ความเคลื่อนของไหวของขุนพล "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่มีคิวลงทำศึกฟุตบอลสโมสรชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ก โดยจะพบกับ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในวันเสาร์ที่ 20 ก.พ. นี้ ที่สนามศุภชลาศัย เวลา 18.30 น.

 ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา ทัพนักเตะ "กิเลนผยอง" ได้ลงฝึกซ้อมมื้อสุดท้ายที่แคมป์เอสซีจี ท่าหลวง จ.สระบุรี โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ จึงแล้วเสร็จ ส่วนในรายของ "เทพมุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าเบอร์ 1 ของทีม และ "เจ้าโจ๋" กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ ยังคงต้องแยกซ้อมเดี่ยว หลังมีอาการบาดเจ็บรบกวน

          หลังจากเสร็จสิ้นการซ้อม "โค้ชแบน" ธชตวัน ศรีปาน เฮดโค้ชเอสซี เมืองทอง กล่าวว่า "ทีมมีความพร้อมสมบูรณ์เต็มร้อย หลังจากที่ผ่านมาได้ซ้อมแท็กติกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงรายละเอียดในการป้องกันลูกเซตพีซต่างๆ รวมถึงจังหวะเข้าทำประตูด้วย ซึ่งการซ้อมมื้อสุดท้ายถือว่าค่อนข้างสมบูรณ์ และเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งหากพรุ่งนี้ทุกคนมีความเข้าในใจรูปแบบการเล่น ที่สำคัญเล่นตามแท็กติกที่วางไว้ ผมเชื่อว่าเรามีโอกาสที่จะชนะบุรีรัมย์ได้เหมือนกัน"

     "โค้ชแบน" ไม่สนสถิติ "กิเลน" ดวล "เซราะกราว"

          ต่อข้อซักถามของผู้สื่อข่าวสยามกีฬาว่า รู้สึกกังวลหรือไม่ กับเรื่องสถิติของเอสซีจี เมืองทอง ที่ยังไม่สามารถเอาชนะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ปะทะกันมาทั้งหมด 19 นัด รวมถึงสถิติไร้พ่ายของทัพเซราะกราวที่ยังไม่เคยปราชัยให้กับทีมใดในฤดูกาล ที่ผ่านมา โดยเฮดโค้ช "กิเลนผยอง" ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

          "ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร เพราะไม่ได้เป็นเรื่องแปลกที่บุรีรัมย์จะมั่นใจในสถิติของเขา รวมถึงเรื่องงูเหลือมกับเชือกกล้วยอะไรก็ตามแต่ ที่เขาสามารถพูดได้ ทีมเราอาจจะไม่เคยชนะ ก็เลยไม่ได้กังวลเรื่องนี้ หากต้องแพ้อีกครั้ง มันก็ไม่ได้เกิดผลอะไร"

          "แต่ในทางกลับกัน หากเราเกิดชนะขึ้นมา บุรีรัมย์เองนั่นแหละ ที่จะเสียกำลังใจ เพราะว่าเขาต้องกดดันตัวเองมากกว่าเราในเรื่องของการรักษาสถิติ แต่ผมมั่นใจในส่วนทีมของเราว่าจะสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ"

     ชี้ไม่จับตาย,หวังใช้ทีมเวิร์กขับเคลื่อน

          ขณะเดียวกัน อดีตห้องเครื่องทีมชาติไทย ชุดดรีมทีม ยังได้กล่าวถึงการต้องเผชิญหน้ากับแนวรุกของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่าง ดีโอโก้ หลุยส์ ซานโต ดาวซัลโวไทยลีก 2015 โก ซุลกิ ห้องเครื่องชาวเกาหลีใต้ รวมถึง 2 นักเตะใหม่อย่าง อังเดร โมริตซ์ ตัวรุกชาวบราซิล และไคโอ หอกตัวใหม่ลูกครึ่งบราซิล-ญี่ปุ่น อีกว่า

          "เราคงไม่เน้นจับตายนักเตะใดเป็นพิเศษ เนื่องจากจะใช้ระบบและเรื่องเซฟที่เป็นจุดแข็งของทีมที่ฝึกซ้อมร่วมกันมา ป้องกันแนวรุกของบุรีรัมย์ ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าทำได้ดี ดูจากเกมอุ่นเครื่องและทัวร์นาเมนต์ ลีโอ ปรีซีซั่น ที่สำคัญเราได้ใส่รายละเอียดทั้งหมดให้เด็กพอสมควรอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องจับตายใครทั้งนั้น"

     แฟนลุ้น! "ธีรศิลป์-กษิดิ์เดช" อาจวืด

          ทีมแพทย์เอสซีจี เมืองทอง ได้เปิดเผยถึงอาการบาดเจ็บของ "เทพมุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา และ "เจ้าโจ๋" กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ ที่ยังคงไม่สามารถฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้ว่า สำหรับมุ้ย (ธีรศิลป์) ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการฟื้นฟูสภาพร่างกาย ส่วนในรายของเจ้าโจ๋ (กษิดิ์เดช) นั้น เพิ่งได้รับอาการบาดเจ็บระหว่างฝึกซ้อมเมื่อวานนี้ (18 ก.พ.) คาดว่าทั้งสองคนอาจจะหมดสิทธิ์ลงสนามในเกมพบบุรีรัมย์เสาร์นี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอการตัดสินใจจากทางโค้ชแบนอีกครั้ง

      "คลีตัน" ชี้ชัยชนะสำคัญกว่าคลำเป้าได้

          ฟาก คลีตัน ซิลวา แนวรุกคนสำคัญกิเลนผยอง ที่เคยซัดประตูบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาแล้ว 6 ประตู สมัยอยู่บีอีซี เทโรฯ 5 ลูก และเอสซีจี เมืองทอง อีก 1 ลูก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ได้เผยถึงเกมชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ก ในวันที่ 20 ก.พ. นี้ว่า

          "ที่ผ่านมาเคยทำผลงานได้ดีในการเจอบุรีรัมย์ และในครั้งนี้จะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด ซึ่งไม่จำเป็นว่าตัวเองต้องยิงประตูให้ได้ แต่ที่สำคัญคือเอสซีจี เมืองทอง ต้องชนะและคว้าแชมป์มาครองให้ได้เท่านั้นเอง นี่คือสิ่งที่ผมตั้งความหวังเอาไว้"

     สถิติ "ปราสาท" ยังข่มเมืองทอง

          ในเรื่องของสถิติที่เคยพบกันมาทุกรายการ มีดังนี้ ไทยพรีเมียร์ลีก : 2010 เมืองทอง เสมอ 0-0 (ห), เมืองทอง แพ้ 0-1 (ย), 2011 เมืองทอง เสมอ 0-0 (ห), เมืองทอง แพ้ 0-1 (ย), 2012 เมืองทอง เสมอ 1-1 (ย), เมืองทอง เสมอ 1-1 (ห), 2013 เมืองทอง แพ้ 1-2 (ห), เมืองทอง เสมอ 1-1 (ย), 2014 เมืองทอง เสมอ 0-0 (ย), เมืองทอง แพ้ 0-1 (ห), ปี 2015 เมืองทอง เสมอ 1-1 (ห), เมืองทอง เสมอ 2-2 (ย)

          เอฟเอ คัพ : 2013 รอบรองฯ เมืองทอง แพ้ 0-1 (ก), 2015 รอบชิงฯ เมืองทอง แพ้ 1-3 (ก), ลีก คัพ : 2014 รอบก่อนรองฯ นัดแรก เมืองทอง เสมอ 0-0 (ห), รอบก่อนรองฯ นัดสอง เมืองทอง แพ้ 0-1 (ย), ถ้วย ก : 2013 เมืองทอง แพ้ 0-2 (ก), 2014 เมืองทอง แพ้ 0-1 (ก) และอุ่นเครื่อง : 2010 เมืองทอง ชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2-1 (ย)

          โดยสรุปแล้ว พบกันมาทั้งหมด 19 ครั้ง เป็นทางฝั่งเอสซีจี เมืองทอง ที่สามารถเอาชนะได้เพียงแค่ 1 เสมอ 9 แพ้ 9 ได้ 10 เสีย 20 ถือว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สถิติดีกว่าทีเดียว

     2 ทีมฟูลทัพพร้อมตะบันความมันส์

          ในส่วนของ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม เอสซีจี เมืองทอง ภายใต้การคุมทัพของ "โค้ชแบน" ธชตวัน ศรีปาน จัดมาในระบบ 4-3-3 โดยใช้ "ตอง" กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ลงเฝ้าเสา แผงหลัง 4 คน ประกอบไปด้วย พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ฟาบริซิโอ ดอร์เนลลาส, นาโออากิ อาโอยาม่า และ อาทิตย์ ดาวสว่าง

          ขยับมาที่แดนกลางให้ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ยืนกลางรับ สารัช อยู่เย็น จับคู่กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ คอยสร้างสรรค์เกมรุก โดยมี 3 ประสาน คลีตัน ซิลวา, จูเนียร์ เนเกรา และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ คอยทะลวงตาข่ายในแดนหน้า
 
         ด้านผู้เล่นของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่คาดว่าจะลงสนาม ประกอบไปด้วย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ยืนเฝ้าเสา พร้อมด้วยแผงกองหลัง ธีราทร บุญมาทัน, อันเดรส ตูเนซ, ชิติพัทธ์ แทนกลาง, กรวิทย์ นามวิเศษ, โก ซุลกิ, จักรพันธ์ แก้วพรม, อนาวิน จูจีน, สุเชาว์ นุชนุ่ม, ไคโอ ฟิลิปเป้ พร้อมด้วย ดีโอโก้ หลุยส์ ซานโต ที่จะกลับมาฟิตและพร้อมเต็มที่ หลังจากที่ไม่ได้ลงเล่นในศึกโตโยต้า พรีเมียร์คัพ ในนัดที่ผ่านมา

          สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ก ประจำปี 2559 ระหว่าง "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์  ยูไนเต็ด พบกับ "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จะเปิดฉากระเบิดความมันส์ขึ้นในวันที่ 20 ก.พ. นี้ เวลา 18.30 น. ณ สนามศุภชลาศัย โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านทางช่องไทยรัฐทีวี, ที-สปอร์ต และสยามสปอร์ต ฟุตบอล ทรูวิชั่นส์ 694