"แชมป์เก่า" เชลซี หมดสิทธิ์ลุ้นเข้าไปป้องกันตำแหน่งแชมป์ เมื่อต้องจอดป้ายเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังเป็นฝ่ายดวลโทษพ่าย "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ 4-5 โดยในเวลา 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ทำให้สถานการณ์ของ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือสิงห์บลูส์ย่ำแย่เข้าไปอีก ในการแข่งขันฟุตบอลแคปปิตอล วัน คัพ อังกฤษ รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันอังคารที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา

ฟุตบอลแคปปิตอล วัน คัพ อังกฤษ รอบ 16 ทีมสุดท้าย

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม 2558

สโต๊ค ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) 1-1 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)

(ต่อเวลาพิเศษเสมอกัน 1-1, สโต๊ค ซิตี้ ชนะจุดโทษ 5-4)

สนาม: บริทานเนีย สเตเดี้ยม, (สโต๊ค ออน เทรนท์)

          ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาได้แค่ 5 นาที เชลซี ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ อาซาร์ พลิกแล้วจ่ายให้กับ วิลเลี่ยน โยนให้กับ ดีเอโก้ คอสต้า ซัดทันทีแต่ไม่ผ่านมือของ อัสมีร์ เบโกวิช นายทวารของสโต๊ค ซิตี้

          สามนาทีต่อมา ฟิล บาร์ดสลี่ย์ แบ็คขวาของสโต๊ค ซิตี้ ลองส่องไกลจากระยะ 30 หลา บอลออกข้างไป

          ผ่านมา 18 นาที เชลซี ขึ้นเกมมาทาง ดีเอโก้ คอสต้า ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษไหลให้กับ ออสการ์ ซัดทันทีบอลเข้ากรอบ แต่ แจ็ค บัตแลนด์ นายทวารของสโต๊ค ซิตี ปัดข้ามคานไปได้

          สามนาทีต่อมา สิงห์บลูส์ ได้ลุ้นจากจังหวะที่กองหลังสโต๊คโหม่งลูกเตะมุมออกมาเข้าทาง ออสการ์ ที่เติมขึ้นมาทางด้านซ้ายล็อคแล้วปั่นด้วยขวาบอลเลี้ยวหลุดเสาสองไป

 
          นาทีที่ 32 เชลซี เปลี่ยนเอา ดีเอโก้ คอสต้า กองหน้าที่มีอาการบาดเจ็บชายโครงออกมาพักแล้วส่ง โลอิก เรมี่ ลงมาเล่นแทน

          เกมของเชลซี ดีกว่าตลอด อาซาร์ พลิ้วหลบคู่แข่งทางกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนยิงยัดด้วยขวาที่เสาแรก แต่ บัตแลนด์ นายทวารสโต๊ค ปัดข้ามคานไปได้อย่างยอดเยี่ยมในนาทีที่ 39

          นาทีต่อมา เชลซี น่าจะได้ประตูขึ้นนำ เมื่อ วิลเลี่ยน กระชากบอลหลอกล่อคู่แข่งทางกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนผ่านเข้ากลางให้กับ จอห์น เทอร์รี่ ไขว้หลังยิงด้วยขวาเข้าไป แต่ผู้ตัดสินไม่ให้ประตู โดยเป่าเป็นลูกล้ำหน้า จอห์น เทอร์รี่ ไปก่อนแล้ว

          ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก โอกาสดีที่สุดของสโต๊ค เมื่อ โจนาธาน วอลเตอร์ส ได้ซัดจากระยะแค่ 8 หลา แต่ไม่ผ่านการป้องกันของ อัสมีร์ เบโกวิช นายทวารของเชลซี หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0

          กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้ 7 นาที ช่างปั้นหม้อ มาได้ประตูขึ้นนำก่อนจากจังหวะที่ เกล็นน์ วีแลน เปิดให้กับ โจนาธาน วอลเตอร์ส วอลเลย์ด้วยขวาจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งวาบเสียบใต้คานเข้าไปอย่างเด็ดขาดให้ สโต๊ค นำก่อน 1-0

          ล่วงเลยมานาทีที่ 71 เชลซี น่าจะได้ประตูตีเสมอ เมื่อเล่นฟรีคิกเร็วบอลมาถึง คูร์ท ซูม่า ตะบันจากนอกเขตโทษบอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

          สองนาทีต่อมา สิงห์บลูส์ มาอีกครั้ง เคเนดี้ ที่ลงมาเป็นสำรองจากระยะ 20 หลา แต่ไม่ผ่านมือของ แจ็ค บัตแลนด์ นายทวารสโต๊ค

          แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 90+2 จากลูกเตะมุม วิลเลี่ยน เปิดโด่งไปหน้าประตู คูร์ท ซูม่า โหม่งเปลี่ยนทางไปที่เสาสองให้ โลอิก เรมี่ จับหนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยซ้ายเสยเพดานเข้าไปอย่างเฉียบขาด เชลซี ตีเสมอเป็น 1-1 ได้อย่างเหลือเชื่อ

          หลังเขี่ยบอลเริ่มเกมอีกครั้ง เคเนดี้ แย่งบอลได้ก่อนลากหลุดไป ฟิล บาร์ดสลี่ย์ ล้มตัวเตะตัดเกมจากทางด้านหลัง ผู้ตัด สินเควิน เฟรนด์ ควักใบเหลืองที่สองให้กับเจ้าตัวเป็นใบแดงต้องออกจากสนามไป สโต๊ค ซิตี้ ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน พร้อมกับจบเกมด้วยการเสมอกัน 1-1 ต้องไปตัดสินกันในช่วงต่อเวลาพิเศษแต่ก็ยังไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันได้

          ทำให้ต้องไปตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ และเป็น สโต๊ค ซิตี้ ที่เป็นฝ่ายแม่นกว่าเอาชนะไปได้ 5-4 หลัง เอแด็น อาซาร์ ที่รับหน้าที่ยิงคนที่ห้าของเชลซี โดน แจ็ค บัตแลนด์ พุ่งปัดไว้ได้

          รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
          สโต๊ค ซิตี้ : แจ็ค บัตแลนด์ - ฟิล บาร์ดสลี่ย์, ไรอัน ชอว์ครอสส์ (กัปตันทีม), ฟิลิป โวลล์สไชด์, มาร์ก มูเนียซ่า - เกล็นน์ วีแลน, ชาร์ลี อดัม, มาเม่ บีราม ดิยุฟ, อิบราฮิม อเฟลลาย - โจนาธาน วอลเตอร์ส, มาร์โก อาร์เนาโตวิช
          สำรอง: เชย์ กิฟเว่น (ผู้รักษาประตู) - สตีเฟ่น ไอร์แลนด์, ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้, มาร์ค วิลสัน, แซร์ดาน ชากิรี่, ปีเตอร์ เคร้าช์, สตีฟ ซิดเวลล์
          เชลซี : อัสมีร์ เบโกวิช - คูร์ท ซูม่า, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่ (กัปตันทีม), บาบา ราห์มาน - รามิเรส, จอห์น โอบี มิเกล - วิลเลี่ยน, ออสการ์, เอแด็น อาซาร์ - ดีเอโก้ คอสต้า 
          สำรอง: มาร์โก อเมเลีย (ผู้รักษาประตู) - ปาปี ฌิโลบ็อดชี่, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, แบร์กทร็องด์ ตราโอเร่, เคเนดี้, โลอิก เรมี่
          ผู้ตัดสิน: เควิน เฟรนด์