"ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แม่ทัพใหญ่ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย เป็นปลื้มหลังเอเอฟซี ยกย่องขึ้นปกนิตยสารประจำเดือน เม.ย. พร้อมนำเรื่องราวเส้นทางการค้าแข้งกระทั่งพาทีมชาติไทยผลผงาดสู่ความยิ่งใหญ่ โดยเจ้าตัวยกเครดิตความสำเร็จที่เกิดขึ้น เกิดจากการร่วมมือกันทำงานของทุกภาคส่วน และพร้อมเดินหน้าทำงานหนักต่อไปเพื่อสร้างความสุขให้กับแฟนฟุตบอลชาวไทย เชื่อหากทุกคนร่วมกันสร้างผลงานที่ดีย่อมส่งผลที่ดีถูกจับจ้องหรือยกย่องกลับมาเอง

หลังจากทางสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือเอเอฟซี ได้มีการยกย่องทาง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย หลังสามารถพาทัพ "ช้างศึก" สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาด้วยการทวงแชมป์ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่ประเทศเมียนมาร์, คว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ครั้งล่าสุดการพาทีมชาติไทยคว้าอันดับ 4 เอเชียนเกมส์ ที่ประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงการพาทีมชาติไทยทะลุผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย ในการคัดเลือกฟุตบอลโลก รัสเซีย 2018 ด้วยการนำมาขึ้นปกนิตยสารของเอเอฟซี ฉบับที่ 14 ประจำเดือน เม.ย. พร้อมนำเสนอเนื้อหา 3 หน้าเต็มๆ ด้วยการนำเสนอถึงประวัติพร้อมภาพประกอบของ "ซิโก้" กุนซือทีมชาติไทย ตั้งแต่สมัยการเล่นฟุตบอลให้กับทีมชาติไทย  ซึ่งเป็นเส้นทางที่ทำให้กุนซือทัพช้างศึกโด่งดังในระดับย่านอาเซียน รวมถึงการเล่นฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษ ก่อนที่จะได้นำประสบการณ์ที่สั่งสมมา กลับมารับใช้ชาติคุมทีมชาติไทยจนกระทั่งก้าวมาเป็นผู้นำในย่านอาเซียนอีกครั้ง พร้อมข้อความที่ว่าพาดหัวหน้าปก "เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือผู้นำทีมชาติไทยกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่"

ล่าสุดทางแม่ทัพใหญ่ของทีมชาติไทย  "ซิโก้" หลังจากทราบข่าวดังกล่าวก็ออกมาให้สัมภาษณ์ขอบคุณทางเอเอฟซี ที่ได้นำเสนอเรื่องราวของตนเอง พร้อมกับยกเครดิตความสำเร็จให้กับทุกภาคส่วนจนทำให้ทีมชาติไทยก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ณ ปัจจุบัน

"ผมเองก็เพิ่งจะทราบเรื่องการนำเสนอของทางเอเอฟซี ซึ่งก็รู้สึกเป็นเกียรติ และต้องขอบคุณทางเอเอฟซี ที่ให้นำเรื่องราวของผมไปเผยแพร่ในครั้งนี้ในนิตยสารของเอเอฟซี ทว่าในการทำงานกว่าที่จะมีวันนี้ได้ก็คงจะไม่ใช่ เพราะผมเพียงคนเดียว ก็ต้องยกเครดิตให้กับทุกภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้องด้วยทั้งสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ทั้งชุดเก่าที่ผ่านมาและชุดปัจจุบัน ทีมงานสตาฟฟ์โค้ชทุกคน น้องๆ นักเตะทุกคนที่ร่วมงาน ที่สำคัญคือแฟนบอลชาวไทยทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจสนับสนุนเชียร์ทีมชาติไทยมาตลอดรวมถึงกำลังใจจากครอบครัวผมเองด้วย"

"ที่ผ่านมาผมได้บอกกับน้องๆ และทีมงานเสมอว่าให้ทุกคนทำงานหนักอย่างเต็มที่ ให้เราทำดีที่สุดสิ่งที่ดีๆ จะตามย้อนกลับมาเอง ก่อนหน้านี้เราทุกคนทำงานกันอย่างหนักเต็มที่จนถึง ณ วันนี้เราได้ผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย ซึ่งหลายชาติที่มองว่าแรงกิ้งดีกว่าก็ยังไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้นี่คือความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคนไม่ใช่ผมหรือทีมงานอย่างเดียว แต่เป็นผลพ่วงมาจากทุกคน ซึ่งต่อไปหากเรายังช่วยกันสร้างผลงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ก็จะถูกจับตามองกลับมาเอง โดยที่เราไม่ต้องไปนำเสนออะไร ซึ่งตอนนี้ใช่เพียงแต่ เอเอฟซี ขนาดฟีฟ่าเองก็ยังจับตามองเราเช่นกันยังให้การชื่นชมเรา ดังนั้นผมและน้องๆ ทีมงานรวมถึงนักเตะทุกคนจะยังคงทำงานหนักร่วมกันต่อไป เพื่อสร้างความสุขและความภาคภูมิใจมาสู่แฟนบอลชาวไทยทั้งประเทศ และเพื่อชื่อเสียงของวงการฟุตบอลไทย และเชื่อว่าหากเราทำดีที่สุดแล้ว ทุกอย่างจะเป็นบทพิสูจน์เอง ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร"