แนวรุกชาวออสเตรียระเบิดฟอร์มเหมาคนเดียว 2 ประตู พาทัพเดอะ พ็อตเตอร์สเปิดบ้านเก็บชัยเหนือเรือใบสีฟ้าได้อย่างยอดเยี่ยม

มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือเจ้าบ้าน กลับมาใช้บรรดาตัวหลักที่ได้พักในศึกแคปิตอล วัน คัพที่ชนะเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 2-0 เมื่อคืนวันอังคาร ลงเป็น 11 คนแรกอีกครั้ง ได้แก่ ไรอัน ชอว์ครอสส์, เซอร์ดาน ชากิรี, โบยาน เกร์กิช รวมถึง เกล็นน์ วีแลน ที่ลงเป็นตัวสำรองในเกมนั้นด้วย

ด้านทีมเยือนของ มานูเอล เปเยกรินี ได้รับข่าวดีเมื่อผู้รักษาประตูมือ 1 อย่าง โจ ฮาร์ท สลัดอาการบาดเจ็บฟิตสมบูรณ์กลับมาลงเฝ้าเสาอีกครั้ง ขณะที่ตัวหลักซึ่งได้พักหรือลงเป็นสำรองในเกมลีกคัพเมื่อคืนวันอังคารที่ ถล่มฮัลล์ ซิตี้ 4-1 อย่าง อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, มาร์ติน เดมิเคลิส, แฟร์นันโด และ ราฮีม สเตอร์ลิง ก็ได้กลับมาลงตัวจริงอีกครั้ง

เริ่มเกมได้เพียง 7 นาทีเท่านั้น เป็นสโต๊คที่พังประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ ชากิรี กระชากหนีแนวรับซิตี้ไปจนสุดเส้นหลังฝั่งขวาก่อนจะเปิดเข้ากลางให้ มาร์โก อาร์เนาโตวิช เข้าฮอร์สจ่อๆเข้าไป ส่งให้ช่างปั้นหม้อออกนำตั้งแต่ไก่โห่ที่ 1-0

ถัดมานาทีที่ 15 เดอะ พ็อตเตอร์สมาบวกลูกสองเพิ่มได้อีกต่อเนื่อง จากจังหวะที่ ชากิรี เจ้าเก่าจ่ายทะลุช่องเข้าเขตโทษให้ อาร์เตาโนวิช คนเดิม ยิงด้วยขวาสวนตัว ฮาร์ท เข้าไป เป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ด้วย ช่วยให้เจ้าบ้านหนีห่างเป็น 2-0

หลังจากยังเป็นสโต๊คที่อาศัยจังหวะสวนกลับเร็วจนเกือบจะใส่สกอร์ที่สาม เพิ่มอีกหลายครั้ง แต่ยังทำไม้สำเร็จ ทำให้จบ 45 นาทีแรกยังเป็นที่นำอยู่ 2-0 เท่าเดิม

เข้าสู่ครึ่งหลังซิตี้ซึ่งตามหลังอยู่ถึง 2 ลูก ไม่มีทางเลือกต้องส่งตัวสำรองลงมาครบโควต้า 3 คนเริ่มจาก ฟาเบียน เดลฟ์ แทน แฟร์นันดินโญ นาทีที่ 56 ตามด้วย เคเลชิ อิเฮียนาโช แทน วิลเฟรด โบนี ในนาทีต่อมา และคนสุดท้ายคือ เฆซุส นาบาส แทน ซิลบา ที่โชว์ฟอร์มไม่ออก ในนาทีที่ 62

อย่างไรก็ตาม จนแล้วจนรอดเรือใบสีฟ้าก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของช่างปั้นหม้อได้เลย แถมยังต้องจำใจเล่น 10 คนในช่วงท้ายเกม หลังจากที่ แฟร์นันโด บาดเจ็บจนฝืนเล่นต่อไม่หว และทีมเปลี่ยนตัวครบไปแล้วด้วย 

สุดท้ายจบเกมเป็นสโต๊ค ซิตี้ ที่เปิดบริทานเนีย สเตเดี้ยมเอาชนะไปได้สำเร็จ 2-0 เก็บเพิ่มเป็น 22 แต้ม แซงขึ้นมารั้งที่ 8 ชั่วคราวแล้ว ส่วนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังอยู่อันดับ 1 ของตาราง มี 29 คะแนนเท่าเดิม แต่มีโอกาสโดนทีมที่ตามหลังอยู่อย่างเลสเตอร์, แมนฯยูฯ และอาร์เซนอล แซงหน้าสูงมาก