ปรีวิวฟุตบอล ยูโรปา ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง
วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม 2559
ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) - บียาร์เรอัล (สเปน)
(ผลนัดแรก บียาร์เรอัล ชนะ 1-0)

สนาม : แอนฟิลด์

          บียาร์เรอัลชิงความได้เปรียบมาก่อน จากชัยชนะในบ้านเหนือลิเวอร์พูล 1-0 ซึ่งประตูชัยเกิดขึ้นในช่วงทดเวลาจาก อาเดรียน โลเปซ ตัวสำรอง
 

          ฝั่งเจ้าบ้าน เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันของหงส์แดง เตรียมปรับทีมแบบยกชุดแน่นอน หลังจากเกมลีกล่าสุดบุกแพ้ สวอนซี 1-3 ชนิดส่งเด็กลงเกือบยกทีม
 

          เกมดังกล่าวมีดาวรุ่งลงตัวจริงถึง 6 คน ทั้ง แดนนี่ วอร์ด ผู้รักษาประตู, แบร็ด สมิธ, เซยี่ โอโจ, เปโดร คิริเบย่า, เควิน สจ๊วร์ต และ จอร์ดอน ไอบ์
 

          หมายความว่าคล็อปป์หันมาเน้นถ้วยยูโรปา ลีก แบบเต็มตัว เพราะสถานการณ์ในลีกหล่นไปอยู่อันดับ 8 ตามพื้นที่ยูโรปาเพิ่มเป็น 4 คะแนนแล้ว
 

          สภาพทีมมีข่าวดี เอ็มเร่ ชาน กองกลางเยอรมันที่เจ็บเอ็นข้อเท้ามาจากเกมกับ ดอร์ทมุนด์ เมื่อวันที่ 14 เมษายน และคาดว่าต้องพัก 4 สัปดาห์ ล่าสุดฟื้นตัวเร็วกว่ากำหนดและกลับมาลงซ้อมได้แล้วในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามต้องรอการตัดสินใจว่าจะใส่ชื่ออยู่ในทีมเลยหรือไม่
 

          แดนนี่ อิงส์ กับ โจ โกเมซ ที่พักยาวตั้งแต่ต้นฤดูกาล เริ่มกลับมาซ้อมและเรียกความฟิต (ตามลำดับ) แต่ยังต้องใช้เวลาฟื้นฟูร่างกายอีกพักใหญ่

 
          ส่วน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีม และดิว็อค โอริกี กองหน้าฟอร์มร้อน ยังต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป
 

          แนวรับก็จะขาด มามาดู ซาโก้ เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติฝรั่งเศส ที่โดนสั่งแบนก่อน 30 วัน ระหว่างรอตัดสินกรณีไม่ผ่านตรวจสารกระตุ้น
 

          การจัดทัพคล็อปป์จะเรียกตัวหลักกลับมาทั้งหมด เริ่มจากผู้รักษาประตู ซิมง มินโญเล่ต์ และแนวรับ โคโล ตูเร่ กับ อัลเบร์โต้ โมเรโน่
 

          แดนกลางทั้ง เจมส์ มิลเนอร์ กับ ลูคัส เลวา และแนวรุก อดัม ลัลลาน่า กับ โรเบร์โต้ ฟีร์มีโน่
 

          ขณะที่กองหน้าตัวเป้า แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ก็ยังไม่หมดหวังลงเล่น หลังจากไม่ได้เล่นนัดแรกเลย และเพิ่งลงเต็มเกมในนัดแพ้สวอนซี
 

          ทางด้านเรือดำน้ำสีเหลืองยังทำได้ดีทั้ง 2 รายการ หลังจากนัดแรกเชือดลิเวอร์พูล 1-0 ล่าสุดเกมลีกก็ยังบุกชนะบาเลนเซีย 2-0 ยึดอันดับ 4 ซึ่งเป็นโควตาสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างเหนียวแน่น
 

          เทรนเนอร์ มาร์เซลีโน่ การ์เซีย โตรัล เพิ่งพักตัวหลักหลายคนในเกมกับค้างคาว เพื่อให้ฟิตเต็มที่ในการบุกมาเยือนแอนฟิลด์
 

          สภาพทีม เลโอ บาปติสเตา กองหน้า กับ เอริค เบลลี่ กองหลัง มีชื่ออยู่ในกลุ่มนักเตะ 22 คนที่บินมาอังกฤษ แม้ต้องรอทดสอบความฟิตก็ตาม
 

          การจัดทัพจะเรียก เซร์คิโอ อาเซนโฆ กลับมาเฝ้าเสา หลังได้ลงเล่นในรายการนี้
 

          แผงหลังทั้ง 4 ที่ได้พัก มาริโอ กาสปาร์, บิคตอร์ รูอิซ, เอริค เบลลี่ และ ฆวาเม่ คอสต้า จะคืนตัวจริงยกแผง ยกเว้นเบลลี่ไม่ฟิตเต็มร้อย ก็อาจให้ มาเตโอ มูซัคคิโอ หรือ ดานิเอเล่ โบเนร่า ลงแทน
 

          แดนกลางก็ปรับหมดเช่นกัน โจนาธาน โดส ซานโตส, โตมาส ปิน่า, บรูโน่ โซเรียโน่ และ เดนิส ซูอาเรซ กลับมาออกสตาร์ต
 

          ส่วนกองหน้า เซดริค บาคัมบู หัวหอกดีอาร์คองโกที่ยิงไปแล้ว 9 ประตูในถ้วยนี้ เป็นรองดาวซัลโว จะกลับมาประสานงานกับ โรเบร์โต้ โซลดาโด้

          รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

          ลิเวอร์พูล : ซิมง มินโญเล่ต์, เนธาเนียล ไคลน์, โคโล ตูเร่, เดยัน ลอฟเรน, อัลเบร์โต้ โมเรโน่, เจมส์ มิลเนอร์, ลูคัส เลวา, โจ อัลเลน, อดัม ลัลลาน่า, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, โรเบร์โต้ ฟีร์มีโน่

          บียาร์เรอัล : เซร์คิโอ อาเซนโฆ, มาริโอ กาสปาร์, บิคตอร์ รูอิซ, เอริค เบลลี่, ฆวาเม่ คอสต้า, โจนาธาน โดส ซานโตส, โตมาส ปิน่า, บรูโน่ โซเรียโน่, เดนิส ซูอาเรซ, โรเบร์โต้ โซลดาโด้, เซดริค บาคัมบู

          ผู้ตัดสิน : วิคเตอร์ คาสไซ (ฮังการี)

          เกร็ดการแข่งขันระหว่าง ลิเวอร์พูล - บียาร์เรอัล

- 59% ของทีมที่ชนะ 1-0 ในบ้านเกมแรกของรอบน็อกเอาต์ ยูโรปา ลีก ผ่านเข้ารอบต่อไป (นับตั้งแต่ฤดูกาล 2009-10 : 16 จาก 27)

- ''หงส์แดง'' ผ่านเข้ารอบ 3 จาก 5 ครั้งก่อนหน้านี้ที่เล่นรอบตัดเชือกถ้วยยุโรป หลังจากแพ้นอกบ้านนัดแรก

- ลิเวอร์พูลชนะรวด 7 เกมหลังที่เล่นนัดสองในบ้าน รอบตัดเชือก ถ้วยยุโรป โดนเสียแค่ประตูเดียวในช่วงดังกล่าว

- ลิเวอร์พูลชนะ 3 จาก 4 เกมหลัง ในบ้าน รอบน็อกเอาต์ ถ้วยยุโรป ที่พบทีมจากสเปน โดยเสียแค่ 2 ลูกในช่วงดังกล่าว (แพ้ 1)

- ลิเวอร์พูลแพ้ 4 จาก 5 เกมหลังที่พบทีมจากสเปน ขณะที่ บียาร์เรอัล ไม่สามารถชนะได้ตลอด 5 เกมหลังที่เยือนเมืองผู้ดีในถ้วยยุโรป โดยยิงได้แค่ลูกเดียวในช่วงดังกล่าว (เสมอ 2 แพ้ 3)

- นี่เป็นครั้งที่ 4 ที่ลิเวอร์พูลพบทีมจากสเปนในรอบรองฯ ถ้วยยุโรป และพวกเขาผ่านเข้ารอบ 2 ครั้ง แต่ถูกเขี่ยตกรอบจากหนล่าสุดที่พบแอต.มาดริด ในยูโรปา ลีก 2009-10

- บียาร์เรอัลเจอคู่แข่งจากอังกฤษในรอบรองชนะเลิศ ถ้วยใหญ่ยุโรปก่อนหน้านี้ ซึ่งถูกเขี่ยตกรอบในชปล. 2005-06 โดยอาร์เซน่อล

- เรือดำน้ำสีเหลืองยิงไม่ได้แค่ครั้งเดียวจาก 32 เกมยูโรปา ลีก หลังสุด (รวมรอบคัดเลือก) ขณะที่ลิเวอร์พูลยิงได้ 3 จาก 5 เกมหลังสุดที่เจอคู่แข่งจากสเปนในถ้วยยุโรป

- ถ้าบียาร์เรอัลผ่านเข้ารอบ นี่จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเข้าชิงชนะเลิศ ถ้วยหลักยุโรป (นอกจาก อินเตอร์ โตโต้ คัพ 3 ครั้ง)

- บียาร์เรอัล ไม่แพ้ในถ้วยยุโรป 12 นัด (ชนะ 9 เสมอ 3) ถือเป็นสถิติใหม่ของสโมสร

- คล็อปป์ คุมทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศแค่ครั้งเดียวจากการเล่นรอบรองฯ ถ้วยยุโรป ก่อนหน้านี้จากการเขี่ย เรอัล มาดริด (ชนะ 1 แพ้ 1 : ประตูรวม 4-3) ในชปล. 2012-13

- แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ทำได้แค่ประตูเดียวจาก 13 เกมยูโรปา ลีกที่ลงสนาม

- เดนิส ซูอาเรซ ของบียาร์เรอัล แอสซิสต์ให้ อาเดรียน ยิงประตูชัยในเกมที่แล้ว โดยเขาเป็นผู้เล่นที่แอสซิสต์มากที่สุดในยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้ (7)

- มีเพียงอาดูริซของแอธ.บิลเบา (10) ที่ยิงประตูในยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้มากกว่า เซดริก บากัมบู ของบียาร์เรอัล (9)

- โรเบร์โต้ โซลดาโด้ (บียาร์เรอัล) และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (ลิเวอร์พูล) มีโอกาสยิง 37 ครั้งในยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้ มากกว่าผู้เล่นทุกราย