ปรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันพุธที่ 2 มีนาคม 2559

ลิเวอร์พูล (9) - แมนฯ ซิตี้ (4)

ถ่ายทอดสด : ซีทีเอช สเตเดี้ยม 2 (เวลา 03.00 น.)

สนาม : แอนฟิลด์

        คู่ชิงแคปปิตอล วัน คัพ เมื่อวันอาทิตย์ ต้องโคจรมาพบกันในอีก 3 วันต่อมา เป็นเกมลีกที่ แอนฟิลด์

        ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ดวลจุดโทษแพ้ที่ เวมบลีย์ ยังอยู่ในช่วงสภาพจิตใจย่ำแย่ เพราะในลีกก็อยู่กลางตาราง แทบไม่มีหวังอะไรแล้ว จึงเหลือแค่ถ้วยยูโรปา ลีก

        สภาพทีม ลูคัส เลว่า มิดฟิลด์ที่ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟนัดชิงแคปปิตอล บาดเจ็บกล้ามเนื้อจังหวะยิงจุดโทษพลาด จะพลาดช่วยทีม ขณะที่ มามาดู ซาโก้ เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักที่เจ็บศีรษะต้องรอเช็กอาการ

        ทำให้ โคโล ตูเร่ จะต้องลงมายืนเซนเตอร์ฮาล์ฟเกมนี้แน่นอน ส่วนคู่ขาอาจถอย เอ็มเร่ ชาน มาเล่น

        ข่าวดี มาร์ติน สเคอร์เทล เซนเตอร์หมายเลข 1 ที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่าพักไปนานกว่า 2 เดือน หายเจ็บกลับมาแล้ว มีลุ้นคืนทัพ

        คล็อปป์ น่าจะปรับทีมเยอะ คงต้องพัก แดเนียล สเตอร์ริดจ์ กองหน้าที่กรำศึกหนักต่อๆ กันมาอย่างต่อเนื่องจนเป็นตะคริวในเกมที่เวมบลีย์ด้วย

        ตัวสำรองที่ เวมบลีย์ อย่าง อดัม ลัลลานา, ดีว็อค โอรีกี, โจ อัลเลน และ จอน ฟลานาแกน มีลุ้นเบียดลงตัวจริงบางราย

        ด้าน มานูเอล เปเยกรีนี่ กุนซือ แมนฯ ซิตี้ พาทีมคว้าแชมป์แรกของฤดูกาลนี้ และยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีกด้วย ขณะที่พรีเมียร์ลีกต้องรีบลดช่องห่างโดยเร็ว

        สภาพทีมต้องรอเช็กอาการ ยาย่า ตูเร่ กองกลางคนสำคัญที่เป็นตะคริวจากเกมรอบชิงแคปปิตอลวันคัพ ว่าจะพร้อมลงต่อเนื่องหรือไม่

        จากเกมวันอาทิตย์ได้ตัวหายเจ็บกลับมาเพิ่ม 2 รายคือ วิลฟรีด โบนี่ และ เฆซุส นาบาส ที่มีชื่อเป็นสำรองในเกมแคปปิตอล วัน คัพ ทั้งคู่

        ทำให้ตอนนี้ขาดตัวเดี้ยงเพียง ฟาเบียน เดล์ฟ, ซามีร์ นาสรี่ และ เควิน เดอ บรอยน์ โดยรายหลังสุดตั้งเป้ากลับมาซ้อมปลายเดือนมีนาคม

        ตำแหน่งนายประตู โจ ฮาร์ท จะกลับมาทำหน้าที่แทน วิลลี่ กาบาเยโร่ ที่ลงเฝ้าเสาในเกมบอลถ้วย

        ส่วนการจัดทีมอาจจะเลือกปรับทัพเล็กน้อย ราฮีม สเตอร์ลิง ที่เล่นแย่ในเกมที่แล้ว อาจโดนจับนั่งสำรองเพราะเสี่ยงต่อการโดนแฟนทีมเก่าโห่ ขณะที่ เฆซุส นาบาส พร้อมเสียบ

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        ลิเวอร์พูล : ซิมง มินโญเลต์, เนธาเนียล ไคลน์, โคโล ตูเร่, มามาดู ซาโก้ (เอ็มเร่ ชาน), อัลเบร์โต้ โมเรโน่, โจ อัลเลน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์, อดัม ลัลลานา, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, ดีว็อค โอรีกี

        แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, บาการี่ ซานญ่า, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, นิโกลัส โอตาเมนดี้, กาแอล กลิชี่, แฟร์นันโด, แฟร์นันดินโญ่, เฆซุส นาบาส, ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ อเกวโร่

        ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอตกินสัน

ผลงานการพบกันที่บ้านลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูลชนะ 48 แมนฯ ซิตี้ชนะ 13 เสมอ 21
ประตูที่ทำได้ : ลิเวอร์พูล 174 ลูก แมนฯ ซิตี้ 102 ลูก

- หลังจากชนะแค่ครั้งเดียวจาก 10 เกมพรีเมียร์ลีก ที่พบแมนฯ ซิตี้ก่อนหน้านั้น (เสมอ 6 แพ้ 3) ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายชนะ 3 จาก 4 เกมลีกหลังสุดที่ดวลเรือใบ (แพ้ 1)
- แมนฯ ซิตี้ไม่ชนะใน 12 เกมลีกที่เยือนแอนฟิลด์ (เสมอ 4 แพ้ 8)
- ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ทำประตูได้ 5 จาก 6 เกมที่ลงสนามพบแมนฯ ซิตี้ รวมถึงนัดชิงชนะเลิศ ลีก คัพ เมื่อปลายสัปดาห์ด้วย
- หากคูตินโญ่ลงเล่นเกมนี้ มันจะเป็นเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 100 ของเขา
- เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" ทำประตูได้ตลอด 4 เกมลีกที่ลงสนามพบลิเวอร์พูลที่เอติฮัด สเตเดี้ยม แต่ยิงไม่ได้เลยใน 3 เกมที่แอนฟิลด์
- มี 34 ประตูเกิดขึ้นใน 9 เกมหลังสุดที่คู่นี้เจอกันในทุกรายการ (นัดละ 3.8 ประตู) และทั้งสองทีมไม่สามารถทำคลีนชีตได้เลย
- ทีมของ มานูเอล เปเยกรินี่ ชนะแค่ 2 จาก 9 เกมลีกหลังสุดนอกบ้าน (เสมอ 4 แพ้ 3) โดยยิงได้แค่ 7 ประตูในช่วงดังกล่าว
- แมนฯ ซิตี้  ไม่เคยแพ้ในลีกติดต่อกัน 3 นัด นับตั้งแต่พฤศจิกายน 2008
- ชัยชนะ 4-1 ของลิเวอร์พูล ที่เอติฮัด เมื่อพฤศจิกายน เป็นความพ่ายแพ้สูงสุดในพรีเมียร์ลีกของแมนฯ ซิตี้ นับตั้งแต่พ่ายอาร์เซน่อล 1-5 เมื่อกุมภาพันธ์ 2003
- แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่ทำคลีนชีตนอกบ้านมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ (7)

ผลการพบกันเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา (บ้านลิเวอร์พูล)
ลิเวอร์พูล ชนะ แมนฯ ซิตี้    2-1
1 มีนาคม 2015 ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคลทเท่นเบิร์ก
ผู้ทำประตู : 1-0 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.11, 1-1 เอดิน เชโก้ น.25, 2-1 ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ น.75

โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
02:45 น.   อาร์เซน่อล Vs สวอนซี      CTH สเตเดี้ยม 3
02:45 น.   เวสต์แฮม Vs สเปอร์ส      CTH สเตเดี้ยม 4
02:45 น.   สโต๊ค ซิตี้ Vs นิวคาสเซิ่ล      CTH สเตเดี้ยม 5
03:00 น.   ลิเวอร์พูล Vs แมนฯ ซิตี้      CTH สเตเดี้ยม 2
03:00 น.   แมนฯ ยูไนเต็ด Vs วัตฟอร์ด      CTH สเตเดี้ยม 1