จอมหนึบทีมชาติอังกฤษกลายเป็นฮีโร่ของเรือใบสีฟ้า หลังเซฟสองจุดโทษพาทีมชนะหมาป่าแห่งกรุงโรมไปแบบสุดระทึก

การแข่งขันฟุตบอลรายการ อินเตอร์เนชันแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ 2015 ที่สนามเมลเบิร์นคริกเก็ตกราวน์ ณ เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ระหว่าง โรมา รองแชมป์กัลโซ เซเรีย อา พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

รูดี้ การ์เซีย นายใหญ่ของทัพ 'หมาป่าเหลืองแดง' เปลี่ยนแปลงผู้เล่นถึง 6 ตำแหน่งจากเกมนัดแรก โดยถอดเอาแผงแบ็คโฟร์ออกยกชุด ทั้ง มาปู ย็องก้า-เอ็มบีวา, เลอันโดร แกสตัน, ไมคอน และ แอชลีย์ โคล รวมถึง รัดจา เนียงโกลัน กับ ยาโก้ ฟัลเก้ ด้วย แล้วจัดการส่ง วาซิลิส โตโรสิดิส, อเลสซิโอ โรมัคโนลี, คอนแตนตินอส มาโนลาส, อเลสซานโดร ฟลอเรนซี, มิราเลม ปยานิช กับ ฮวน มานูเอล อิตูร์เบ้  ลงทำหน้าที่แทน 

ขณะที่ฝั่ง แมนฯซิตี้ ของกุนซือ มานูเอล เปเยกรินี ตัดสินใจส่ง ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกจรวดตัวใหม่ลงประเดิมสนามอย่างเป็นทางการนัดแรกทันที โดยจะมาประสานงานในแนวรุกร่วมกับ ดาบิด ซิลบา และสองแข้งดาวรุ่งอย่าง มานู การ์เซีย กับ เกเลซี อิเฮอานาโช

เปิดฉากเกมมายังไม่ถึง 4 นาที แมนฯซิตี้จัดการพังประตูออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ เกเลซี อิเฮอานาโช บรรจงตักหยอดข้ามหัวแนวรับหมาป่าเหลืองแดงให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับ มอร์แกน เด ซานติส ก่อนเลือกแปด้วยขวาสวนตัวนายด่านชาวอิตาเลี่ยนเข้าไปอย่างเยือกเย็น ซิตี้ขึ้นนำ 1-0 

อย่างไรก็ตาม เพียง 5 นาทีหลังจากนั้น พลพรรคหมาป่าเหลืองแดงมาได้ประตูตามตีเสมอแบบทันควัน จากจังหวะที่ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ไหลจากในเขตโทษฝั่งขวามาตรงบริเวณหัวกระโหลกให้ แชร์วินโญ ไหลถวายพานออกไปทางฝั่งขวา และเป็น มิราเลม ปยานิช จับแต่งหนึ่งจังหวะ ก่อนตะบันด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งอย่างกับจรวดเสียบสามเหลี่ยมเสาแรกเข้าไปอย่างสุดสวย ช่วยให้โรมาตามตีเสมอเป็น 1-1

นาทีที่ 26 โรมาเกือบพลิกขึ้นนำ จากจังหวะที่ อเลสซานโดร ฟลอเรนซี มิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลีที่เกมนี้ถูกจับไปยืนเป็นแบ็คขวา เติมเกมรุกขึ้นมาจากกลางสนาม ก่อนหาช่องส่องไกลด้วยขวาเต็มข้อจากระยะประมาณ 25 หลา บอลพุ่งเฉี่ยวคานออกไปแบบได้รักได้ลุ้นทีเดียว จากนั้นทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรกเสอมกันอยู่ที่สกอร์ 1-1

กลับมาเล่นในครึ่งหลัง โรมา จัดการส่ง มาปู ย็องก้า-เอ็มบีวา, เลอันโดร แกสตัน, ไมคอน, แอชลีย์ โคล, รัดจา เนียงโกลัน, ยาโก้ ฟัลเก้ และ เซย์ดู เกอิต้า ลงสนาม ขณะที่ ซิตี้ เหลือไว้เพียง แวงซ็องต์ กอมปานี กับ เกเลซี อิเฮอานาโช เท่านั้นจากครึ่งแรก นอกนั้นเปลี่ยนเข้าเกือบยกชุด นำโดย โจ ฮาร์ท (ผู้รักษาประตู), มาร์กอส โลเปซ, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, ซามิร์ นาสรี, เจมส์ ฮอร์สฟิลด์, เจสัน เดนาเยอร์, แบรนดอน บาร์คเกอร์, เฆซุส นาบาส และ ยาย่า ตูเร่

โดยเปิดฉากมาไม่ถึง 3 นาที โรมามาได้โอกาสทักทายก่อน จากจังหวะที่ รัดจา เนียงโกรัน ลากตัดจากกราบขวาเข้ากลาง ก่อนไหลเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ อเดม ลายิช ดึงหลอกแนวรับซิตี้หนึ่งจังหวะ ก่อนพยายามยิงยัดเสาแรกเข้าข้างตาข่ายออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

แต่แล้วนาทีที่ 51 กลับกลายเป็นซิตี้ที่มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ แอชลีย์ โคล เบิ้ลคืนหลังไม่ดีไปเข้าทาง เกเลซี อิเฮอานาโช ดูดบอลแต่งเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนบรรจงแปด้วยซ้าย ส่งบอลพุ่งสวนตัว มอร์แกน เด ซานติส เข้าไปตุงตาข่าย ช่วยให้ซิตี้ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1

จากนั้นเป็นฝั่งซิตี้ที่เปิดเกมรุกดูดีมีลุ้นกว่า แต่ว่าโรมาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เมื่อมาได้ประตูตามตีเสมออีกครั้งเป็น 2-2 ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 87 จากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลาเยื้องไปทางฝั่งซ้าย และเป็น อเดม ลายิช รับหน้าที่ปั่นโค้งด้วยขวา ส่งบอลพุ่งหนีมือ โจ ฮาร์ท เสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม

รายชื่อคนยิงจุดโทษของทั้งสองทีม

แมนฯซิตี้ : ยาย่า ตูเร่ - เข้า

โรมา : รัดจา เนียงโกรัน - เข้า

แมนฯซิตี้ : อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ - ไม่เข้า

โรมา : อเดม ลายิช - เข้า

แมนฯซิตี้ : เฆซุส นาบาส - เข้า

โรมา : มัตเตีย เดสโตร

แมนฯซิตี้ : มาร์กอส โลเปซ - เข้า

โรมา : ยาโก้ ฟัลเก้ - เข้า

แมนฯซิตี้ : โจ ฮาร์ท - เข้า

โรมา : เซย์ดู ดุมเบีย - ไม่เข้า

แมนฯซิตี้ : เจมส์ ฮอร์สฟิลด์ - เข้า

โรมา : เซย์ดู เกอิต้า - ไม่เข้า

จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดวลจุดโทษเอาชนะ โรมา ไปแบบสุดมัน 5-4 ในเวลาเสมอกันด้วยสกอร์ 2-2 โดยนัดต่อไป ซิตี้ เตรียมพบกับ เรอัล มาดริด ในวันศุกร์นี้ เวลา 17.00 น. ขณะที่ โรมา มีคิวอุ่นเครื่องกับ สปอร์ติง ลิสบอน ในช่วงต้นเดือนหน้า

** กฏการนับคะแนนของรายการนี้ ชนะในเวลาได้ 3 คะแนน เสมอต้องดวลจุดโทษตัดสิน ผู้ชนะดวลจุดโทษได้ 2 คะแนน ผู้แพ้ดวลจุดโทษได้ 1 คะแนน