ศึกฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ยู-19 รายการ "โค้ก คัพ" ครั้งที่ 19 เดินทางสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อย โดยเกมชิงดำ ที่สนามธูปะเตมีย์ เมื่อ 6 ก.พ. 59 ที่ผ่านมา เป็นการพบกันระหว่างสองทีมคู่รักคู่แค้น "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แชมป์โซนกรุงเทพมหานคร และแชมป์เก่าเมื่อปีก่อน ซึ่งเอาชนะอ่างทอง เอฟซี 3-0 ในรอบตัดเชือก พบกับ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ซึ่งต้องเล่นเหนื่อยถึงช่วงดวลจุดโทษกว่าจะผ่านอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด มาด้วยสกอร์รวม 6-3 ในเกมรอบรองชนะเลิศ

เกมนี้ได้รับเกียรติจาก นายพรวุฒิ สารสิน ประธานกรรมการ บริษัทไทยน้ำทิพย์ จำกัด, นันทิวัฒน์ ธรรมหทัย ผอ.องค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร บ.ไทยน้ำทิพย์ จำกัด, นายดำรงค์รักษ์ อภิบาลสวัสดิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.หาดทิพย์, นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผอ.กองการกีฬาอาชีพ กกท., นายยอดชาย ขันธะชวนะ กรรมการบริหาร บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท, ดร.องอาจ ก่อสินค้า ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก, นายวราธร เจนจรัสสกุล ผจก.กิจกรรมการตลาดและกิจกรรมสนับสนุน บ.ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด,  ดร.ศราวุธ ดิษยวรรธนะ ผจก.สายงานกิจกรรมพิเศษและกีฬา บ.ไทยน้ำทิพย์ จำกัด พร้อมด้วย นายมนต์ชัย โชคไพบูลย์กิจ รองกรรมการ บ.ฟุตบอลล์ไทยสปอร์ตติ้งกู๊ดส์ จำกัด ร่วมชมเกมการแข่งขัน  

สำหรับเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มาในระบบ 4-2-3-1 ผู้รักษาประตู ภานุพันธ์ จูเฮง สองเซนเตอร์ใช้ อุกฤต เทียมเลิศ กับ พงศธร วิเศษพันธ์ แบ็กซ้าย ทรงพล ธงทอง แบ็กขวา บุญทวี เทพวงศ์ ตรงกลางสนาม ภัทรวีร์ ชายสุทธิ์ กับ ธีรภัค ปั้นบุญชู คอยเชื่อมเกม ตัวรุกสามคนจากซ้ายไปขวา ประกอบด้วย มนัส ม่วงมั่น, วงศกร ชัยกุลเทวินทร์ และ ไมเคิล เดนเต้ หน้าเป้าเป็น ธีรวุฒิ ผลจันทร์ 
 
ขณะที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยึดระบบ 3-5-2 ลงสู้ สิทธิกร กล่ำใส เฝ้าเสา สามแนวรับของทีม ศักดิ์สิทธิ์ สาร, พลวัฒน์ ช่างทำ และ ณรงค์ชัย สิงห์ธรรม ลงประจำการเหมือนเดิม วิงแบ็กซ้าย รัตนากร ใหม่คามิ รับหน้าที่ และวิงแบ็กขวา คทาธร มะธิปิไข แดนกลางใช้ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, สุภโชค สารชาติ และ เชาว์วัตน์ วีระชาติ ทำเกม  คู่แดนหน้าใช้ เจนโจว กิลิเชน ลงประสานงานกับ สิทธิโชค กันหนู

15 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังไม่กล้าเปิดเกมบุกเข้าใส่กัน ทำให้ยังไม่มีจังหวะเข้าทำที่ชัดเจนนัก เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 20 สิทธิโชค กันหนู ศูนย์หน้าทีมปราสาทสายฟ้ามีโอกาสลอยตัวขึ้นโหม่ง จากลูกเตะมุมของ เชาว์วัตน์ วีระชาติ แต่บอลหลุดกรอบออกไป นาที 23 แชมป์เก่าได้ลุ้นบ้าง อุกฤต เทียมเลิศ เติมขึ้นมาลุ้นโหม่งจากลูกเตะมุม บอลพุ่งตรงกรอบ แต่ไปตรงตัวของ สิทธิกร กล่ำใส 
 
นาที 27 เมืองทองได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา วงศกร ชัยกุลเทวินทร์ กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าปากประตู แต่บอลลอยเข้ามือของนายด่านบุรีรัมย์ เกมยังเป็นของเมืองทอง นาที 37 ทีมแชมป์เก่าพลาดได้ประตูขึ้นนำไปก่อนอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ วงศกร ชัยกุลเทวินทร์ เข้าชาร์จหน้าปากประตูวืด บอลเลยมาถึง มนัส ม่วงมั่น ที่ยืนรออยู่คนเดียวโล่งๆ ในกรอบ แต่ดันแปหลุดกรอบไปแบบไม่ได้ลุ้น เวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่ม จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0  
 
เริ่มครึ่งหลังได้เพียง 2 นาที ธีรภัค ปั้นบุญชู ผ่านบอลให้มนัส ม่วงมั่น กองกลางตัวรุกของกิเลนผยอง แตะหาจังหวะซัดเต็มข้อในกรอบเขตโทษ บอลพุ่งโค้งผ่านมือนายด่านบุรีรัมย์เสียบเสาสองตุงตาข่ายอย่างสวยงาม ส่งเมืองทองขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง หลังเอาบอลกลับมาเริ่มเล่นใหม่ บุรีรัมย์เดินหน้าบุกทันที แต่ไม่สามารถเซตเกมเจาะเข้าไปลุ้นยิงประตูในพื้นที่สุดท้ายได้ นาที 75 มนัส ม่วงมั่น ได้โอกาสพุ่งชาร์จจ่อๆ หน้าปากประตูแต่วืดไป ชวดทำประตูที่สองให้ตัวเอง

3 นาทีถัดมา บุรีรัมย์น่าได้ประตูตีเสมอสุดๆ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ วอลเลย์เต็มข้อหน้าปากประตู บอลพุ่งชนคานสนั่น ก่อนผู้เล่นเมืองทองจะเคลียร์ทิ้งออกไป แข้งปราสาทสายฟ้ายังเดินเกมพับสนามบุกอย่างต่อเนื่อง ช่วงท้ายเกม ภัทรวีร์ ชายสุทธิ์ เปิดฟรีคิกเข้ากลางให้สิทธิโชควิ่งสลัดตัวประกบเข้ามาโขกเหน่ง แต่บอลหลุดกรอบออกไปแบบไม่น่าเชื่อ จบเกม เอสซี เมืองทอง ยูไนเต็ด เอาชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-0 คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน โดย วงศกร ชัยกุลเทวินทร์ ซิวแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในนัดชิง
 
จากการคว้าแชมป์ของขุนพลแข้ง "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทำให้พวกเขาคว้าเงินรางวัลมูลค่า 1,000,000 บาทไปครอง พร้อมกับโอกาสเดินทางไปฝึกฝีเท้ากับสโมสรฟุตบอลชื่อดังจากเคลีก โปฮัง สตีลเลอร์ส ที่ประเทศเกาหลีใต้ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ด้าน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งอกหักพลาดแชมป์เป็นปีที่สองรับเงินรางวัลล 500,000 บาท ปลอบใจ

หลังเกม สุรพงษ์ คงเทพ ผู้ฝึกสอนเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เผยว่า "เป็นอีกเกมที่สนุก ใน 15 นาทีแรก เกมของทีมเราค่อนข้างตื้อ แต่พอได้ประตูขึ้นนำก็ทำให้เราเล่นง่ายขึ้นทั้งหมดทั้งแต่รอบคัดกลุ่มจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ต้องยกเครดิตให้เด็กทุกคน ถึงแม้ว่าศักยภาพทีมจะเป็นรองคู่แข่ง แต่เราก็คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน"

ส่วน ทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ผู้จัดการทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า "เกมนี้เราผิดพลาดหลายครั้ง มีจังหวะจบสกอร์แต่ทำไม่ได้ ในเกมเด็กก็ไม่มีสมาธิ ทำให้ทุกอย่างที่วางไว้พลาดไปหมด สำหรับฟุตบอล "โค้ก คัพ" นั้น ทางสโมสรก็ตั้งเป้าหมายไว้สูงอยู่แล้ว แต่การที่เข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นสมัยที่ 4 ได้ติดต่อกันก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว สำหรับครั้งต่อไปเป้าหมายของทีมยังเหมือนเดิม"

สำหรับรางวัลดาวซัลโวเป็นของ สตราฮินย่า เคิร์ทเทิฟสกี้ ศูนย์หน้าร่างยักษ์ชาวมาซิโดเนียของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่กระทุ้งไปทั้งสิ้น 6 ประตู รับเงินรางวัล 10,000 บาท จากยูโร่เค้ก ขณะที่ผู้เล่นยอดเยี่ยมในตำแหน่งผู้รักษาประตู ได้แก่ ภานุพันธ์ จูเฮง จากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ส่วนผู้เล่นยอดเยี่ยมตำแหน่งกองหลัง อุกฤต เทียมเลิศ ของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ผู้เล่นยอดเยี่ยมตำแหน่งกองกลาง เชาว์วัตน์ วีระชาติ ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และผู้เล่นยอดเยี่ยมตำแหน่งกองหน้า สิทธิโชค กันหนู ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

โดยทั้งหมดได้รับรางวัลจากสายการบินแอร์เอเชีย เป็นตั๋วเครื่องบินไป-กลับในประเทศ 2 ที่นั่ง ของแอร์เอเชีย และเงินรางวัล 5,000 บาท ขณะที่รางวัลเอ็มวีพี หรือ นักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ตกเป็นของ วงศกร ชัยกุลเทวินทร์ จากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้รับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นจีที125 มูลค่า 43,500 บาท

ด้าน "บิ๊กปู๋" ดร.ศราวุธ ดิษยวรรธนะ ผู้จัดการสายงานกิจกรรมพิเศษและกีฬา บริษัทไทยน้ำทิพย์ จำกัด กล่าวว่า "ภาพรวมฟุตบอลโค้ก คัพ ในปีนี้ถือว่าดีมาก มีคนให้ความสนใจกันเยอะขึ้น ซึ่งฟุตบอลโค้ก คัพ จะทำให้วงการฟุตบอลไทยพัฒนา เพราะเด็กที่ผ่านเวทีโค้ก คัพ เกือบทุกคนจะมีอนาคตที่ดีกับการค่าแข้งอาชีพ สำหรับเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วยที่สามารถคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งในอนาคตก็อยากจะเห็นเด็กกลุ่มนี้เป็นกำลังหลักให้กับสโมสรรวมไปถึงทีมชาติไทยด้วย"