แซ็ค จอห์นสัน โปรกอล์ฟชายชาวอเมริกัน กล่าวว่ารู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้แชมป์ เมเจอร์ รายการ ดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ 2015 มาครอง หลังเอาชนะ หลุยส์ อูสธุยเซ่น คู่แข่งจากแอฟริกาใต้ และ มาร์ค ลีชแมน ก้านเหล็กชาวออสซี่ ในช่วงดวลเพลย์ออฟที่สนาม โอลด์ คอร์ส แอต เซนต์ แอนดรูว์ส ในเทศมณฑลไฟฟ์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อวันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

 หลังจากทำสกอร์รวม 4 วันเท่ากันที่ 15 อันเดอร์พาร์ 273 ทั้ง 3 คนก็ต้องมาตัดสินกันว่าใครจะเป็นแชมป์ด้วยการดวลเพลย์ออฟ 4 หลุม ซึ่ง จอห์นสัน ทำได้ดีที่สุด หลังทำไป 1 อันเดอร์พาร์ จากการเสีย 1 โบกี้ แต่เก็บได้ 2 เบอร์ดี้ ทำให้ก้านเหล็กวัย 39 ปี ได้แชมป์รายการนี้เป็นสมัยแรก และยังถือเป็นแชมป์ระดับ เมเจอร์ รายการที่ 2 ของเจ้าตัวด้วย หลังเคยซิวแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ไปนอนกอดในปี 2007

"ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก นี่เป็นจุดกำเนิดของวงการกอล์ฟ และถ้วยแชมป์มันก็มีความหมายอย่างมากในวงการกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทัวร์นาเมนต์นี้และกีฬากอล์ฟ ความรู้สึกมันยังไม่จางหายไปเลย ผมรู้สึกเยี่ยม ผมเล่นอย่างอดทน ตอนแข่งอยู่ผมคิดถึงคัมภีร์ไบเบิล และผมก็ขอขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า, เพื่อนๆ ของผม และครอบครัวของผม ตอนนี้ผมรู้สึกดีสุดๆ" จอห์นสัน ระบุ

ด้าน จอร์แดน สปีธ ก้านเหล็กดาวรุ่งชาวอเมริกันซึ่งคว้าแชมป์ เมเจอร์ 2 รายการแรกของปีนี้ไปครองนั้น เกือบได้เล่นเพลย์ออฟเหมือนกัน แต่พลาดเสียโบกี้ในหลุม 17 พาร์ 4 ส่งผลให้สกอร์รวม 4 วัน อยู่ที่ 14 อันเดอร์พาร์ 274 ได้ที่ 4 ร่วมกับ เจสัน เดย์ โปรชาวออสเตรเลีย ซึ่งโปรวัย 21 ปี ยอมรับว่าผิดหวังนิดๆ ที่ชวดแชมป์

 "เราพยายามได้ดี ตามหลักการแล้วการทำได้พาร์หรือเบอร์ดี้ในหลุมสุดท้ายก็ถือเป็นการจบทัวร์นา เมนต์นี้ที่ยอดเยี่ยมแล้ว และมันน่าจะทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี ดังนั้นมัน (การชวดแชมป์) จึงเจ็บปวดนิดๆ มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ผมคิดว่าเราทำได้ดีเลยทีเดียว" สปีธ ระบุ