ทีมชาติอิรักออกลายเหลี่ยมก่อนหวดทัพ "ช้างศึก" 11 ต.ค. 59 ด้วยการเปลี่ยนเมืองแข่งขันจากที่เคยใช้สนามปาซ สเตเดี้ยม เมืองเตหะราน โยกขึ้นเหนือใช้เมืองมัชฮาด ที่ช่วงหวดจะหนาวเย็นอุณหภูมิเฉลี่ย 15-18 องศาฯ และมีความชื้นสะสมปกคลุมทั้งเมือง ขณะเดียวกันหลังทีมชาติไทยหวดยูเออี วันที่ 6 ต.ค. 59 เสร็จต้องยกพลเดินทางต่อบุกอิรักนั้น หากไม่เตรียมการให้ดีอาจจะเจอปัญหาการเดินทางร่วมกว่า 22-28 ชั่วโมงหรืออย่างน้อยก็ต้องบิน 6 ชม.ต่อรถอีก 1 ชม.กว่าจะถึงเมืองดังกล่าว

หลังจากมีข่าวสื่อของซาอุดีอาระเบียประโคมข่าว เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ กุนซือทัพ "เศรษฐีน้ำมัน" เลือกสนาม คิง ฟาฮัด สเตเดี้ยม ที่เมืองริยาด เจอกับทีมชาติไทย วันที่ 1 ก.ย.นี้ ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ซึ่งมีสภาพอากาศที่ทะลุ 45-47 องศาเซลเซียส และมีความแห้งแล้ง เพื่อชิงความได้เปรียบที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเล่นต่อขุนพลจากฝั่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาไปแล้วนั้น

ล่าสุดอีกหนึ่งคู่แข่งร่วมสายอย่างอิรัก ที่ทีมชาติไทยมีโปรแกรมพบกันเกมแรกต้องบุกไปเยือนก่อนวันที่ 11 ต.ค. 59 ก็มีรายงานข่าวว่าทางสมาคมฟุตบอลอิรัก ได้มีการตัดสินใจเลือกเมืองมัชฮาด ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิหร่าน ที่แม้ว่าจะเป็นเมืองที่มีความเจริญ ทว่าในช่วงเดือน ต.ค.ที่ทีมชาติไทยจะเดินทางไปเยือนจะมีอากาศหนาวเย็น โดยอุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ 15-18 องศาฯ และมีความชื้นสะสมปกคลุมทั้งเมืองมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของของพื้นที่อีกด้วย

ส่วนสนามที่จะใช้รับมือทัพช้างศึกทางสื่อของอิรักคาดการณ์ว่าสมาคมฟุตบอลอิรักน่าจะใช้สนาม อิมาน ริซ่า สเตเดี้ยม หรือซาเมน สเตเดี้ยม สนามใดสนามหนึ่งของเมืองนี้ ที่สามารถจุแฟนบอลได้กว่า 35,000 คน ทั้งนี้เพราะจากการพบกับทีมชาติไทยและเวียดนามในรอบ 2 ผ่านมาที่เมืองเตหะราน ใช้สนามปาซ สเตเดี้ยม มีความจุเพียงประมาณ 8,000 คน ทำให้ทางสมาพันธ์ฟุตบอลอิรักไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่แฟนบอลไม่สามารถเข้ามาเชียร์ได้เต็มที่ ทำให้ทีมไม่ได้เปรียบด้านเสียงเชียร์สร้างแรงกดดันทีมคู่แข่งได้ รอบนี้ทางสมาคมฟุตบอลของอิรักจึงเน้นเป็นพิเศษ ด้วยการเลือกสนามใหม่

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่การเดินทางของทัพทีมชาติไทยที่จะต้องพบกับความยากลำบากมากขึ้นได้ เพราะหากดูตามโปรแกรมที่ทีมชาติไทยต้องเล่นกับสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ หรือยูเออี วันที่  6 ต.ค. 59 ที่เมืองอาบูดาบี จากนั้นการเดินทางไปปยังเมือง มัชฮาด ทั้งนักเตะและทีมงานสตาฟฟ์ของทัพช้างศึก จำเป็นต้องต่อเครื่องและนั่งรถบัสต่อเพื่อเข้าถึงที่พัก โดยเฉพาะการเดินทางทางเครื่องบินต้องบินถึง 6 ชม.เป็นอย่างน้อยและต่อรถอีกอย่างน้อย 1 ชม.จากสนามบินถึงตัวเมือง

อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญอาจจะเกิดปัญหาขึ้นในเรื่องของการจองตั๋วเครื่องบินได้ ที่อาจจะทำให้ทัพช้างศึกมีสิทธิ์สูงที่ต้องนั่งเครื่องยาวมาราธอนถึง 22-28 ชม. กับการต้องบินไปต่อเครื่อง หรือติดอยู่ที่สนามบินในระหว่างการเดินทาง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับสภาพจิตใจและความอ่อนล้าของร่างกายได้ แต่กลับกันขณะที่พลพรรคของทีมชาติอิรักที่เดินทางสะดวกกว่า เพียงเเค่ ชม.ครึ่ง จากกรุงแบกแดดก็ถึงเมืองมัชฮาดทันที