เกร็ดข้อมูลที่น่าสนใจก่อนเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ระหว่าง เวลส์ พบ ไอร์แลนด์เหนือ

- ไอร์แลนด์เหนือ ไม่ชนะในตลอด 8 เกมหลังที่พบกับ เวลส์ (เสมอ 4 แพ้ 4) หนสุดท้ายที่ชนะต้องย้อนไปเมื่อปี 1980 (ชนะ 1-0 ที่คาร์ดิฟฟ์) โดยนี่เป็นครั้งแรกที่ทีมจากสหราชอาณาจักรพบกันในรายการเมเจอร์

- เวลส์ ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ทั้งสองหนที่เข้ามาเล่นในรายการเมเจอร์ (บอลโลก 1958 และ ยูโร 2016) โดยในปี 1958 พวกเขาแพ้ บราซิล ในรอบก่อนรองชนะเลิศ

- ทีมมังกรแดงแพ้แค่ 2 จาก 8 เกมในการเล่นรายการเมเจอร์ โดยทั้งสองเกิดขึ้นด้วยผลต่างประตูเม็ดเดียว (แพ้ บราซิล 0-1 และแพ้ อังกฤษ 1-2)

- เวลส์ ยิงไปแล้ว 6 ลูกในยูโร 2016 มากที่สุดเท่ากับ ฮังการี โดย 4 ลูกเกิดขึ้นในครึ่งแรก 

- ทั้ง 3 ประตูที่ เวลส์ เสียในยูโร 2016 เกิดขึ้นหลังจากนาทีที่ 56 และเป็นการเสียให้กับนักเตะสำรองของคู่แข่ง

- นี่เป็นครั้งแรกที่ ไอร์แลนด์เหนือ ผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อคเอาท์รายการเมเจอร์นับตั้งแต่บอลโลก 1958 โดยแพ้ ฝรั่งเศส ในรอบก่อนรองชนะเลิศ

- นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่บอลโลก 1982 ที่ ไอร์แลนด์เหนือ ผ่านรอบแบ่งกลุ่มในรายการเมเจอร์ได้ แต่ในปีนั้นพวกเขาตกอรบแบ่งกลุ่มรอบสอง

- ไอร์แลนด์เหนือ แพ้แค่ 2 จาก 15 เกมหลังสุด (ชนะ 7 เสมอ 6) อย่างไรก็ตามสองเกมนั้นเกิดขึ้นใน 3 เกมหลัง (แพ้ โปแลนด์ และ เยอรมัน ในยูโร 2016)

- ไอร์แลนด์เหนือ ไม่เคยเสียมากกว่าเกมละ 1 ลูกตลอด 16 เกมหลัง หนสุดท้ายที่พวกเขาเสียมากกว่าหนึ่งประตูเกิดขึ้นเมื่อปั 2014 (แพ้ โรมาเนีย 0-2)

- 7 จาก 10 ประตูหลังของ ไอร์แลนด์เหนือ มาจากลูกตั้งเตะ (4 จากลูกเตะมุม และ 3 จากลูกฟรีคิก)

- ไอร์แลนด์เหนือ เป็นทีมที่ครองบอลเฉลี่ยต่ำที่สุดในยูโรหนนี้ (28.5%) และเป็นทีมที่หาโอกาสพังประตูน้อยที่สุดด้วย (17 ครั้งจาก 3 เกม)

- แกเร็ธ เบล กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงประตูได้ทั้ง 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่มยูโรรอบสุดท้าย นับตั้งแต่ มิลาน บารอส และ รุด ฟาน นิสเตลรอย ทำได้เมื่อปี 2004

- เบล กลายเป็นดาวยิงสูงสุดของเวลส์ในรายการเมเจอร์ (3 ลูก) มากกว่าที่ อิวอร์ ออลล์เชิร์ช (2 ลูก ในบอลโลก 1958) เคยทำได้

- อารอน แรมซี่ย์ มีส่วนร่วมกับประตูของทีม 3 จาก 5 ประตูหลังสุด (ยิง 1 แอสซิสต์ 2)