ผ่านไปแล้วในปี 2558 เหตุการณ์ที่เป็นที่สุดของวงการมวยของปีที่ผ่านมาจะมีเรื่องราวอะไรที่น่า สนใจบ้าง เรามาย้อนรอยเรื่องราวทั้งหมดในวันนี้..................

ลุมพินีวิกฤตหนัก "เน้า" ขอลา

        ถึงจะผ่านไปสองปีแล้ว สถานการณ์ของ "วิกทหาร" สนามมวยลุมพินี ณ รามอินทรา ก็ยังไม่ดีขึ้น ภาพรวมถือว่าวิกฤติหนักทีเดียว เพราะโปรโมเตอร์แทบทุกศึก จัดแล้วขาดทุนกระเป๋าฉีกกันทั่วหน้า มีเพียง "บิ๊กชุ้น" พีรพงศ์ ธีระเดชพงศ์ เจ้าของศึกเกียรติเพชร เพียงรายเดียวที่จัดแล้วได้กำไร กลายเป็นโปรโมเตอร์ยอดนิยมแห่งยุค ที่แฟนมวยให้ความศรัทธาสูงมาก แฟนคลับเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาใหญ่ของเวทีลุมพินีสนามใหม่นี้ก็คือ จำนวนชาวต่างชาติที่น้อยลงกว่าวิกพระราม 4 มาก และแฟนคนไทยก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ บางนัดเก็บได้แค่ 3 แสนบาท น่าใจหายมาก โปรโมเตอร์ชักออกอาการท้อเหมือนกัน โดย "เสี่ยเน้า" วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ เจ้าของศึกเพชรยินดี ที่เป็นโปรโมเตอร์ลุมพินีมาถึง 33 ปี ตัดสินใจลาออก เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 58 ซึ่งจัดเป็นนัดสุดท้ายวันเกิดสนาม แต่ถึงกระนั้นปีนี้ทางเวทีก็ได้แต่งตั้ง "ผู้พันแอล" พันตรี (หญิง) ภณิชชา ธีระเดชพงศ์ ลูกสาวชุ้นขึ้นมาเป็นโปรหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ และเธอก็สร้างความฮือฮาจัดนัดปฐมฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 58 เก็บค่าชมทะลุ 3 ล้านบาทอย่างงดงาม
 

      มวยซีเกมส์ตกต่ำที่สุด 2 ทอง

        เมื่อกลางปี สมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย ถูกวิพากษ์วิจารณ์โจมตีอย่างหนัก หลังจากผลงานของนักชกเสื้อกล้ามที่ส่งไปแข่ง กีฬาซีเกมส์ ที่ประเทศสิงคโปร์ ทั้งชายและหญิง ล้มเหลวไม่เป็นท่า คว้ามาได้แค่ 2 เหรียญทองเท่านั้นจาก วุฒิชัย มาสุข กับ ทัศมาลี ทองจันทร์ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 58 ว่ากันว่าซีเกมส์หนนี้เป็นครั้งประวัติศาสตร์ ที่ทีมกำปั้นไทยคว้าเหรียญทองได้น้อยสุด ทั้งที่ส่งแข่งทั้งชายและหญิง และเป็นเจ้าสังเวียนมาหลายสมัย ซึ่งจากความตกต่ำจากศึกซีเกมส์ ก็ทำให้ "บิ๊กบางจาก" พิชัย ชุณหวชิร นายกสมาคม สั่งเปลี่ยนทีมดูแลแคมป์ทีมชาติใหม่ทันที โดยตั้งให้ สมชาย พูลสวัสดิ์ ขึ้นเป็นประธานพัฒนาเทคนิค และชู "ตลาดแขก" น.อ.ทวีวัฒน์ อิสลาม เป็นหัวหน้าโค้ช พร้อมมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารอีกหลายตำแหน่งด้วย
  
 

      ย้อนยุค "ผู้พันยอด-สมรักษ์"

        "ผู้พันยอด" น.ท.ยอดวันเผด็จ สุวรรณวิจิตร อดีตยอดมวยไทยชื่อดังและเคยเป็นโปรโมเตอร์เวทีราชดำเนิน คืนสังเวียนในแบบมวยย้อนยุคอีกถึง 2 ไฟต์ในปีนี้ โดยเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 58 ขึ้นชกกับโปรโมเตอร์เวทีลุมพินีคนปัจจุบัน "ทนายต๋อย" สมบูรณ์ นิรุตติเมธี และวันที่ 2 เม.ย.58 ล้างตากับ สมรักษ์ คำสิงห์ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกคนแรก ผลปรากฏว่าไฟต์ที่ชกกับทนายต๋อย เวทีลุมพินี ผู้พันยอดหยิบสดเดิมพัน 3.5 ล้านบาทไปแบบเบิร์ดๆ เอาชนะทีเคโอไปในยกที่ 3 แบบที่ทนายต๋อยไม่ยอมออกจากมุม หลังถูกต่อยร่วงนับ 8 ยกสอง ส่วนไฟต์ที่ชกกับสมรักษ์ ที่เวทีราชดำเนิน มีเดิมพันกันร่วม 4 ล้านบาท เกิดปัญหาขึ้นเมื่อกรรมการไม่กล้าออกคะแนน ตัดสินให้เสมอกัน สร้างความไม่พอใจให้กับกองเชียร์ฝ่ายสมรักษ์อย่างมาก สามารถ พยัคฆ์อรุณ ขึ้นไปโวยลั่นบนเวทีเลย และจากปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนั้น มวยย้อนยุคก็ไม่ได้รับความนิยมบนเวทีเมืองกรุงอีกต่อไป
 

      "บัวขาว" ช็อกโลกพ่ายแตกยับ

        ยอดมวยไทยขวัญใจระดับโลก "เจ้าดำ" บัวขาว บัญชาเมฆ ในวัย 33 ปี ขึ้นชก ศึกท็อปคิงส์ เวิลด์ ซีรีส์ ที่เกาะฮ่องกง เมื่อวันที่ 28 ก.ค.58 ฮือฮาสนั่นโลกเมื่อพลิกพ่ายคะแนน คาห์ยาน ดิซานิเยฟ ยอดมวยรัสเซีย ไปแบบที่ตัวเองเจอศอกหน้าแหกแตกยับ เป็นการแพ้ที่บอบช้ำที่สุดอีกครั้งหนึ่งในชีวิตพ่อค้ากำปั้น โดนหมอเย็บถึง 19 เข็ม ซึ่งที่ผ่านมาบัวขาวปราบนักมวยนานาชาติไม่แพ้ใครมาหลายปี พอพลิกล็อกแพ้ครั้งแรกแฟนคลับทั่วโลกจึงช็อกมาก แต่ก็เป็นไฟต์ที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ประทับใจคนดูทั่วโลกที่ได้ชม และมีจำนวนไม่น้อยที่มองว่าบัวขาวไม่น่าแพ้ เพราะออกอาวุธได้จะแจ้งสวยงามกว่า และนักชกหมีขาวก็เจ็บหนักจนต้องขอยอมแพ้ในรอบต่อไปเลยด้วย
 

      "อำนาจ" ชนะหมิงแชมป์โลกแห่งปี

        ปีนี้ถือว่าเป็นปีทองของ แชมป์โลกรุ่นฟลายเวต IBF สหพันธ์มวยนานาชาติ "เจ้าเพชร" อำนาจ เกษตรพัฒนา ซึ่งเมื่อกลางปีคว้ารางวัลถ้วยพระราชทาน นักกีฬาอาชีพยอดเยี่ยม ของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬา และล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ก็เพิ่งได้รางวัล นักกีฬาอาชีพดีเด่น ของ กกท. โดยไฟต์ที่สร้างชื่อให้อำนาจเป็นยอดมวยระดับโลก ก็คือไฟต์สอนเชิงชนะคะแนน ซู ชิ หมิง ซูเปอร์สตาร์ยอดมวยจีน เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 3 สมัย คู่ปรับเก่าจากมวยสากลสมัครเล่น ที่เกาะมาเก๊า โดยก่อนการชกบ่อนพนันเปิดให้หมิงเป็นต่อราคา 5-2 แต่พอปะทะฝีมือกันบนเวทีแล้ว อำนาจเร็วกว่า ออกหมัดได้แม่นยำกว่า เอาชนะแต้มไปขาดลอย ทำเอาเจ้าหมิงเสียฟอร์มเสียคนแทบจะแขวนนวมไปเลย ปีนี้อำนาจเป็นแชมป์โลกที่มีผลงานโดดเด่นที่สุด เพราะป้องกันเข็มถึง 3 ครั้ง
 

      "วุฒิชัย" คว้าโควตาอลป.คนแรก

        "เจ้าเอ็ม" วุฒิชัย มาสุข คือ นักชกเสื้อกล้ามไทยคนแรก ที่ชิงตั๋วได้โควตาไปแข่งกีฬาโอลิมปิก ริโอ เกมส์ ประเทศบราซิล เดือนสิงหาคมปี 59 นี้ โดยนักชกชาวบุรีรัมย์เป็นหนึ่งเดียวที่ คว้าเหรียญทองแดง จากรายการ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ที่ประเทศกาตาร์ กู้ชื่อให้สมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย และก่อนหน้านั้นเขาก็คว้าเหรียญทองศึกชิงแชมป์เอเชีย จากผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้วุฒิชัยได้รับการยกย่องจาก "ไอบ้า" ยกให้เป็นนักชกตัวเต็งเหรียญทองโอลิมปิก ในรุ่น 64 กก. ส่วนผลงานสร้างชื่อของสมาคมมวยฯ ในปีนี้ก็คือได้เป็นเจ้าภาพจัดศึกชิงแชมป์เอเชีย (ชาย) และนักมวยคว้าเหรียญทองได้ถึง 4 คน จาก ฉัตร์ชัย บุตรดี, วุฒิชัย มาสุข, เปี่ยมวิไล เล่าเปี่ยม และ ทัศมาลี ทองจันทร์
 

        "แบงค์" ยอดมวย "เสกสรร" จอมดีเดือด

        6 มีนาคม ของทุกปี คือวันประกาศรางวัลเกียรติยศคนกีฬา "สยามกีฬาอวอร์ดส์" สำหรับปีนี้ "กีฬามวย" มีสองรางวัลสร้างชื่อ ซุปเปอร์แบงค์ ม.รัตนบัณฑิต ได้เป็น นักมวยไทยยอดเยี่ยม ซึ่งจากผลงานเมื่อปีกลายต่อเนื่องจนถึงต้นปี "เจ้าแบงค์" โชว์ฟอร์มสุดยอดฝีมือ กวาดรางวัลเกียรติยศยอดมวยไปครองถึง 7 สถาบัน และหลังจากชกชนะ เมืองไทย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม เมื่อเดือน ม.ค. ต้นปีแล้ว เขาก็เบนเข็มไปชกมวยเสื้อกล้าม ติดทีมชาติจนมาถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นในปีนี้ยังมีการมอบรางวัล "จอมดีเดือด" ให้กับนักมวยไทยที่ชกสนุก ประทับใจคนดูเพิ่มอีกรางวัล ตกเป็นของ "คนไม่ยอมคน" เสกสรร อ.ขวัญเมือง ที่ได้รับเสียงโหวตชนะ ธนญชัย ธนกรยิม กับ พรเสน่ห์ ศิษย์มนต์ชัย ซึ่งปีนี้เป็นปีทอง "บังสรร" ด้วยเหมือนกัน เพราะได้รางวัล นักมวยไทยยอดเยี่ยมเวทีราชดำเนิน และ นักมวยไทยดีเด่น กกท.
 

      "ผึ้งหลวง" แชมป์ WBO สมัยที่ 2

        "เจ้าบอมบ์" ผึ้งหลวง ส.สิงห์อยู่ นักชกประวัติศาสตร์ที่เคยไปคว้าแชมป์โลกที่ฟิลิปปินส์ได้เป็นคนแรก กลับมาผงาดครองบัลลังก์โลก รุ่นแบนตั้มเวต WBO สถาบันองค์กรมวยโลก อีกสมัย อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อไล่ทุบ เรียว อกาโฮ นักมวยญี่ปุ่น ม่อยกระรอกแค่ยก 2 เผด็จศึกอย่างง่ายดาย ในการชกที่ จ.ราชบุรี สะใจชาวไทยทั้งประเทศ "มาดามโอ๋" ปริยากร รัตนสุบรรณ ยอดโปรโมเตอร์หญิงยอดเยี่ยม 6 ปีซ้อนของ WBO สร้างชื่อกระหึ่มโลก ตัดสินใจไม่ผิดที่ทุ่มเงินร่วมสิบล้าน ประมูลจัดศึกไฟต์บังคับครั้งนี้ในเมืองไทย เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 58 ส่วนการป้องกันแชมป์ไฟต์แรกในสมัยที่สอง ผึ้งหลวงจะเจอกับนักมวยฟิลิปปินส์ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 59 นี้
 

      ศึกรวมพลคนแปดริ้วยอดเยอะสุด

        ศึก ต.ชัยวัฒน์+รวมพลคนแปดริ้ว เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 58 ณ เวทีราชดำเนิน ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นรายการที่เก็บค่าผ่านประตูได้มากที่สุดใน พ.ศ.นี้ โดยมีโต้โผคนสำคัญคือ ส.จ.วิชิต อ่องละออ ประสานใจขอมวยดังของ "บิ๊กซ้ง" ทรงชัย รัตนสุบรรณ และ "ชุ้น เกียรติเพชร" พีรพงศ์ ธีระเดชพงศ์ มาประกบคู่ในฝัน แฟนมวยฮือฮาทั้งประเทศ ซึ่งก่อนหน้านั้น ส.จ.วิชิต ออกข่าวประกบมวยรายการนี้ ถูกมองว่าคงจัดไม่ได้หรอก แต่สุดท้ายก็สามารถเคลียร์กับสองโปรโมเตอร์ใหญ่ได้อย่างลงตัว ระเบิดศึกเสร็จก็นัดฉลองกินไวน์กันอย่างชื่นมื่น เพราะเก็บยอดได้ถึง 3,627,000 บาท ชาวต่างชาติ 118 คน ส่วนยอดอันดับ 2 ในปีนี้ได้แก่ ศึก ส.สมหมาย นัดวันสถาปนาเวทีราชดำเนิน เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 58 ที่ผ่านมา จัดโดย สมหมาย สกุลเมตตา ยอดได้ 3,377,500 บาท ชาวต่างชาติทั้งหมด 291 คน
 

      ข่าวฉาวจับจ้างล้ม-ปลดกรรมการ

        มีให้เห็นกันทุกปี ข่าวจ้างมวยล้มสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการมวย เมื่อวันที่ 29 ก.ค.58 ส.จ.วิชิต อ่องละออ วางแผนกับตำรวจ จ.ฉะเชิงเทรา รวบตัว "ผา สารคาม" เซียนมวยอื้อฉาวที่ถูกทางเวทีลุมพินีและราชดำเนิน ห้ามเข้าสนาม ข้อหาติดต่อจ้าง ชาติพิชิต ส.จ.วิชิตแปดริ้ว ล้มมวย ศึกวันทรงชัย แต่ติดคุกอยู่แค่ 2-3 วัน ก็ได้ประกันตัวออกไปสบายใจเฉิบ ซึ่งมีข่าวลือในสังคมคนมวยว่า ครูอ๊อด ส.สุรเดช มีเอี่ยวด้วย ทว่าออกมาปฏิเสธและประกาศหันหลังให้วงการมวย นอกจากนั้นในปีนี้ยังมีเรื่องเวทีราชดำเนิน สั่งพักงานโดยไม่มีกำหนด 4 กรรมการ ชูชาติ เก้ากิตติ์ (หัวหน้าเทคนิค), ร.ต.อ.ฉัตรชัย สอนทา, ธานินทร์ ภูมิผิว, มงคล คำสุวรรณ แต่ความหมายจริงก็คือสั่งปลดนั่นเอง