ถือเป็นดีลที่เซอร์ไพรส์สุด ๆ สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่พลาดคว้าตัว เปโดร โรดริเกซ ปีกความเร็วสูงของ บาเซโลน่า ไปแบบหน้าชาเล็กน้อย โดยมีรายงานว่าตัวนักเตะเลือกที่จะย้ายไปร่วมทีม เชลซี คู่แข่งร่วมลีก แถมเตรียมที่จะเปิดตัวกับทัพ "สิงห์บลูส์" ในเร็ววันนี้อีกด้วย

ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายต่างก็ปักใจเชื่อว่า ปีกทีมชาติสเปน คงจะลงเอยกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ตามเนื้อผ้าถึงขนาดมีข่าวว่า เอ็ด วู้ดเวิร์ด ผู้บริหารของทีมบินไปปิดดีลนี้ด้วยตัวเองถึงประเทศสเปน แต่ล่าสุดกลายเป็น เชลซี ที่ปาดหน้าคว้าตัวแข้งวัย 28 ปี ไปร่วมทีมเสียอย่างนั้น งานนี้ทำเอาสาวก "เร้ด เดวิลส์" งงไปตาม ๆ กัน

มีการเปิดเผยข้อมูลชี้ว่า นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือไปจนมาถึง เดวิด มอยส์ ที่รับช่วงต่อในปี 2013 หรือแม้แต่ยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล ต้องยอมรับว่าการติดต่อซื้อนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ดูจะล้มเหลวเสียเป็นส่วนใหญ่ และผู้ที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการเจรจาซื้อขายก็หนีไม่พ้น เอ็ด วู้ดเวิร์ด ที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ไปเต็ม ๆ

นอกเหนือจาก เปโดร โรดริเกซ แล้วนั้น เรามีรายชื่อ 8 นักเตะชื่อดังที่กล้าปฏิเสธการย้ายไปร่วมทีมยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากหมดยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาให้ชมกัน...

เลห์ตัน เบนส์ (ซัมเมอร์ 2013)

นักเตะที่ เดวิด มอยส์ หวังที่จะดึงตัวเข้ามาร่วมทีมทันทีที่เขาเข้ามาคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด นั่นก็คือลูกทีมเก่าอย่าง มารูยาน เฟลไลนี่ และเลห์ตัน เบนส์ เขาได้บอกให้ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ติดต่อขอซื้อ 2 แข้งนี้จาก เอฟเวอร์ตัน แต่ทว่าการดำเนินงานค่อยข้างล่าช้าจนสุดท้ายได้เพียง "มิดฟิลด์หัวฟู" เพียงคนเดียว แถมยังเป็นผู้เล่นชื่อดังหนึ่งเดียวที่ "ปีศาจแดง" ได้ตัวไปร่วมทีมในซัมเมอร์นั้น

แกเร็ธ เบล (ซัมเมอร์ 2013)

แมน ยูไนเต็ด สร้างความฮือฮาด้วยการขอซื้อนักเตะที่แพงที่สุดในโลกอย่าง แกเร็ธ เบล จาก เรอัล มาดริด ในซัมเมอร์ ปี 2013 แต่พวกเขาก็ไม่สามารถโน้มน้าวใจให้อดีตปีกของ สเปอร์ส กลับมาเล่นในเวที พรีเมียร์ลีก ได้อีกครั้ง ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็ยังสนใจ นักเตะทีมชาติเวลส์ ผู้นี้ในทุก ๆ ซัมเมอร์ แต่พวกเขาก็ต้องผิดหวังกลับไปทุกครั้ง

เชส ฟาเบรกาส (ซัมเมอร์ 2013)

ฤดูกาล 2013-14 มีความพยายามอย่างมากในการที่จะเซ็นสัญญา เชส ฟาเบรกาส มาร่วมทีมให้ได้เนื่องจาก เดวิด มอยส์ มีความกังวลในตำแหน่งกองกลางตัวปั้นเกมภายในทีม แต่ทว่า มิดฟิลด์ทีมชาติสเปน ไม่สนใจที่จะย้ายไปร่วมถิ่น "โอลด์ แทรฟฟอร์ด" โดยถัดมาอีกหนึ่งปีเขาได้ย้ายออกจาก บาร์เซโลน่า แต่เป็น เชลซี ที่ได้ตัวเขาไปร่วมทีม

ติอาโก้ อัลคันทาร่า (ซัมเมอร์ 2013)

ดูเหมือนในปี 2013 แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่ประสบความสำเร็จในการขอซื้อมิดฟิลด์ของ บาร์เซโลน่า สักรายแต่ วู้ดเวิร์ด ก็ยังพยายามเซ็นสัญญากับ ติอาโก้ อัลคันทาร่า ดีลนี้คงจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแล้วถ้าหากไม่มี บาเยิร์น มิวนิค เข้ามาเกี่ยวดองหนองยุ่งด้วยแถม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ "เสือใต้" ก็เป็นผู้ปลุกปั้น อัลคันทาร่า มากับมือ งานนี้ไม่ต้องสืบว่านักเตะจะเลือกใคร ?

มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ (ซัมเมอร์ 2014)

ชัดเจนว่าในตอนนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการเซ็นเตอร์แบ็คพันธุ์แกร่งที่จะมาคุมแผงหลังแทนที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับเนมานย่า วิดิช และกองหลังของ ดอร์ทมุนด์ ก็คือเป้าหมายของพวกเขาตลอดทั้งซัมเมอร์ปี 2014 ถึงแม้พวกเขาจะพยายามอย่างหนักแม้กระทั่งยอมปล่อย ชินจิ คากาวะ คืนให้ในเดือน มกราคม 2015 แต่การย้ายทีมของ ปราการหลังทีมชาติเยอรมนี ก็ไม่เคยเกิดขึ้น

โทนี่ โครส (ซัมเมอร์ 2014)

โทนี่ โครส เลือกที่จะไม่ต่อสัญญาของเขากับ บาเยิร์น มิวนิค ในซัมเมอร์ 2014 ทำให้หลายสโมสรยักษ์ใหญ่หวังที่จะดึงตัวมิดฟิลด์แชมป์โลกผู้นี้ไปร่วมทีมในราคาที่ไม่แพง หนึ่งในนั้นก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่แล้ว วู้ดเวิร์ด ก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเนื่องจาก กองกลางทีมชาติเยอรมนี เลือกที่จะย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด

นิโคลาส โอตาเมนดี้ (ซัมเมอร์ 2015)

เช่นเดียวกับ เปโดร ที่กำลังจะไปอยู่กับ เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด ได้หมายปอง ปราการหลังทีมอาร์เจนตินา ของทีม บาเลนเซีย มาตลอดทั้งซัมเมอร์นี้ และอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยมีรายงานว่า โอตาเมนดี้ เข้าตรวจร่างกายกับ แมนฯ ซิตี้ เป็นที่เรียบร้อย และเตรียมเปิดตัวเป็นแข้งใหม่ของ "เรือใบสีฟ้า" ในเร็ววันนี้อีกด้วย

เซร์คิโอ รามอส (ซัมเมอร์ 2015)

น่นอนเช่นเดียวกับ เปโดร และโอตาเมนดี้, เซร์คิโอ รามอส คือผู้เล่นที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการมาร่วมทีมตลอดซัมเมอร์นี้ โดยมีสัญญาณเตือนว่านักเตะอาจใช้ "ปีศาจแดง" เป็นเครื่องมือในการต่อสัญญาใหม่กับต้นสังกัด แต่ วู้ดเวิร์ด ไม่เชื่อพร้อมกับเดินหน้าเจรจาขอซื้อตัว กองหลังทีมชาติสเปน ต่อไป

และแล้วล่าสุดอย่างที่ทุกคนทราบกันดี รามอส ได้ต่อสัญญากับ เรอัล มาดริด ออกไปถึง 5 ปีพร้อมกับได้รับหน้าที่กัปตันทีมคนใหม่เสียด้วย บอกได้คำเดียวว่างานนี้ วู้ดเวิร์ด คงได้แต่มองตาปริบ ๆ