ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ฟุตบอลไทย » GIVE A SHOUT! : เซอร์จินโญ ฟาน ไดค์ "ผมไม่ใช่จ้าวเวหาตั้งแต่เด็ก"

GIVE A SHOUT! : เซอร์จินโญ ฟาน ไดค์ "ผมไม่ใช่จ้าวเวหาตั้งแต่เด็ก"

Posted 02/12/2015 by goal.com

 

ศูนย์หน้าผู้น่ารัก เจ้าของฉายา “หลวงพี่” ระเบิดฟอร์มต่อเนื่องในช่วงหลัง และกลายเป็นกำลังหลักของสุพรรณบุรี เวลานี้

เมื่อปีก่อนหลายคนต่างมองว่าเขาเป็นตัวตลก และแปลกใจสำหรับการซื้อตัวของสุพรรณบุรี แต่ ณ เวลานี้ เซอร์จินโญ ฟาน ไดค์ กลายเป็นนักเตะอาเซียนที่ทำประตูใน โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ลีกได้มากที่สุด

เส้นทางจากการเป็นคู่หูของ อาร์เยน ร็อบเบน ในสมัยเยาวชนที่ เอฟซี โกรนิงเก้น สู่ ออสเตรเลียน ลีก จนปัจจุบัน โชคชะตานำพาให้เขามาสู่สยามประเทศ

จอมโขกหัวติดเรดาร์ ไม่เคยสนใจว่าใครจะมองว่าเขาอย่างไร เขาเพียงแต่ทำหน้าที่ของตัวเอง จนตอนนี้ซัดไปแล้ว 13 ประตู โกล ประเทศไทย อาสาพามาจับเข่าคุยกับ กองหน้าผู้ที่แฟนบอลหลายรายเรียกเขาว่า “หลวงพี่”

จากตัวตลกสู่ดาวซัลโวประจำทีม

สถานการณ์ปัจจุบัน

“ตอนนี้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับการไล่ล่าอันดับ 3 เราชนะมาหลายเกมติดแล้ว ตอนนี้เราต้องลุ้นกับหลายทีม โดยเฉพาะกับชลบุรีที่ครองอันดับนี้อยู่ แต่แน่นอน เราอยากจะชนะทุกนัดเพื่อจบที่สามให้ได้”

“ส่วนผลงานของตัวเอง ผมมีความสุขมาก อย่างเกมล่าสุดที่เจอชัยนาท มันเป็นเกมที่ยากนะ แต่ผมก็มีความสุขที่ยิงประตูได้ และยิ่งมีความสุขที่เราชนะ ผมคิดว่าเราพร้อมที่จะสู้กับทุกทีม เราดีกว่าตอนออกสตาร์ทมาก ผมมั่นใจในตัวเองตอนนี้มาก เพราะโค้ชให้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง ผมรู้สึกดีกับทีม เรามีนักเตะที่ดีมากมายทั้ง จักรพันธ์, อังเดร หลุยส์, คาร์เมโล รวมถึงทุกคน เราทำได้ดีมาก ผมมีความสุขมากที่ได้อยู่กับสุพรรณบุรี”

“ผมเป็นนักเตะที่ทำประตูให้สุพรรณบุรีได้มากที่สุด แต่มันก็ไม่ได้พิเศษอะไรมาก ผมชอบยิงประตูมากๆ ผมชอบการเล่นของตัวเอง แต่สิ่งสำคัญคือการช่วยให้ทีมได้ที่สามและไปเล่นในถ้วยฟุตบอลเอเชีย นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทีม”

จุดเริ่มต้นของการค้าแข้ง

“ผมเกิดที่เนเธอร์แลนด์ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ 6 ขวบกับสโมสรกึ่งอาชีพ และพออายุ 13 ปี ผมก็ได้ไปเล่นกับสโมสรฟุตบอลอาชีพ อย่าง เอฟซี โกรนิงเก้น ผมได้เล่นกับอาร์เยน ร็อบเบนด้วยนะ”

“แต่พออายุ 19 ปี ผมก็ต้องย้ายไปอยู่กับทีมในระดับดิวิชั่น 2 เพื่อให้ตัวเองได้ลงสนามมากขึ้น และผมก็อยู่ที่นั่นต่อไปประมาณ 6 ปี ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วล่ะที่ผมต้องเปลี่ยนอะไรบางอย่างเพื่อให้เจอสิ่งที่ดี ขึ้น”

“ตั้งแต่ผมเล่นฟุตบอลมา ผมเล่นเป็นกองหน้ามาตลอด เดี๋ยว ไม่ใช่สิ ตอนเด็กๆ ผมจำได้ว่าผมเล่นเป็นมิดฟิลด์ฝั่งซ้ายก่อน จนถึงอายุ 13 ปี แต่มีเกมหนึ่ง ตอนเล่นให้โกรนิงเก้น ผมยิงได้สองประตู หลังจากนั้นผมก็เป็นกองหน้ามาตลอดเลย” 

“แต่ประตูแรกที่ผมยิงได้ ผมใช้เท้ายิงนะ ไม่ใช่หัว (หัวเราะ) ตอนผมอายุ 17 ปี ผมเพิ่งยิงด้วยหัวเป็นครั้งแรกเอง ไม่ใช่ว่าผมจะชอบโหม่งแต่เด็ก แต่ประตูนั้นก็เป็นประตูชัยช่วยให้โกรนิงเก้นชนะทีมไหนสักทีม 3-2 และหลังจากนั้นผมก็รู้สึกชอบเล่นลูกกลางอากาศมาตลอดเลย”

ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะทำประตูจากหัวได้มากกว่าเท้า

ชีพจรลงเท้าสู่ทวีปเอเชีย

“ตอนแรกผมก็หาทางที่จะได้เล่นลีกในสูงสุดของฮอลแลนด์ต่อ แต่บังเอิญผมได้รับข้อเสนอจากทีมในออสเตรเลีย มันเป็นประสบการณ์แรกนอกยุโรปของผมเลยนะ และเป็นข้อเสนอที่ดีมาก ผมมีความสุขมาก นั่นน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ผมค้าแข้งมาเลยนะ ผมกลายเป็นดาวซัลโวของลีก และได้ย้ายไปอยู่กับอะเดเลด หลังจากนั้นก็ย้ายไปอินโดนีเซีย เพราะแม่ของผมเป็นชาวอินโดนีเซีย และมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับที่นั่น”

“หลายคนอาจจะคิดว่าการเป็นดาวซัลโว เอ-ลีก มันง่าย แต่ผมก็มีความสุข เพราะนั่นคือเกียรติประวัติอย่างหนึ่ง บอลออสเตรเลียอาจจะไม่ได้ดีเท่ายุโรป แต่มันก็ไม่ง่ายหรอก เพราะคุณต้องแข็งแกร่ง ต้องฟิตตลอดตั้งแต่เริ่มเกม และตอนนี้มันก็พัฒนาขึ้นมามาก ส่วนตัวผมแล้ว การเป็นดาวซัลโวที่นั่นต้องฟอร์มดีด้วย เช่นเดียวกับ แอนดี้(คีโอห์) ที่เคยอยู่ราชบุรี เขาก็เป็นดาวซัลโวที่นั่นมาเหมือนกัน แน่นอนว่าการเป็นดาวซัลโวจะทำให้ทุกคนจดจำชือของคุณได้”

เคยยิงถล่มทลายจนคว้ารางวัลดาวซัลโว เอลีก

ก้าวสู่สยามประเทศ

“ตอนที่ผมย้ายมาสุพรรณ ตอนแรก ผมไม่รู้เรื่องหรือรู้จักไทยลีกเลยนะ แต่ผมเคยได้ข้อเสนอจาก บางกอกกล๊าส และได้คุยกับ ฟิล สตั๊บบินส์ แต่ตอนนั้นผมไม่ต้องการย้ายมา เพราะผมยังมีสัญญากับสโมสรในออสเตรเลียอยู่ แต่หลังจากนั้นผมก็ได้ลองหาข้อมูลดูบ้าง”

“หลังจากนั้น ผมก็ย้ายไปค้าแข้งในอิหร่าน (กับเซปาฮาน) แล้วสุพรรณบุรีก็ติดต่อมาหาผม ผมลองหาข้อมูลดู และรู้ว่าสุพรรณบุรีอยู่ใกล้ๆ กรุงเทพ พร้อมกับลองเช็คดูว่าสโมสรว่าเป็นอย่างไร ผมพบว่าพวกเขามีแผนการที่ดีมาก พวกเขามีพัฒนาการ เติบโตขึ้นในทุกๆ ปี พวกเขาก้าวขึ้นมาจากดิวิชั่นสอง สู่ดิวิชั่น 1 และมาอยู่ในลีกสูงสุด”

“ผมคิดว่าคุณท็อป เป็นประธานสโมสรที่ยอดเยี่ยมมากและมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล สุพรรณบุรี มีทุกอย่างที่สโมสรที่ดีควรมี ทั้งความสะดวก สนาม แฟนบอล นั่นคือเหตุผลที่ผมย้ายมาที่นี่”

“สถานการณ์เมื่อปีก่อน มันไม่ดีเลยนะ ผมคิดว่าเป็นเพราะผมต้องใช้เวลาเพื่อปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลไทย เพราะผมเพิ่งย้ายมา และเข้ามาช่วงกลางฤดูกาลด้วย ผมต้องพยายามสอดแทรกเป็นตัวจริงให้ได้ ในทีมมีนักเตะเก่งๆ หลายคน มันยากมากนะ และผมก็ไม่ได้ยิงประตูมากมาย แต่ผมก็มีความสุข คุณท็อปบอกผมว่า เขายังมั่นใจในตัวผม และให้ผมอยู่กับทีมต่อไปอีกปี”

สถานการณ์เมื่อปีก่อน ที่ไม่เป็นใจสำหรับหลวงพี่

ปีทองกับโค้ชโย่ง

“แต่ก็อย่างที่เห็น ตอนแรกผมเป็นตัวสำรองมาตลอดในยุคของแซร์โจ้ ฟาริอาส มันไม่ดีเลยนะ แต่พอเขาไป สถานการณ์ของผมก็ดีขึ้นหลังจากที่โค้ชโย่งเข้ามา นั่นเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับผม และผมก็มีความสุขมาก”

“ผมกับโค้ชโย่งมีสไตล์การเล่นที่คล้ายกัน เราชอบเล่นลูกกลางอากาศ และเขารู้ว่ากองหน้าแบบผมต้องทำยังไง เรามีปีกดีๆ มากมายทั้งจักรพันธ์, ทศพล, ชาคริต และอังเดร หลุยส์ พวกเขาผ่านบอลได้ดีมาก ทำให้ผมยิงประตูง่าย โค้ชโย่งเองก็รู้ว่าผมต้องทำอย่างไร เพราะมันเหมือนกับที่เขาทำในอดีตและยิงประตูได้มากมาย นั่นคือเหตุผลที่เราประสานงานกันได้ดี”

“ตอนที่ผมเป็นดาวซัลโว ลีกออสเตรเลีย ผมคิดว่ามากกว่าครึ่งที่ผมทำประตูได้มาจากการโหม่ง ผมทำได้หลายประตูมากเลยนะ เพราะผมมีปีกที่ดีคอยซัพพอร์ตเสมอๆ ถ้าเขาโยนเข้ามาดี ทุกอย่างมันก็ง่าย เพราะผมมีอาวุธอยู่ที่ตรงนี้ เช่นเดียวกับที่ผมทำได้ในไทยลีกตอนนี้”

“ฉายาของผมหรอ เขาเรียกผมฟานไดค์ ใช่ไหม เอ้ยไม่ใช่สิ หลวงพี่ (หัวเราะ) ผมชอบนะ มันเป็นเพราะผมไม่มีเส้นผมบนหัว และก็ดูคล้ายพระ ซึ่งมันตลกดี ผมไม่ซีเรียสเลย ผมชอบด้วยซ้ำ และคิดว่าแฟนบอลก็น่าจะชอบด้วย”

นอกจากเป็นขวัญใจของสุพรรณบุรี แล้วยังเป็นขวัญใจของ อะดิเลด ยูไนเต็ด และ บริสเบน โรร์ ด้วย

ทีมชาติที่ถูกแบน

“เกี่ยวกับสถานการณ์ในทีมชาติ ผมตัดสินใจเล่นให้อินโดนีเซีย ผมคิดว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีนะ เพราะผมได้เล่นในบ้าน มีแฟนบอลเข้ามาเต็มสนามเสมอ ประมาณสัก 70,000 คน และผมก็ภูมิใจด้วย ผมมีคอนเนคชั่นที่ดีกับสมาคมฟุตบอลที่นั่น ผมรู้จักวัฒนธรรมที่นั่นดี 

“น่าเสียดายที่เราไม่ได้เล่นกับทีมชาติไทยในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก มันน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดี เพราะผมอยู่ในไทยลีก ผมเองก็อยากลงเล่นในราชมังคลาฯ แบบมีคนดูเข้าชมเต็มสนามดูบ้าง”

“ผมมีประสบการณ์ในราชมังฯ แค่ตอนที่เจอกับโอสถสภาฯ เท่านั้น ซึ่งก็มีแฟนบอลไม่เยอะเท่าไหร่”

อนาคต

“เกี่ยวกับอนาคตของผม ตอนนี้มันยังไม่ชัดเจน เอเยนต์ผมบอกว่ามีทีมในมาเลเซียสนใจผม แต่ผมหวังว่าเราจะหาทางออกได้เร็วที่สุด แต่นั่นเป็นงานของเอเยนต์ ผมขอโฟกัสที่สามนัดสุดท้ายในฤดูกาลนี้ของผมกับสุพรรณบุรี หลังจากนั้นเราค่อยมารอดูกันว่าผมจะไปอยู่ที่ไหน แต่ผมยังหวังนะว่าจะได้อยู่สุพรรณบุรีต่อ เพราะที่นี่เป็นสโมสรที่ดี และประธานสโมสรก็น่ารักกับผมมาก รวมถึงไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไร” 

มาดดุในสนามแต่นอกสนามคือหลวงพี่ของทุกคน

มหามิตรไทยแลนด์

“ผมมีความสุขกับแฟนบอลในไทยมากเลยนะ โดยเฉพาะแฟนๆ ในสุพรรณบุรีที่ซัพพอร์ตเรามาตลอด ผมมีความสุขที่ได้แสดงให้เห็นว่าผมทำอะไรได้บ้าง หวังว่าทุกคนจะยังรักฟุตบอลไทยไปตลอด เพื่อฟุตบอลไทยจะได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างที่คุณเห็นตอนนี้ ไทยคือทีมที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขามีโอกาสกลายเป็นทีมใหญ่ในเอเชียได้ รวมถึงสร้างเซอร์ไพรส์ในฟุตบอลโลก ผมคิดว่าทีมชาติไทยทำได้ดี ถ้าพวกเขามีโชค และแฟนบอลยังสนับสนุนกันแบบนี้ โดยเฉพาะเกมในบ้าน พวกเขาก็มีโอกาส แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเกมในวันนั้น และหลายๆ ปัจจัย”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »