ก่อนที่ช้างศึกจะเปิดบ้านพบไต้หวัน ซึ่งชัยชนะเกมนี้เดิมพันต่อการเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โกล พามาเช็คความพร้อมและสถิติข้อมูลน่าสนใจ...

แข่งขัน : 12 พฤศจิกายน 2558 
สนาม : ราชมังคลากีฬาสถาน
เวลา : 19.00 น.
ถ่ายทอดสดทาง : ไทยรัฐทีวี

สภาพความพร้อม

ทีมชาติไทย : เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง มีโอกาสสูงที่จะพาทีมผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 2018 โซนเอเชีย ในรอบ 14 ปี เหมือนที่เคยทำได้สมัยเป็นนักเตะ เมื่อปี 2002 โดยล่าสุดพาทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งบุกไปถล่ม ทีมชาติเวียดนาม มาถึง 3-0 ทำให้ลงสนาม 4 นัดมี 10 คะแนนนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มเอฟ

แม้ว่าเกมนี้จะยังต้องรอเช็คความฟิตคีย์แมนคนสำคัญอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่มีอาการบาดเจ็บ แต่หากลงสนามไม่ได้ยังมี สรรวัชญ์ เดชมิตร มิดฟิลด์วัย 26 ปีที่พร้อมทดแทนเหมือนในเกมเปิดบ้านเสมอทีมชาติอิรัก 2-2 เคียงข้างแดนกลางอย่าง ปกเกล้า อนันต์ และ สารัช อยู่เย็น

ขณะที่คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟจากการที่ กรวิทย์ นามวิเศษ กองหลังที่ลงสนามครบ 4 นัดมีอาการบาดเจ็บ ซี่งไม่ได้อยู่ในทีมชุดนี้ คาดว่า สุทธินันท์ พุกหอม น่าจะได้โอกาสกลับมาปักหลักเกมรับร่วมกับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์

ส่วนแกนหลักรายอื่นอยู่ครบครัน แน่นอนว่าพวกเขาจะยึดผู้เล่นจากเกมชนะทีมชาติเวียดนาม ที่กำลังลงตัวทั้งหมด นำโดยดาวยิง ธีรศิลป์ แดงดา ผู้ทำสองประตูใส่ไต้หวันในแมตซ์แรก ขนาบข้างด้วย มงคล ทศไกร และ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ รวมถึง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เฝ้าเสา

ทีมชาติไต้หวัน : เฉิน กุ้ย เจิน หัวหน้าผู้ฝึกสอนพาทีมเดินทางมาเตรียมความพร้อมที่ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยล่าสุดเปิดบ้านพ่าย ทีมชาติเวียดนาม หวุดหวิด 1-2 ทำให้ลงสนาม 3 นัดยังไม่มีคะแนนและ รั้งบ๊วยของกลุ่มเอฟ ซึ่งโอกาสผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้าย ในทางปฏิบัติแทบเป็นศูนย์

อีกทั้งเกมนี้ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน ฉู่ เอิน เล่อ หรือ โอนูร์ โดกัน กองหน้าเชื้อสายตุรกี ที่กระดูกหักบริเวณนิ้วมือ และไม่อยู่ในทีมชุดนี้ แต่ก็ได้ เฉิน ป๋อ เหลียง กัปตันทีมตามมาสมทบหลังเกมอุ่นเครื่องที่ปราชัยต่อ โอสถสภาฯ 2-0 และมีเวลาซ้อมกับทีมเพียงแค่ 2 วัน

อย่างไรก็ตามแม้ทุกอย่างจะดูเป็นรองสุดกู่ แต่พวกเขาจะลงเล่นโดยปราศจากความกดดันและอาศัยสปิริตเข้าสู้ นำโดยมิดฟิลด์หมายเลข 10 อย่าง หลิน ชางหลุน พร้อมแกนหลักที่เหลือทั้ง อู๋ จวิ้นชิง และ เวิน จื้อห่าว ที่ยิงไปคนละ 1 ประตูในรอบนี้

11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

ทีมชาติไทย (4-3-3)
กวินทร์
ทริสตอง , ธนบูรณ์ , สุทธินันท์ , ธีราทร
ปกเกล้า , สารัช , สรรวัชญ์ 
มงคล , ธีรศิลป์ , เกริกฤทธิ์

ทีมชาติไต้หวัน (4-5-1)
ชิว อวี้หง
ซาเวียร์ เฉิน , เฉิน อี้ เหวย , อิน หย่าจี๋ , เฉิน ถิงหยาง
เวิน จื้อ ห่าว , เคอ อวี้ถิง , เหวย อวี้เหริน , เฉิน ป๋อ เหลียง , เฉิน อี้เหวย
อู๋ จวิ้นชิง

ข้อมูลและสถิติที่น่าสนใจ

• ตามบันทึกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่าในเกมอย่างเป็นทางการ ทั้งคู่พบกันมา 8 นัด ทีมชาติไต้หวัน มีสถิติดีกว่า ชนะ 4 เสมอ 1 ส่วนทีมชาติไทย ชนะ 3 นัด
• 4 นัดที่ทีมชาติไทย แพ้ ทีมชาติไต้หวัน เกิดขึ้นเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ระหว่างปี 1965-1974
• ผลการแข่งขันนัดล่าสุดที่พบกันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2015 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย โดย ทีมชาติไทย เป็นฝ่ายบุกไปเอาชนะ ทีมชาติไต้หวัน 2-0
• ชัยชนะนัดดังกล่าวของทีมชาติไทย ซึ่ง ธีรศิลป์ แดงดา เหมาคนเดียวสองประตู ถือเป็นสกอร์ที่อดีตกองหน้าอัลเมเรีย ยิงให้ทัพช้างศึกได้ในรอบ 2 ปี
• เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นเจ้าของดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติไทยด้วยผลงาน 70 ประตูจาก 131 นัด ส่วนทีมชุดนี้เป็น ธีรศิลป์ แดงดา ที่กดไปแล้ว 32 ประตูจาก 67 นัด รั้งอันดับ 6 ในชาร์จดาวซัลโวของทัพช้างศึก
• ปัจจุบัน ทีมชาติไทย อยู่ในอันดับ 144 ของโลก ส่วน ทีมชาติไต้หวัน 187 ของโลก ซึ่งรั้ง 5 อันดับท้ายของทีมในทวีปเอเชีย จากการจัดอับดับของฟีฟ่าในเดือนพฤศจิกายน