"บังยี" วรวีร์ มะกูดี เปิดใจเตรียมอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ในขั้นสองหลังถูกตัดสินให้มีความผิดจากศาลชั้นต้น ยืนยันการจัดการขั้นตอนหลังการเลือกตั้งทุกอย่างเป็นไปตามที่กรมการปกครองชี้แนะทุกประการ หากไม่แก้ไขระเบียบตามที่กรมการปกครองสั่ง ไม่สามารถทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ หากไม่ทำก็จะไม่ได้ถูกจดทะเบียน เชื่อมั่นในศาลอุทธรณ์จะได้รับข้อมูลที่ชัดเจนจากกรมการปกครองเพิ่มมากขึ้น

ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 วันที่ 22 ก.ค.58 เวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.5446/2556 ที่นายณฐภณ ปัญญาคณานุกูล หรือเสี่ยหม่อง ประธานสโมสรพัทยา เอฟซี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวรวีร์ มะกูดี หรือบังยี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และนายองอาจ ก่อสินค้า หรือบิ๊กเปี๊ยก เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ และประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก หรือ ทีพีแอล เป็นจำเลยที่ 1- 2 ในความผิดฐาน ปลอมและใช้เอกสารปลอม, แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 267, 268 กรณีการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ เมื่อปี 2556

ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 56 บรรยายพฤติการณ์จำเลย สรุปว่า ระหว่างวันที่ 23 ส.ค. - 14 ต.ค.56 เวลาใดไม่ปรากฏ จำเลยทั้งสอง ร่วมกันกระทำความผิดทำเอกสารปลอมอันเป็นการแก้ไข ตัดทอน เพิ่มเติม ข้อความในข้อบังคับซึ่งเป็นเอกสารที่แท้จริง โดยไม่มีอำนาจ และกระทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าข้อบังคับดังกล่าวที่ทำขึ้นนั้นเป็นเอกสารที่แท้จริงโดยประการที่ทำให้ผู้อื่นหรือผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง อันเป็นการทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยทั้งสอง เหตุเกิดที่แขวง - เขตปทุมวัน กทม.

คดีนี้หลังจากศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้ว เห็นว่า คดีมีมูลให้ประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษา จำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 2 ปี และปรับคนละ 6,000 บาท คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 1 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 4,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้

สยามกีฬาได้รับการเปิดเผยจาก "นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์" ประธานฝ่ายกฎหมายสมาคมฟุตบอลฯ ได้เผยว่า "เรื่องยังไม่จบอยู่แค่นี้ ตามหลักกฎหมายหากว่ายังไม่มีคำพิพากษาจากศาลสูงสุด นั้นคือต่อจากนี้เราจะมีการยื่นอุทธรณ์ไปที่ศาลอุทธรณ์ รวมถึงศาลฎีกา ท่านนายกวรวีร์ มะกูดี และ ดร.องอาจ ก่อสินค้า ก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ต่อจากนี้ไปเราจะต้องเอาสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ว่าการดำเนินงานของท่านนายกวรวีร์ และเลขาฯ ณ ขณะนั้น อย่าง ดร.องอาจ ดำเนินการไปด้วยกรอบของกฎหมายทั้งสิ้น และได้ทำตามระเบียบข้อบังคับทั้งหมด และได้ทำตามระเบียบข้อบังคับของกรมการปกครองและการกีฬาแห่งประเทศไทยทั้งสิ้นอีกด้วย"

"ท่านนายกวรวีร์ และอดีตเลขา ดร.องอาจ ทั้งสองนั้นมิใช่ผู้ที่ไปแก้ หรือไปขีดไปเขียนอะไรทั้งสิ้น หรือมีเจตนาทำให้สมาชิกของสมาคมฟุตบอลเสียประโยชน์ แต่วันนี้เราคงต้องทำงานหนักมาขึ้น เอาข้อเท็จจริงทุกอย่างที่เราได้นำเสนอในศาลชั้นต้นไปแล้วเพื่อนำเสนอต่อศาลอุทธรณ์ว่าการดำเนินการแก้ไขข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลฯ หลังจากที่มีการแก้ไขก็ได้มีการรับรองในการประชุมใหญ่ 2 ครั้ง การเลือกตั้งศาลปกครองก็ได้บอกว่าสมาคมฟุตบอลฯ กระทำโดยสุจริตและโดยชอบด้วยกฎหมาย ศาลกีฬาโลกก็บอกชอบด้วยกฎหมาย แต่วันนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้เห็นอย่างนั้นเราเองไม่ปฏิเสธว่าเราไม่เคารพ"

"หลังจากนี้เราจะนำเรื่องต่างๆ เข้าสู่ศาลอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ซึ่งตอนนี้ท่านนายกวรวีร์ไม่ได้กังวลอะไรมาก ส่วนประเด็นที่ฝ่ายโจทก์เตรียมที่จะสู้คดีอีก 4 คดีที่ศาลปกครอง และอีก 1 คดีที่ศาลแพ่ง จริงๆ มันคนละเรื่องกัน จริงๆ ในวันนี้เป็นดุลยพินิจของศาลอาญากรุงเทพใต้ ไม่เกี่ยวว่าทุกศาลจะตัดสินออกมาให้เป็นแบบเดียวกันนี้ มันเป็นเรื่องแต่ละดุลยพินิจ"

"สิ่งที่มีข้อสังเกตอยู่นิดนึงก็คือว่า ตอนสืบพยานก่อนหน้านี้เราได้เอาคำให้การของกรมการปกครองที่เขียนด้วยมือซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแล ว่า การดำเนินการของสมาคมฟุตบอลฯ ที่กรมการปกครองกำกับดูแล เรายังไม่ได้ไป กกท. ก็ได้ดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมาย และฟ้องกรมการปกครองไว้ศาลปกครอง ตัวเขาเองก็บอกว่าได้แก้ไขข้อบังคับโดยชอบ ไม่ได้มีเจตนาซ้อนเร้นแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่าถ้าเราไปที่ศาลปกครองเรามีพยานคือกรมการปกครอง และมี กกท. เป็นจำเลยร่วมกับสมาคมฟุตบอลฯ อันนั้นก็ถือเป็นโอกาสว่าเราจะได้เสนอความจริงในหลายๆ ศาลต่อจากนี้"

"ถ้าเราเอาคำว่าสมาชิกพ่วงเข้าไป นิติบุคคลในนามสมาคมฟุตบอลฯ คือการที่สมาชิกจะไม่ไปหาผลประโยชน์ในเรื่องดังกล่าว ฟุตบอลไทยในทุกวันนี้มีเรื่องผลประโยชน์เพราะเป็นการแข่งขันอาชีพ เหตุที่เขาให้ตัดออกไปเพื่อที่เวลาจดทะเบียนจะได้ไม่ขัดกับกฎหมายไทย เนื่องจากในขณะนั้น พรบ.กีฬา ยังไม่มา แต่ปัจจุบันนี้คำว่าสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจะเปลี่ยนเป็นสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยเท่ากับเป็นสมาคมอาชีพ เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นอาชีพแล้วเราจะต้องไปโยงกับ กกท. ซึ่ง พรบ.ก็จะหมดหน้าที่ไป และในตอนนั้นเราจะทำอะไรก็ตามแต่ เราจะต้องทำตามที่กรมการปกครองเป็นคนชี้แนะ ท่านนายกวรวีร์ มะกูดี ส่งเอกสารทั้งแฟ้มไปแก้ไข ส่งไปจด เขาไม่จดให้ ถามว่าตัวนายกผิดด้วยหรือ เขาไม่จดให้แล้วเขาบอกให้แก้ตรงนี้แก้ตรงนั้น อยากจะรู้ว่าโจทก์ฟ้อง 2 จุดที่แก้ แต่ในนั้นมาแก้ 20-30 จุด นี้คือประเด็น เท่ากับว่าแก้ทุกจุดที่กรมการปกครองเห็นว่าเมื่อแก้แล้วถูกก็จะจดให้ ทุกข้อมูลทุกอย่างก็จะถูกนำเสนอที่ศาลสูงต่อไป"