เกมที่ 8 ของศึกโตโยต้า ไทยลีก 2016 เดินทางมาถึงนัดที่ต้องเรียกได้ว่าเป็น ''ซูเปอร์บิ๊กแมตช์'' กันแล้ว โดยเป็นการพบกันของ 2 อำนาจมหาลูกหนังของเมืองไทยในเวลานี้ นั่นคือ ''ปราสาทสายฟ้า'' บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดรังพบกับ ''กิเลนผยอง'' เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

ในวันนี้เราจะมาเรียกน้ำย่อยด้วยสกู๊ปชิ้นนี้ จากนั้น วันพุธที่ 27 เม.ย. เวลา 19.00 น. ซึ่งต้องมาคอยดูว่าความมันส์ระดับ 5 ดาวครั้งนี้ จะมีอุณภูมิที่ร้อนเพียงใด แต่ทั้งนี้สถิติดังกล่าวยังไม่รวมผลงานการเจอกันของทั้งสองทีม ในเกมแรกที่อุ่นเครื่องปี 2010 ที่สนาม ไอ โมบาย สเตเดี้ยม ซึ่ง เอสซีจี เมืองทองฯ ชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2-1

นนท์นี่คุง

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด VS เอสซีจี เมืองทองฯ
วันพุธที่ 27 เม.ย. 2559 เวลา 19.00 น.
สนาม : ไอ โมบาย สเตเดี้ยม

ไทยลีก 12 นัด 4 ปีหลังมีแต่เสมอ

        เริ่มต้นกันด้วยเรื่องของเกมในลีกสูงสุด ปรากฏว่า 4 ปีหลังสุดที่ เอสซีจี เมืองทองฯ บุกไปเยือน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สนาม ไอ โมบาย สเตเดี้ยม นั้น ลงเอยด้วยคำว่า "แบ่งแต้ม" มาตลอด โดย ปี 2012 เสมอ 0-0, ปี 2013 เสมอ 1-1, ปี 2014 เสมอ 0-0 และปี 2015 เสมอ 2-2

        โดยสถิติที่พบกันในเกมลีก ประกอบด้วย วันที่ 5 พ.ค. 2010 เอสซีจี เมืองทองฯ เสมอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0-0 สนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม, วันที่ 22 ส.ค. 2010 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชนะ เอสซีจี เมืองทองฯ 1-0 สนาม ไอ โมบาย สเตเดี้ยม, วันที่ 2 เม.ย. 2011 เอสซีจี เมืองทองฯ เสมอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0- 0 สนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม

        วันที่ 31 ธ.ค. 2011 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชนะ เมืองทองฯ 1-0 สนาม ไอ โมบาย สเตเดี้ยม, วันที่ 30 พ.ค. 2012  บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เสมอ เอสซีจี เมืองทองฯ 1-1 สนาม ไอ โมบาย สเตเดี้ยม, วันที่ 19 ส.ค. 2012 เอสซีจี เมืองทอง เสมอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-1 สนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม

        วันที่ 17 เม.ย. 2013 เอสซีจี เมืองทองฯ แพ้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-2 สนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม, วันที่ 11 ส.ค. 2013 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เสมอ เอสซีจี เมืองทองฯ 1-1 สนาม ไอ โมบาย สเตเดี้ยม, วันที่ 10 พ.ค. 2014 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เสมอ เอสซีจี เมืองทองฯ 0-0 สนาม ไอ โมบาย สเตเดี้ยม

        วันที่ 20 ส.ค. 2014 เอสซีจี เมืองทองฯ แพ้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0-1 สนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม, วันที่ 21 ก.พ. 2015 เอสซีจี เมืองทองฯ เสมอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-1 สนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม และวันที่ 1 ส.ค. 2015  บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เสมอ เอสซีจี เมืองทองฯ 2-2 สนาม ไอ โมบาย สเตเดี้ยม

ถ้วย ก. "ปราสาท" คว้าชัย 3 ปีติด

        ขณะที่ ถ้วยพระราชทาน ประเภท ก. 3 จาก 4 ครั้ง ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไปครองนั้น เกิดจากการเอาชนะ เอสซีจี เมืองทองฯ เริ่มจาก วันที่ 23 ก.พ. 2013 ซึ่งมีสังเวียนอย่างสนามศุภชลาศัย และเป็น "ปราสาทสายฟ้า" ที่เอาชนะ "กิเลนผยอง" ไป 2-0 จากการเหมายิงของ รัมเชส บุสโตส หัวหอกชิลี ใน น.5 และ 82

        จากนั้นวันที่ 1 ก.พ. 2014 โยกไปเล่นกันที่สนามกีฬา จ.สุพรรณบุรี ก่อนจะเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เฉือนชนะ เอสซีจี เมืองทองฯ ไป 1-0 จากลูกยิงของ เจย์ ซิมสัน อดีตกองหน้าของอาร์เซน่อล น.79 ปิดท้ายล่าสุดกับวันที่ 20 ก.พ. 2016 ซึ่ง "ปราสาทสายฟ้า" ชนะไป 3-1 ได้จาก ดิโอโก้ หลุยซ์ ซานโต น.14, อันเดรส ตูนเญซ น.65 (จุดโทษ), จักรพันธ์ แก้วพรหม น.83 ขณะที่ "กิเลนผยอง" แก้คืนได้จาก อดิศักดิ์ ไกรษร น.78

ลีก คัพ เจอ 2 เกมในปีเดียวมีแค่ 1 เม็ด

        ในเรื่องของเกม โตโยต้า ลีก คัพ นั้น ทั้ง 2 ทีมนี้โคจรมาพบกันในปี 2014 ซึ่งถือว่าเป็นรอบก่อนรองชนะเลิศ โดยนัดแรกเล่นกันที่สนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม ในวันที่ 18 มิ.ย. 2014 ซึ่ง เอสซีจี เมืองทองฯ เปิดบ้านเสมอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปก่อน 0-0 ทว่านัดสองวันที่ 2 ก.ค. "ปราสาทสายฟ้า" มาได้ประตูชัย จากดาวยิงในช่วงนั้นที่กำลังร้อนแรงอย่าง คาเมลโล กอนซาเลซ น.90

น็อคเอ้าต์ซัดกัน 2 ปี "กิเลน" ยังพ่าย

        ปิดท้ายกันที่ถ้วยอย่าง เอฟเอ คัพ เจอกันทั้งหมด 2 ฤดูกาล เริ่มจากวันที่ 25 ก.ย. 2013  ซึ่งเป็นรอบรองชนะเลิศ ทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันต้องใช้สนามกลางอย่าง ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต และเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เอาชนะ เอสซีจี เมืองทองฯ ไป 1-0 จากการยิงในช่วงต้นครึ่งหลังของ มานูเอล เรดอนโด้ การ์เซีย น.47

        ขยับมาล่าสุดเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาวันที่ 26 ธ.ค. 2015 เกมดังกล่าว "กิเลนผยอง" ไร้ซึ่ง สารัช อยู่เย็น ที่ติดโทษแบน ทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอาชนะไป เอสซีจี เมืองทองฯ 3-1 ในสนามศุภชลาศัย จากการยิงของ อันเดรส ตูนเญซ น.45 (จุดโทษ), โก ซุล กิ น.52, จักรพันธ์ แก้วพรม น.70 ก่อนที่ มาริโอ ยูรอฟสกี้ จะมาแก้คืนให้กับ เมืองทองฯ ได้ใน น.81

        ทำให้สรุปแล้ว บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เอสซีจี เมืองทองฯ พบ กันมาทั้งหมด 20 ครั้ง "ปราสาทสายฟ้า" ชนะ 10 ได้ 22 ประตู ส่วน "กิเลนผยอง" แม้ไม่เคยเอาชนะได้แต่สามารถยิงไปถึง 11 เม็ด ก่อนที่ทั้งสองทีมนี้จะเสมอกันไป 9 ครั้งด้วยกัน

เกร็ดก่อนเกม

1. มาริโอ ยูรอฟสกี้ ยิงให้ เมืองทองฯ เยอะสุดในการพบบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำนวน 5 ประตู แบ่งเป็น ไทยลีก 4 หน (ปี 2012 เสมอ 1-1 (เอสซีจี สเตเดี้ยม) เลกสอง, ปี 2013 เสมอ 1-1 (ไอ โมบาย) เลกสอง, ปี 2015 เสมอ 1-1 (เอสซีจี สเตเดี้ยม) เลกแรก, เสมอ 2-2 (ไอ โมบาย สเตเดี้ยม) เลกสอง และรอบชิง เอฟเอ คัพ 2015 ทั้งหมด 1 ลูก แพ้ 1-3 ซึ่งถือว่าเยอะที่สุดของ "กิเลนผยอง" แต่ปีนี้เจ้าตัวได้ย้ายไป แบงค็อก ยูไนเต็ด แล้ว

2. ดิโอโก้ หลุยซ์ ซานโต ยิงให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เยอะสุดในการเจอกับ เอสซีจี เมืองทองฯ ทั้งหมด 3 ประตู (ไทยลีก ปี 2015 เสมอ 1-1 (เอสซีจี สเตเดี้ยม) เลกแรก, ปี 2015 เสมอ 2-2 (ไอ โมบาย สเตเดี้ยม) เลกสอง, ปี 2016 ถ้วย ก. (ศุภชลาศัย) แต่เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บ และถูกถอนชื่อออกไปในเลกแรก

3. ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เป็นนักเตะเดียวจากทั้ง 2 ทีม ที่ทำเข้าประตูตัวเอง ในเกมไทยลีก ปี 2015 เลกสอง ที่เสมอกันไป 2-2

4. ใบแดงเกิดขึ้นฝั่งละ 2 ใบเท่ากัน เริ่มจาก เอสซีจี เมืองทองฯ ประกอบด้วย มาริโอ ยูรอฟสกี้ (ปี 2012 เสมอ 1-1 ที่เอสซีจี สเตเดี้ยม เลกแรก น.90+5) และ ปิยพล ผานิชกุล (ปี 2012 เสมอ 2-2 ที่ไอ โมบาย สเตเดี้ยม น.71) ทว่า ธีราทร บุญมาทัน กลับเป็นคนที่รับใบแดงเยอะสุด 2 หน ในปี 2014 เกมลีก เริ่มจาก น.56 เลกแรก เสมอ 0-0 (ไอ โมบาย สเตเดี้ยม), เลกสอง น.58 ชนะ 1-0 (เอสซีจี สเตเดี้ยม)