกคืนไง ยังไปๆ มาๆ อยู่ค่ะ ชมว่ามันก็ดีเหมือนกันนะ มันไม่ได้ปุบปับอ่ะ"

แพลนฮันนีมูนวางไว้ประมาณเมื่อไหร่? "ก็ประมาณปลาย ก.ค. ค่ะ" แสดงว่ายังไม่ชินกับการใช้ชีวิตคู่? "ชินมั้ย ชมว่ามันอาจจะไมได้เปลี่ยนปุบปับค่ะ สำหรับชมไลฟ์สไตล์ค่อนข้างเหมือนเดิม เชื่อว่าถ้าย้ายมาแล้วค่อนข้างจะเหมือนเดิม เพราะเราไม่ได้เปลี่ยนไลฟ์สไตล์อะไรอยู่แล้ว ข้างในมันอาจะเป็นความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ อินเนอร์มันเปลี่ยน" ตอนนี้ทำอาหารมื้อแรกให้สามีทานรึยัง? "เค้ามาทานตามชม เริ่มมากินคลีนตามเราแล้วน่ะค่ะ"

งานแต่งงานชมที่ อั้ม พัชราภา ไม่ได้ไป? "จริงๆ ชมว่างานนี้มันมีที่มาหลายประเด็นมาก ไม่ใช่แค่ประเด็นนี้ค่ะ ก็งานก็ผ่านไปแล้วเนอะ จริงๆ ไม่มีอะไรเลยค่ะ" อั้มเค้าโพสต์ยินดีผ่านอินสตาแกรม? "ใช่ เราขอบคุณกันในไอจีไปแล้วค่ะ" เราไม่อยากตอบเพราะเรื่องงานแต่งงานมันจบไปแล้ว? "จริงๆ ชมว่าผู้บริโภคสื่อคิดมาก ไม่มีอะไรค่ะ ดาราชิลมากค่ะ".